สาวก ปชป.แห่ให้กำลังใจ “อภิสิทธิ์-สุเทพ” ที่พรรค ชูคนดีของชาติที่ถูกรังแก เจ้าตัวลงมาพบ ยันไม่คิดทำร้ายประชาชน ลั่นต่อสู้ในกรอบกฎหมาย เคารพกระบวนการยุติธรรม ไม่หนี พร้อมรับโทษหากถูกประหาร ด้าน “ชวนนท์” กุ “ธาริต” จ่อจับโชว์ “นช.แม้ว” ด้าน “ศิริโชค” ยันพร้อมยื่นประกันตัว แต่เชื่อคงหวังผลภาพถูกขังไปใช้ประโยชน์ ล่าสุดออกจากดีเอสไอเผยให้ถ้อยคำครบถ้วนแล้ว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แฉโมเมเอาความเห็นอัยการตั้งข้อสรุป แต่พร้อมส่งเอกสารให้พนักงานสอบสวนอีกครั้งภายใน 45 วัน ขณะที่ดีเอสไอเตรียมแถลงข่าวพรุ่งนี้ 11 โมง
คลิกที่นี่ แถลงการณ์ โดย "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"
วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักตั้งแต่ช่วง 08.00 น.ที่ผ่านมา โดยมีกลุ่มผู้สนับสนุนประมาณ 200 คนมารวมตัวที่ลานพระแม่ธรณีบีบมวยผม เพื่อมารอให้หกำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่จะไปรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล โดยได้มีการเตรียมดอกไม้เพื่อให้กำลังใจ รวมทั้งชูป้ายข้อความต่างๆ เช่น สู้ๆ, คนดีของประเทศที่ถูกรังแก, เอาตัวรอด ธาริต เปลี่ยนสี ดีเอสไอเปลี่ยนไป, ดีเอสไอมีใบสั่ง ฯลฯ ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยในบริเวณดังกล่าวด้วย ขณะที่ทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ยังไม่ได้เดินทางมาที่พรรคแต่อย่างใด เนื่องจากยังติดภารกิจ โดยทางพรรคได้จัดเตรียมเครื่องสักการะให้นายอภิสิทธิ์ใช้สักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำพรรคก่อนที่จะเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาด้วย
และเมื่อเวลา 12.45 น. นายอภิสิทธิ์พร้อมกับนายสุเทพได้ลงมาพบปะกับกลุ่มผู้สนันสนุน โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวขอบคุณที่ให้กำลังใจว่า ในคดีของตนและนายสุเทพเชื่อว่าทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์การการชุมนุมในปี 2552-2553 ยืนยันว่าตนและนายสุเทพไม่เคยทำอะไรในการปฏิบัติหน้าที่ที่มีเป้าหมายในการทำร้ายประชาชน
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า แต่ความเป็นนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลฝ่ายความมั่นคง เมื่อมีการกระทำที่ผิดกฎหมายของประชาชน โดยที่ศาลชี้ว่ามีการชุมนุมไม่ถูกต้องตามกฎหมายและปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีการนำเอาผู้ที่ติดอาวุธมาก่อเหตุความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงเป็นหน้าที่ของตนและนายสุเทพที่จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองกลับสู่สภาวะปกติ ซึ่งเราได้ดำเนินการตามหน้าที่โดยการมอบหมายนโยบายอย่างชัดเจนว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะต้องหลีกเลี่ยงความสุ่มเสียงต่อการสูญเสียของพี่น้องประชาชน
“ผมกับคุณสุเทพจะต่อสู้ภายใต้กรอบของกฎหมาย ไม่คิดต่อสู้ด้วยวิธีอื่น และได้ยืนยันไปแล้วว่า เราจะเคารพกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าผมหรือคุณสุเทพจะหลบหนีไปที่ไหน ผมไม่ใช่คนขี้ขลาด ขี้โกง ที่จะไปอยู่เมืองนอก อาจจะมีบ้างที่ขี้เหนียว แต่ไม่ขี้ขลาดและขี้โกง จะไม่ยอมให้มีการนำเรื่องนี้มาต่อรองผลประโยชน์ใดทางการเมือง และโทษนี้ไม่หนักหนาสาหัส เพราะโทษสูงสุดก็แค่ประหารชีวิต และถ้าศาลตัดสินว่าพวกผมผิดถึงขั้นตัดสินให้ประหารชีวิต พวกผมก็ยินดี เพราะผมต้องการรักษากฎหมายไทย หากถูกประหารชีวิต ผมก็ขอให้คนที่ต้องติดคุกกลับมาเสียดีๆ บ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้าได้ และผมอยู่ที่นี่ต่อสู้คดี และมั่นใจในความบริสุทธิ์ ของผมและคุณสุเทพ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับประชาชนที่มาให้กำลังใจว่า ในช่วงเช้าได้รับข่าวไม่ดีว่านายธาริตจะปฏิบัติการโชว์นายใหญ่ด้วยการจับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพคุมขัง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นพวกเราคงไม่ยอม และจะไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) เพื่อทวงคืนความยุติธรรม ซึ่งวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทวงคืนความเป็นธรรมให้กับประเทศไทย
ขณะที่ นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา กล่าวว่า ตนได้รับข่าวเช่นกัน ทั้งนี้ตามกฎหมายพนักงานสอบสวนหรือดีเอสไอมีอำนาจในการควบคุมตัวนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพได้ 48 ชั่วโมง แต่ทีมกฎหมายของพรรคได้เตรียมทำเรื่องขอประกันตัวเพื่อรับมือไว้แล้ว โดยหากยื่นประกันตัวพนักงานสอบสวนต้องพิจารณาว่าจะให้ประกันหรือไม่ภายใน 24 ชั่วโมง และหากดีเอสไอกล้าควบคุมตัวบุคคลทั้งสองจริงก็ถือเป็นการกลั่นแกล้งชัดเจน จึงอยากให้ประชาชนเฝ้าจับตาการทำงานของดีเอสไอด้วย ตนเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการคือให้เกิดภาพที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ อยู่ในกรงขัง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในทางการเมือง และการดำเนินการเช่นนี้ต้องพิจารณาว่าดีเอสไอกระทำโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
จากนั้น เมื่อเวลา 17.45 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าพบคณะพนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล กรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง 30 นาที
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษเรียกตนและนายสุเทพมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ รวมทั้งสิ้น 3 คดี คือ คดีร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล กรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง คดีเงินบริจาคน้ำท่วมของพรรคประชาธิปัตย์ และการให้ตนเองมาเป็นพยานเรื่องการทุจริตเงินบริจาคน้ำท่วมให้พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งตนเองได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเฉพาะในคดีแรกที่เกี่ยวกับความวุ่นวายเนื่องมาจากการชุมนุมทางการเมือง ตนเองจะต่อสู้โดยใช้ช่องทางทางกฎหมาย ตนเองยังคงสงสัยอยู่ว่า การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแจ้งว่ากรณีการสลายการชุมนุมพฤติการณ์ของตนในขณะนั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่ในเอกสารกลับไม่ได้ระบุว่าปฏิบัติหน้าที่ในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนก็พร้อมส่งเอกสารให้พนักงานสอบสวนอีกครั้งภายใน 45 วัน
“รวมถึงการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอ้างว่า การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นมติของ 3 ฝ่าย คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอัยการ แต่ทางอัยการได้ออกมาปฏิเสธว่าเป็นเพียงการหารือ แต่ไม่ได้มีส่วนในการออกความคิดเห็นแต่อย่างใด นอกจากนี้ การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษให้ลงลายมือชื่อในข้อกำหนดเงื่อนไข 4 ข้อ ที่ผมไม่ยอมลงลายมือชื่อเพราะไม่ยอมรับในเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งผมปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองดีอยู่แล้ว” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายอภิสิทธิ์พร้อมด้วยนายสุเทพ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ นายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทนายความและทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางออกทางประตูทางออกด้านหลังของอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเดินทางกลับยังพรรคประชาธิปัตย์ทันที
มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 11.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษจะแถลงข่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้ง