รายงานการเมือง
ได้ฤกษ์ที่ “คนเพื่อแม้ว” ในพรรคเพื่อไทย ต้องเดินหน้าสานความฝันนำตัว “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาเหยียบแผ่นดินไทย เมื่อพลพรรคเพื่อไทยเริ่มขยับตัวเดินหน้าที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกครั้งหนึ่ง
ภายหลังที่ “คณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291” ที่มี “โภคิน พลกุล” เป็นประธาน ได้ส่งรายงานที่ไปรวบรวมข้อมูลจากบรรดาภาคส่วนต่างๆ ให้กับพรรคร่วมรัฐบาลไปพิจารณาแล้ว
ซึ่งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา “เพื่อไทย” ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล เชิญตัวแทนของพรรคร่วมรัฐบาลประชุมครั้งสุดท้าย เพื่อทำความเข้าใจในกระบวนการต่างๆ จากนั้นให้พรรคร่วมรัฐบาลนำข้อมูลและแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมด กลับไปปรึกษาหารือกันในพรรคเอง
โดยเฉพาะบรรดาแกนนำ “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่ประเมินสถานการณ์และต้องตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อจะร่วมหัวจมท้ายกับพรรคเพื่อไทย
เพราะลึกๆแล้วพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “พรรคชาติไทยพัฒนา” ไม่ค่อยเห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยสักเท่าไร หากจะต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 โดยการลงมติวาระ 3 โดยไม่สนใจคำวินิจฉัยของ “ศาลรัฐธรรมนูญ”
นั่นเพราะ “บรรหาร ศิลปอาชา” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ผู้มากบารมีตัวของพรรค ยังตกอยู่ในอาการหวาดระแวง หวั่นใจว่า “ชาติไทยพัฒนา” จะถูกยุบพรรคซ้ำรอย “พรรคชาติไทย” ที่ “บรรหาร” รักหนักรักหนา
ข้อเสนอของ “ชาติไทยพัฒนา” ที่ยื่นไปยังพรรคเพื่อไทย คือการแก้ไขรายมาตรา ตามที่ “ศาลรัฐธรรมนูญ” เปิดช่องไว้ว่าสามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะมาตรา 237 ว่าด้วยการยุบพรรคการเมือง ส่วนจะแก้ไขมาตราอื่นเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร “ชาติไทยพัฒนา” ไม่ขัดข้อง ยกเว้นมาตรา 309 ที่ว่าด้วยผลพวงจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 49 นั้น หากพรรคเพื่อไทยจะแก้ต้องมาคุยในรายละเอียดกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ทว่าข้อเสนอของ “ชาติไทยพัฒนา” ถูก “แกนนำพรรคเพื่อไทย” เบรกตั้งแต่ต้น เพราะไม่ตอบโจทย์ของ “นายใหญ่”
โดยพรรคเพื่อไทยงัดสูตรที่ว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ยังค้างในวาระ 3 หากจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้ามาใหม่อีกคงทำไม่ได้ หากเสนอเป็นรายมาตราเข้ามา มติการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังค้างอยู่ ยังไม่ได้ลงไปก่อนจะทำดำเนินการอย่างไร
ข้ออ้างดังกล่าวทำให้พลพรรค “ชาติไทยพัฒนา” ต้องยกธงขาวยอมแพ้ไป เปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเดินหน้าได้สะดวกโยธิน
ในส่วนของ “นักวิชาการ” ในรายงานของ “โภคิน” ระบุว่า เกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีหลายคนทักท้วงเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อยู่มากพอสมควร
เนื่องจากบรรดานักวิชาการ เกรงว่าประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะเป็นตัวจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นมากอีก จึงพยายามเสนอแนะให้พรรคเพื่อไทยหาวิธีการอื่นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โดยเฉพาะการแก้ไขรายมาตรา และเป็นมาตราที่สมควรแก้เท่านั้น โดยให้ประชาชนตัดสินใจว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราใดบ้าง หลังจากนั้นค่อยมาหารือในพรรคการเมืองว่าจะแก้มาตราใด แก้ด้วยวิธีการใด
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายคนยังไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 309 อยู่ดี เพราะมองแล้วจะเป็นปัญหาอุปสรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ และมองว่าอาจจะถูกนำไปขยายความให้เห็นว่าหากแก้มาตรา 309 คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ “พ.ต.ท.ทักษิณ”
กระนั้นข้อเสนอของนักวิชาการก็ยังถูกแช่แข็งไว้เช่นเดียวกับข้อเสนอของพรรคชาติไทยพัฒนา เพราะพรรคเพื่อไทยยังอ้างเหมือนเดิมว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ยังค้างอยู่ในสภา จึงไม่สามารถเสนอแก้ไขเป็นรายมาตราได้
สิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์จากนักวิชาการ คือการเห็นควรให้แก้ไข จึงนำส่วนนี้ไปกล่าวอ้างได้ แต่ก็จะปิดบังในรายละเอียดที่บรรดานักวิชาการส่วนใหญ่ได้ท้วงติงไว้ คัดเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับตัวเท่านั้น เพื่อเอาไปใช้ทำความเข้าใจกับสาธารณะ
ดังนั้นจึงเชื่อได้เลยว่า พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการลงมติวาระ 3 โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง แต่ขอให้ตอบสนองความต้องการของ “นายใหญ่” เป็นพอ
หลังจากการประชุมร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พรรคเพื่อไทยจะให้พรรคร่วมรัฐบาลได้ดูประเด็นต่างๆในรายงาน หากมีประเด็นใดเพิ่มเติมก็อาจจะมีการปรับปรุงรายงาน จากนั้นก็จะส่งรายงานฉบับสมบูรณ์ให้กับ “แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล” ตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย ว่าจะดำเนินการตามรายงานอย่างไร
โดยพรรคเพื่อไทยมีคำขู่เล็กๆ ไปถึง “พรรคร่วมรัฐบาล” ว่ามีเวลาตัดสินใจจนกว่าจะเปิดประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ เดาไม่ยากว่าคงได้ให้เห็นพรรคเพื่อไทยเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเต็มรูปแบบในการประชุมสภาสมัยนิติบัญญัติที่ใกล้จะถึงนี้อย่างแน่นอน
เวลานี้พรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะได้ใจ เหิมเกริมจากชัยชนะต่อการชุมนุมของ “องค์การพิทักษ์สยาม” ที่ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เหิมเกริมจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของ “ประชาธิปัตย์” ที่ไม่สามารถกดดันอะไรได้มากมายเช่นกัน
ความเหิมเกริมดังกล่าวเป็นแรงขับเคลื่อนทำให้พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าหากเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 ก็คงไม่มีสิ่งใดมาทำอันตรายต่อพรรคเพื่อไทยได้
หากแต่ความเหิมเกริมที่เกิดจากชัยชนะของพรรคเพื่อไทยเกิดจากความ “ชะล่าใจ” ประเมินคนอื่นไว้ต่ำ ระวัง “พลังเงียบ” จะตามหลอกหลอนเอาได้