ข่าวปนคน คนปนข่าว
มาถึงวันนี้คงฟันธงได้แล้วว่า ประเทศไทยกำลังนับถอยหลัง รัฐบาลยิ่งลักษณ์? ชินวัตร ที่มีคะแนนในสภาท่วมท้น แต่ความศรัทธาจากประชาชน ลดน้อยถอยลงทุกที
นับเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับตระกูลชินวัตร ที่มีโอกาสได้ไถ่บาปให้กับประเทศไทย ด้วยการทำให้ชาติเดินไปข้างหน้า เพราะได้เข้าสู่อำนาจในลักษณะที่เรียกว่า เสถียรภาพทางการเมืองแน่นปึ้ก กลไกรัฐรับใช้เยี่ยงขี้ข้า จะบอกปู เป็นหอย บอก หอย เป็น ปู ก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
นอกจากนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ยังก้าวขึ้นสู่อำนาจในห้วงเวลาที่ต้องเรียกว่าเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกันที่จะปกป้องตัวเองได้จากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่ทุกอย่างก็พังทลายลงเหมือนปราสาททรายภายใต้น้ำมือของ ยิ่งลักษณ์ ที่ไม่คิดไถ่บาปให้บ้านเมืองด้วยการทำคุณงามความดี
แต่กลับเลือกที่จะสร้างบาป เพิ่มกรรม ให้กับแผ่นดินเกิดของตัวเอง
ถ้าเพียงแต่ นางสาวยิ่งลักษณ์ จะมีจิตสำนึกสักนิด ก็คงก้าวข้ามเส้นมาเป็นเป็นวีรสตรีได้ แต่บังเอิญเธอไม่เลือกที่จะเป็นวีรสตรี นับจากนี้จึงถึงเวลานับถอยหลัง และทางลงของเธออาจเลวร้ายกว่าผู้เป็นพี่ชายที่ยังเป็นนักโทษหนีคดี เร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ
ความอยุติธรรมที่ครอบงำประเทศในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้อภิสิทธิ์ กับคนเสื้อแดง แบบสองมาตรฐาน และไร้มาตรฐานในการดูแลประชาชนทั่วประเทศ ขาดความเอาใจใส่ต่อการบริหารบ้านเมือง ไม่มีมันสมองเพียงพอที่จะเป็นผู้นำ แถมยังเก่งในการเล่นหูเล่นตา เหมือนนางพริตตี้ มากกว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรี
ภาพเหล่านี้แม้ว่าคนทั่วประเทศจะยังไม่เห็นทั้งหมด และยังมีจำนวนไม่น้อยที่ตาบอด เพราะสื่อหลักไม่นำเสนอความโกหก ตอแหล ความไร้วุฒิภาวะของนางสาวยิ่งลักษณ์ ให้สังคมไทยได้เห็นอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีสื่อหนังสือพิมพ์รายวันในมือ คอยประคับประคอง เสนอแต่ด้านดี ยอมทำแม้กระทั่งการบิดเบือนความจริง ไม่ต่างอะไรจาก ดาวสยามในอดีต
แต่นับว่ายังโชคดีที่เทคโนโลยีในวันนี้มีความก้าวหน้า เครือข่ายประชาชนเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เคาะแป้นอยู่หน้าคีย์บอร์ด และทรงพลังยิ่ง เมื่อต้องต่อสู้กับทรราช ซึ่งมีปรากฏการณ์ให้เห็นแล้วจากประเทศอียิปต์ ที่ผู้นำพยายามจะออกกฎหมายรวบอำนาจไว้กับตัวเอง เพื่ออยู่เหนือองค์กรตรวจสอบและตุลาการ
แรงกระเพื่อมของประชาชนที่รวมตัวกันผ่านเฟซบุ๊ก แบบไร้แกนนำ จนในที่สุดพลังแห่งมวลมหาประชาชนก็ชนะทรราช ประธานาธิบดีอียิปต์ ยอมถอยยกเลิกกฎหมายฉบับดังกล่าว แต่สถานการณ์ในอียิปต์ ก็ยังคงตึงเครียดต่อไป
ไม่ต่างอะไรกับประเทศไทย ที่สภาพบ้านเมืองเริ่มเขม็งเกลียวใกล้เข้าสู่จุดแตกหักเต็มทน จึงไม่น่าแปลกใจที่หมอดูพากันออกมาทำนายทายทักว่า ดวงยิ่งลักษณ์ จะตกสุดๆ ไม่ต่างจากพี่ชายนักโทษ ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะถูกดวงดาวเล่นงาน
แต่เป็นสันดานที่ไร้จิตสำนึกของพี่น้องคู่นี้ ที่ย้อนศรกลับมาทำร้ายตัวเอง
ในขณะที่ใช้อำนาจกดหัวฝ่ายตรงข้าม สร้างอาณาจักรแห่งความกลัวครอบคลุมไปทั่วประเทศ ไร้ธรรมาภิบาลที่ดีในการบริหาร แถมยังโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม จนไทยถูกจัดอันดับที่ 88 ของประเทศที่มีความโปร่งใส
ความหมายก็คือ เป็นประเทศที่มีการทุจริตเพิ่มมากขึ้น จากเดิมอยู่อันดับที่ 80 ซึ่งส่วนหนึ่งที่ถูกใช้เป็นดัชนีชี้วัดคือ ตัวนโยบาย และพฤติกรรมของรัฐบาลที่เปิดช่องให้มีการทุจริตอย่างโจ๋งครึ่ม โดยเฉพาะการงาบงบน้ำท่วมกันอย่างเมามัน ด้วยวิธีพิเศษ แถมในวันเดียวกัน ไทยยังดังทั่วโลกจากการติดอันดับที่ 8 ของประเทศที่เสี่ยงต่อการก่อการร้ายอีกด้วย
สภาพการณ์เช่นนี้ ยังอาจเป็นเรื่องภาพลักษณ์ที่พอจะสร้างภาพฟื้นตัวกันได้ แต่การแก้ปัญหาไม่ถูกทาง วางคนไม่ถูกที่ เพราะไม่มีเจตนาที่จะแก้ปัญหาให้บ้านเมือง และไร้หัวใจให้ประชาชน
จึงทำให้ปีเศษของนางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นช่วงเวลาแห่งการเดินแคตวอล์ก ที่เธอสนุกสนานอย่างยิ่ง แต่เป็นความถดถอยของประเทศในทุกด้าน อย่างรุนแรง
การส่งออกที่กำลังทะยานขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก ก็ยังประคองตัวกลับมาเข้มแข็งได้ จนกระทั่งมาเจอนโยบายห่วยแตกของรัฐบาล จึงทำให้ส่งออกทรุดหนักจากที่ ไวท์ลาย ไว้ว่าจะโต 15 % ตอนนี้ภาคเอกชนที่คร่ำหวอดในแวดวงส่งออกฟันธงว่าอาจจะเหลือแค่ 1 % เท่านั้น
ขณะที่ปีหน้าค่าแรง 300 บาท กำลังจะพ่นพิษ ทำให้ธุรกิจเอ็มเอมแอลเจ๊งระเนระนาด โดยที่รัฐบาลไม่มีมาตรการรองรับ นอกจากที่เคยไล่ส่งว่า ถ้ารับไม่ไหวก็ให้ย้ายฐานการผลิตไป ซึ่งปัจจุบัน
อุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้านจำนวนไม่น้อย จนยอดคนตกงานพุ่งสูงขึ้น และบัณฑิตจบใหม่ ก็มีอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นไม่แพ้กัน
รายได้หดเพราะถูกปลดยังต้องเจอกับนโยบายลอยตัวพลังงาน ที่จะทำให้ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน เรียกว่าประชาชนจะลำบากตั้งแต่ที่ทำงานยันถึงครัว เพราะแก๊สหุงต้มก็จะขึ้นอีกกว่า 100 บาท ต่อถัง สิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสินค้าหมวดอาหาร รวมถึงหมวดอื่นๆ ด้วย เพราะน้ำมัน คือปัจจัยสำคัญในการขนส่ง
ผลผลิตการเกษตรตกต่ำแทบทุกชนิด แต่เป็นยุคทองของการจำนำ ที่ทำให้โรงรับจำนำอย่างรัฐบาล เอาเงินใส่กระเป๋านักการเมืองจนตุง ขณะที่ประชาชนผอมจนเหลือแต่ซี่โครง และเป็นยุคที่ไฟเผาโกดังเก็บข้าว และยางพารา กันอย่างโจ๋งครึ่ม ตรวจสอบไม่ได้ว่าตกลงแล้วรับจำนำมาเท่ากับจำนวนเงินที่รัฐเสียไปหรือไม่
เผาไปเลย ผมรับผิดชอบเอง มันดีอย่างนี้นี่เอง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ผู้เป็นอำมาตย์เต็มตัว ถึงกล้าพูดออกมาเต็มปากเต็มคำโดยไม่สนใจกฎหมายบ้านเมือง
ขณะที่โครงการรับจำนำข้าวที่ว่าเด็ด ก็กำลังจะเด็ดชีวิตทางการเมืองของยิ่งลักษณ์ในเวลาอันใกล้นี้ หลังจากที่ ป.ป.ช. รับสอบกรณีจีทูจีลวงโลกไว้พิจารณาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะใช้เวลานาน เพราะ ป.ป.ช. มีการศึกษาเรื่องโครงการจำนำข้าวมานาน อีกทั้งมีหลักฐานชัดเจนจากปากทูตจีนว่า การซื้อขายระหว่างกันไม่ใช่เรื่องรัฐต่อรัฐ แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลไทยกับเอกชน โดยจีนวางบทบาทแค่เป็นผู้ชักนำเท่านั้น
จีทูจีที่เอามาบังหน้าหากินกันพุงกางกำลังจะเป็น เจ๊งทูเจ๊ง แถมการเดินเกมการเมืองแบบเร่งเร้า ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ปรองดอง รวมถึงการดำเนินคดีกับ อภิสิทธิ์-สุเทพ ก็ยิ่งเป็นตัวเร่ง ทำให้คนรักความเป็นธรรมอยู่ในสภาพ ทนไม่ไหว
การปฏิวัติประชาชนกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ไม่ใช่วิธีการอุบาทว์ ที่เสื้อแดงใช้ทำร้ายประเทศตามใบสั่งของนักโทษชาย หากจะเกิดขึ้นจากการอภิวัฒน์ และตื่นรู้ของประชาชนในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่จะขยายกว้างไกลเกินว่ารัฐบาลจะเอามือปิดแผ่นฟ้าไว้ได้
