ผ่าประเด็นร้อน
แม้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาจากผลสำรวจความรู้สึกของคนไทยจากสำนักต่างๆ ก็พอเข้าใจได้ไม่ยากว่าในช่วงเดือนธันวาคมที่ถือว่าเป็นเดือนมหามงคลย่อมสร้างความสุขและชุมชื่นหัวใจทั้งมวลเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเมื่อได้เห็นสีหน้าและน้ำตา รอยยิ้มที่แสดงออกถึงความปลื้มปิติเหลือประมาณ โดยเฉพาะวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นวันพิเศษเพิ่มขึ้นไปอีกในโอกาสพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุครบ 85 พรรษา ได้เห็นคลื่นมหาชนที่สวมใส่เสื้อเหลืองพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อถวายความจงรักภักดี รับฟังพระบรมราโชวาทเพื่อเป็นมงคลกับชีวิต
และอีกความหมายหนึ่งที่สำคัญก็คือเป็นการพร้อมใจกัน ถ้าสื่อสารกันแบบชาวบ้านให้เข้าใจกันง่ายก็คือ เป็นการ “ให้กำลังใจในหลวง” ให้พ่อของแผ่นได้มีความสุข ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงชนชาวไทยสืบไปตราบนานเท่านาน
อย่างไรก็ดี ความสุข ความปีติดังกล่าวทำท่าจะต้องมลายลงไปโดยพลัน เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการยกร่างฉบับใหม่ขึ้นมา โดยอ้างว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนบังหน้า
จากการเปิดเผยของประธานคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลที่นำโดย โภคิน พลกุล ว่าพวกเขาจะเริ่มดีเดย์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ธันวาคมเป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันครบรอบการใช้รัฐธรรมนูญครบ 80 ปี อย่างไรก็ดีนั่นเป็นแค่วาทะกรรมเลื่อนเปื้อนให้ฟังดูสวยหรูเท่านั้น แต่เป้าหมายที่ซ่อนอยู่ข้างในยังไม่ได้เปิดเผยออกมาให้เห็นชัด
แต่ได้เห็นขั้นตอนคร่าวๆ ที่ประกาศออกมาจากของโภคิน ที่นาทีนี้ถือว่าเป็นกุนซือด้านกฎหมายคนใหม่ของ ทักษิณ ชินวัตร สำหรับการเดินเกมใหม่คราวนี้ และสิ่งที่จะได้เห็นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าหลังจากมีการเปิดสมัยประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติ วันที่ 21 ธันวาคมเป็นต้นไป ก็จะรอจังหวะผลักดันให้มีการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวาระที่ 3 เพื่อเป็นประตูเปิดช่องให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมายกร่างทั้งฉบับในอนาคต
แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการเสนอให้โหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ดังกล่าวในวันใดแน่ เพราะเวลานี้ยังไม่เปิดสมัยประชุมสภา แต่เมื่อพิจารณาจากท่าทีและความเคลื่อนไหวหลายอย่างมาประกอบกันเชื่อว่า จะต้อง “เดินหน้า” แน่นอน เพราะร่างแก้ไขดังกล่าวยังค้างคาอยู่ในวาระด่วนเป็นอันดับต้นๆ
อย่างไรก็ดี เมื่อมีความพยายามจะโหวตในวาระที่ 3 เพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มันก็ย่อมทำให้สถานการณ์การเมืองมีความร้อนแรงขึ้นมาทันที อย่างน้อยก็มาจากปมปัญหาของการลงมติในวาระ 3 นั่นแหละ เพราะก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้เคยวินิจฉัยเอาไว้แล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับทำไม่ได้ และเข้าข่ายการล้มล้างรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังระบุอีกว่าหากจะมีการแก้ไขต้องมีการลงประชามติถามประชาชนก่อน
เชื่อว่าด้วยประเด็นแค่นี้ก็ทำให้สถานการณ์ร้อนระอุขึ้นมาทันที เพราะหากฝ่ายพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลเดินหน้าลงมติในวาระที่ 3 มันก็ต้องเสี่ยงต่อการถูกร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในเรื่องของความผิดในเรื่องการล้มล้างรัฐธรรมนูญดังกล่าว อาจเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรค สมาชิกรัฐสภามีความผิดอาญา ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงไม่น้อย แต่นั่นไม่น่าห่วงมากไปกว่าการแก้ไขหรือยกร่างใหม่คราวนี้มีเจตนาเพื่อช่วยเหลือ ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก โดยพ่วงเอาประโยชน์ของนักการเมืองเข้าไปด้วย ขณะที่ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
สำหรับความเคลื่อนไหวสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังดำเนินการผลักดันให้เกิดขึ้นอีกรอบ ก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะนี่คือความปราถนาสูงสุดของ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นเจ้าของคนพวกนี้ และมีแต่ใช้วิธีแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้นที่จะทำให้เขากลับมามีอำนาจทางการเมืองได้อีกรอบ และ “อำพราง” ได้แนบเนียนกว่าการเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดอง (ล้างผิด)แห่งชาติ เนื่องจากวิธีอย่างหลังมัน “โฉ่งฉ่าง” ถูกจับได้ไล่ทัน เสี่ยงต่อการ “เรียกแขก” ออกมาต่อต้านให้พังเร็วขึ้น และถึงแม้จะทำได้สำเร็จนั่นสามารถลบล้างความผิดได้ แต่ก็ยังไม่อาจเข้าสู่อำนาจได้ทันที เพราะยังมีเรื่องขัดคุณสมบัติกรณีเคยถูกพิพากษาจำคุก จะต้องมีการเสนอเป็นพระราชบัญญัติล้างมลทินตามอีก มันก็ยิ่งยุ่งยาก น่ารำคาญ
ดังนั้นจึงเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเที่ยวนี้ถือเป็นเดิมพันสำคัญอีกครั้งของ ทักษิณ ชินวัตร เพราะตามข่าวที่ยืนยันแล้วว่าเขาจะมาบัญชาการเองที่เกาะฮ่องกงในวันที่ 11 ธันวาคม โดยจะพบปะกับบรรดารัฐมนตรีและ ส.ส.คนสำคัญของพรรคเพื่อไทย หารือถึงมาตรการเคลื่อนไหวเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จให้ได้โดยเร็ว และเมื่อพิจารณาจากอาการเคลื่อนไหวเท่าที่เห็นจะพยายามอุดช่องโหว่ให้รัดกุมมากที่สุด นั่นคือจะใช้วิธีระดมรับฟังความคิดเห็นพวกเดียวกันผ่านทางกลไกรัฐ ทั้งมหาดไทยในระดับจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ จากนั้นเมื่อ ส.ส.ร.ยกร่างเสร็จแล้วก็ จะ “มัดมือชก” ด้วยการให้ลงประชามติรับรอง
นั่นเป็นวิธีการที่ฝ่าย ทักษิณ วางแผนกันเอาไว้ล่วงหน้า แต่กว่าจะไปถึงขั้นตอนนั้น ต้องผ่านการโหวตแก้ไขมาตรา 291 ในวาระสามเสียก่อน จะกล้าเดินหน้าหรือไม่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้เคยเตือนเอาไว้แล้วว่าถ้ากล้าลงมติก็ต้องยอมรับความเสี่ยงทางกฎหมายที่จะเกิดขึ้นภายหลัง และแม้ว่าจะมีการแก้เกมจากฝ่าย “กุนซือหัวหมอ” รอบตัวจนผ่านไปได้ก็ตามก็ต้องมาเจอกับแรงต่อต้านจากสังคม เพราะนาทีนี้ส่วนใหญ่ที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดย่อมรับรู้กันแล้วว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีเป้าหมายเพื่อล้างความผิด และให้ทักษิณ กลับมามีอำนาจทางการเมืองอีกครั้งเท่านั้น และแม้ว่าการแก้ไขย่อมทำได้ แต่ต้องมีความชัดเจนและมีเหตุผลพอจะแก้ตรงไหน ทำไมต้องแก้ไข ไม่ใช่อ้างมั่วๆ คลุมๆ ว่าเป็นรัฐธรรมนูญมาจากเผด็จการ
ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าเริ่มทำให้เกิดความตึงเครียดในสังคมมากขึ้น และยังเป็นการ “ทำลายความสุข” ของคนไทย ทั้งที่เพิ่งผ่านพ้นวันมหามงคลเพียงไม่กี่วันเท่านั้น!!