xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เย้ยดีเอสไอใบสั่งแม้ว ลั่นผิดให้ประหาร อย่าฝันต่อรองล้างผิดให้คนโกง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“อภิสิทธิ์” ฉะ “ธาริต” ปิดบังความจริง “พัน คำกอง” ถูกยิง เย้ยตั้งธงเล่นงานหมายต่อรองออก กม.นิรโทษกรรม สนองนายใหญ่กลับบ้าน ยันพร้อมเผชิญหน้า “ดีเอสไอ” 13 ธ.ค.นี้ สู้ทุกข้อกล่าวหา ลั่นน้อมรับโทษประหาร แต่อย่ามาต่อรองล้างความผิดให้คนโกง

วันนี้ 8 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบนเวทีประชาชน “เดินหน้าผ่าความจริง สจฺจํ เว อมตา วาจา ความจริงไม่มีวันตาย” ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต จ.ปทุมธานี ว่าตนกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่ได้ตกใจต่อสิ่งที่ดีเอสไอมาแจ้งหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา เพราะมีคนบอกล่วงหน้ามานานแล้วว่าปิดสมัยประชุมเมื่อไหร่ ดีเอสไอจะต้องหาวิธีการในการทำให้ตนกับนายสุเทพ ตกเป็นผู้ต้องหา มีคนบอกมาตั้งนานแล้วว่าการดำเนินการในเรื่องนี้จะต้องทำในช่วงนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของนายใหญ่ ที่ต้องการจะเห็นบางสิ่งบางอย่างเพื่อจะปูทางไปสู่การกลับบ้าน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่แปลกใจ ไม่ตกใจ เพราะคำแถลงของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อตอนต้นสัปดาห์ถ้อยคำที่บอกว่าผิดอะไรอย่างไร เป็นถ้อยคำที่ลอกมาจากการให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่พูดมาหลายเดือนแล้ว เรื่องนี้เป็นการตั้งธงเพื่อนำมาใช้ในการที่จะคุกคาม บีบบังคับให้เกิดการต่อรองเกี่ยวกับเรื่องของการล้างผิดหรือนิรโทษกรรมขึ้น ปูทางเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย

“แต่ว่าผมต้องทำความเข้าใจว่า การแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อไปสอดรับกับข้อกล่าวหาของคนเสื้อแดง พยายามจะบอกว่าผมกับคุณสุเทพเป็นคนสั่งฆ่าประชาชนในช่วงปี 2553 ความจริงแล้วรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์มีการบันทึกเอาไว้ในหนังสือของคุณสุเทพ ในหนังสือของผม และมีการสอบสวนศึกษาเหตุการณ์จากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการอิสระเพื่อค้นหาความจริงและสร้างความปรองดอง หรือ คอป. และองค์กรอื่นๆ อีกมากมาย แต่เขาอาศัยว่ารัฐบาลของผมนั้นเป็นรัฐบาลแรกที่จัดการกับการชุมนุม ข้อที่ 1 ยึดตามกฎหมายทุกประการ ไปขออำนาจศาล ศาลบอกว่าเป็นอำนาจ และเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของฝ่ายบริหารอยู่แล้วที่ต้องให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติ ในทางตรงกันข้าม ผู้ชุมนุมไปขอความคุ้มครองศาลเมื่อปี 53 ศาลบอกว่าไม่ให้ความคุ้มครองเพราะคุณชุมนุมผิดกฎหมาย ไปละเมิดสิทธิคนอื่น ไปปิดถนน ไปปิดย่านการค้า ศาลไม่คุ้มครอง”

นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ประการที่ 2 รัฐบาลในขณะนั้นทั้งตนและนายสุเทพมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่เข้าไปสลายการชุมนุม เราทำเพียงแต่การปิดกั้น ปิดล้อม เพื่อกดดันให้มีการยกเลิกการชุมนุมไปเอง และจนถึงนาทีสุดท้ายก็ไม่เคยมีการเข้าไปสลายการชุมนุม เข้าไปสู่เวทีที่มีการชุมนุม แต่เป็นเรื่องที่ผู้ชุมนุมในที่สุดเลิกการชุมนุมเอง และยังก่อความวุ่นวาย เผาบ้าน เผาเมือง และก่อการร้ายไปแล้วหลายคดี

ที่สำคัญที่สุด รัฐบาลขณะนั้นเป็นรัฐบาลแรกที่การปฏิบัติการต่างๆ เกี่ยวกับการชุมนุมเปิดเผย มีสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ สามารถติดตามได้ทุกอย่าง และเมื่อเหตุการณ์ผ่านพ้นไป เราเป็นรัฐบาลแรกที่บอกว่าให้กระบวนการยุติธรรมได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ พวกตนยินดียอมรับ ไม่ขัดขวาง จึงเป็นที่มาของการที่จะต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูในเรื่องความสูญเสีย เรื่องชีวิต ทรัพย์สิน ของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดขึ้นเราต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้สูญเสีย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจะต้องมีการสอบว่าผู้เสียชีวิตนั้นเสียชีวิตเพราะอะไร อย่างไร และก็ต้องมีการชันสูตรพลิกศพ แล้วก็ให้ศาลไต่สวน การไต่สวนของศาลในกรณีแบบนี้ เหมือนกรณีอื่นๆ เช่น เวลามีวิสามัญฆาตกรรม ศาลก็จะชี้ว่าคนตายเป็นใคร ตายที่ไหน ด้วยสาเหตุอะไร กรณีของนายพัน คำกอง ศาลบอกว่าในวันนั้นหลังจากที่ ศอฉ.ตัดสินใจว่าไม่สลายการชุมนุมแต่ปิดล้อม มีการตั้งด่าน ในการตั้งด่านนั้นปรากฏข่าวว่าจะมีการขนอาวุธเข้าไปสู่พื้นที่การชุมนุม จะมีผู้ที่มาก่อเหตุวุ่นวาย แล้วค่ำวันนั้นมีรถตู้พยายามที่จะวิ่งฝ่าด่านที่ทหารตั้งไว้ มีการเตือน แต่จะด้วยเหตุใดไม่ทราบรถตู้ไม่หยุด วิ่งพุ่งเพื่อที่จะชนด่านของทหาร จึงมีการยิงเกิดขึ้น

“ศาลท่านบอกว่า ดูแล้วการเสียชีวิตของนายพัน คำกอง เกิดจากกระสุนที่ใช้ในราชการทหาร และน่าจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในช่วงที่รถตู้วิ่งเข้ามาแล้วมีการยิง แต่เพื่อให้รายละเอียดครบถ้วน เพราะคุณธาริตไม่เคยบอกกับพี่น้องประชาชนเลยนะครับว่า คุณพัน คำกองที่ถูกยิงนั้นไม่ใช่คนที่อยู่ในรถตู้ ไม่ได้พยายามฝ่าด่านครับ คุณพัน คำกอง มาอยู่ในบริเวณนั้น พักอยู่ที่สำนักงานขายของคอนโดฯ เพราะว่าไม่สามารถเดินทางเข้าพื้นที่ที่ทหารตั้งด่านเอาไว้ได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ยิงกันขึ้น คุณพัน คำกองวิ่งออกมาดูเหตุการณ์ แล้วจึงถูกยิงเสียชีวิต

ผมถามว่าการเสียชีวิตแบบนี้เป็นการฆาตกรรมโดยเจตนาหรือไม่ เกิดเหตุชุลมุนมีการยิงกัน คนวิ่งมาดูเหตุการณ์เสียชีวิตไป นี่คุณธาริตสรุปว่าเป็นการฆาตกรรมโดยเจตนา และจนถึงวันนี้คุณธาริตก็บอกไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วกระสุนที่ใช้ในราชการทหารนั้นยิงโดยใคร แต่คุณธาริตบอกว่าผมกับคุณสุเทพ ผมตั้ง ศอฉ. คุณสุเทพเป็น ผอ.ศอฉ. สั่งเจ้าหน้าที่ต่างๆ ปฏิบัติการ ไม่ว่าจะสั่งอย่างที่คุณสุเทพทำอย่างละเอียดละออ ให้พยายามหลีกเลี่ยงความสูญเสียอย่างไร คุณธาริตบอกว่าพวกผมต้องเล็งเห็นผลแล้วว่าจะเกิดการตายขึ้น ถือว่าเป็นการเจตนาฆาตกรรม หรือสั่งโดยมีเจตนาให้เกิดการฆาตกรรม นี่คือตำรากฎหมายฉบับเฉลิม-ธาริต”

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ยังไม่เคยได้ยินใครที่ไหนเชื่อในทฤษฎีกฎหมายแบบนี้ แต่ยืนยันว่าตนและนายสุเทพจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ แต่ทันทีที่ออกข่าวบอกว่าจะออกหมายเรียก เขาพยายามตีข่าวว่า ตนหรือนายสุเทพจะอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ จะหนีไปหรือเปล่า จะถ่วงเวลา จะใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.หรือเปล่า ขอบอกไปยังนายธาริตว่าพวกตนเป็นคนละประเภทกับไอ้พวกขี้ขลาดที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ

“ข้อหาที่ตั้งโทษสูงสุดประหารชีวิต ผม คุณสุเทพ บอกแล้วว่าเรายอมรับกระบวนการศาล ถ้าศาลจะตัดสินประหารชีวิตก็เอาพวกผมไปประหาร ผมไม่มาต่อรองล้างความผิดให้กับคนโกงเด็ดขาด เพราะฉะนั้น ผมกราบขอบพระคุณพี่น้องทุกท่านที่มาร่วมกิจกรรมวันนี้ และยืนยันครับว่า ผม คุณสุเทพ พรรคประชาธิปัตย์เดินหน้ากับประชาชน ผ่าความจริง ต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในบ้านเมืองตลอดไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น