รายงานการเมือง
สูตรสำเร็จตายตัวตามเนื้อผ้าหลังจบศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านที่จะต้องหอบข้อมูลที่ได้มีการถลกหนังในรัฐสภาไปส่งไม้ต่อให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบขยายผล
ตามคิวล่าสุดที่พรรคประชาธิปัตย์แบกเอกสารหลักฐานต่างๆ ในโครงการสารพัดทุจริตของรัฐบาลไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สืบสวนสอบสวนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยเฉพาะไฮไลต์สำคัญของงานอย่างการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่มีการโหมโรงกันมาร่วมค่อนปี
หลังก่อนหน้านี้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่าการที่ “ค่ายสีฟ้า” ออกอาการสองแง่สองง่าม สุดท้ายแล้วเป็นเพียงการค้านหัวชนฝาตามสไตล์แบบโล่งๆ หรือเป็นการกั๊กข้อมูลเอาไว้เชือดในเวทีซักฟอกกันแน่
ที่สุดทุกอย่างก็เฉลยเมื่อข้อมูลการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวหลายอย่างถูก “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ จัดการคว้านไส้คว้านพุงออกมาทีละจุดสองจุด จนปรากฏตัวละครเก่าๆ หน้าเดิมๆ ให้เห็นถึงขบวนการงาบข้าว
โดยเฉพาะชื่อของ “บ.สยามอินดิก้า” ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับงานปรับปรุงสภาพข้าวและส่งมอบข้าว 15% ของรัฐจำนวน 300,000 ตัน ให้กับรัฐบาลอินโดนีเชีย ที่ถูกพรรคฝ่ายค้านลากไส้ว่าเนื้อแท้แล้วคือ บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ของ “เสี่ยเปี๋ยง-อภิชาติ จันทร์สกุลพร” ที่ในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทยเคยเป็นม้ามืดในประมูลข้าวล็อตใหญ่มาแล้ว และล้มละลายในเวลาต่อมา
ส่วน “เสี่ยเปี๋ยง” เองก็เคยถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดมาแล้วในโครงการทุจริตบ้านเอื้ออาทรในสมัยที่ “วัฒนา เมืองสุข” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
ที่สำคัญ กลิ่นไอของการทุจริตในครั้งนี้ยังถูกตอกย้ำด้วยภาพของชายวัยกลางคนหน้าตารูปลักษณ์เหมือนกับ “เสี่ยเปี๋ยง” ยืนตระหง่านอยู่หลัง “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ในงานวันคล้ายวันเกิดที่เกาะฮ่องกงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
นอกจากหลักฐานเรื่องภาพที่คาตาสาธารณชน ในส่วนของการตอบข้อซักถามของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เองก็แทบจะใบ้กิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการระบายข้าว ความผิดปกติของบริษัทสยามอินดิก้า ตลอดจนเอกสารหลักฐานอย่างการเปิดแอลซี ที่ได้แต่ข้ออ้างว่าเป็นความลับ
ด้วยเหตุนี้สภาพการณ์ของสัญญาแบบ “จีทูจี” ที่ถูกอ้างอย่างสุดหรูจากรัฐบาล นับวันก็เลยเปลือยออกมาว่าสุดท้ายแล้วอาจเป็น “จีทูเจี๊ยะ” ในตอนจบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อขณะนี้เรื่องอยู่ในอุ้งมือของ “ป.ป.ช.” แล้ว ก็ยิ่งน่าสนใจเป็นอีกเท่าทวี เมื่อปฏิกิริยาเทกแอ็กชันรอบนี้ชวนให้รัฐบาลขนหัวลุกกันได้ โดยเฉพาะการรับลูกแบบติดจรวด ชนิดยื่นวันจันทร์ อังคารประชุมมีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนทันที
เรียกว่า ความเร็วสูงผิดแปลกจากกว่าคดีอื่นๆ ที่ผ่านมา
จับๆอาการ “ป.ป.ช.” รอบนี้ดู ก็แทบไม่ต่างจากการง้างเท้ารอแล้วได้เตะแบบสมใจ เพราะก่อนหน้านี้ก็พอจะมีกระแสข่าวปฏิกิริยาคันไม้คันมือของกรรมการในองค์กรอิสระแห่งนี้เกี่ยวกับการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวหลุดออกมาบ้างว่า “เมื่อไหร่จะมายื่นสักที” ซึ่งแม้ที่ผ่านมาจะมีคนมายื่นบ้าง แต่ก็เป็นปลาเล็กปลาน้อยในระดับเอกชนเป็นส่วนใหญ่
ซึ่งหาก “ป.ป.ช.” เทกแอ็กชันลุยล่าปลาใหญ่เสียเอง โดยไม่มีคนยื่นก็ถูกอาจมองว่าเป็นมาเฟียที่ต้องการหาเรื่องรัฐบาลไปเสียหมด ฉะนั้นการรอคนชง โดยเฉพาะฝ่ายค้านก็น่าจะดูมีความชอบธรรมมากกว่า
ส่วนเรื่องข้อมูล “ป.ป.ช.” นั้นจริงๆ แล้วแทบไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าจะต้องมาเริ่มต้นนั่งตรวจเอกสารหลักฐานที่ “พรรคพระแม่ธรณีฯ” มายื่น เพราะข้อมูลในมือนั้นเพียบอยู่แล้วไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่
เพราะต้องอย่าลืมว่าตลอดระยะเวลาหลายปีตั้งแต่รัฐบาลไทยรักไทยบริหารประเทศ ศูนย์วิจัยของ “ป.ป.ช.” เองก็ได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรมาโดยตลอด ขณะเดียวกันก็ยื่นข้อเสนอแนะผลดี - ผลเสีย ให้รัฐบาลหลังจากนั้นต่อๆมา รวมทั้ง “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ที่ปฏิเสธคำเตือนแบบไม่ใยดี
ผนวกกับข้อมูลเก่าๆ สมัยรัฐบาลไทยรักไทย ที่เคยมีการยื่นให้ “ป.ป.ช.” ตรวจสอบก็ยังเหลืออายุความ และมีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับปัจจุบัน ตามจังหวะ จิ๊กซอว์ตัวเดิมๆ ดูสภาพแล้วขุดไม่ยาก
นอกจากนี้แล้ว ในช่วงตั้งแต่ “รัฐบาลนารี” บริหารประเทศ “ป.ป.ช.” เองก็ไม่ได้หยุดนิ่งแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังซุ่มเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์การทุจริตและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากนโยบายดังกล่าวมาโดยตลอด
และที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าการขุดคุ้ยของ “ป.ป.ช.” ก็คือ รอบนี้มติที่ประชุมหาได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) แต่อย่างใด แต่หวยดันไปออกที่ “บุญทรง” ร่างทรงของ “เจ๊ ด.” เพียงคนเดียว เนื่องจากเห็นว่าพฤติการณ์และหลักฐานที่เกี่ยวพันกับ “เด็กเจ๊ ด.”ดูมีน้ำหนักเชื่อมโยงมากที่สุด
เรื่องนี้ “เด็กเจ๊ ด.” ก็เลยส่อจะตายเดี่ยว
อีกจุดที่รัฐบาลต้องคิดถึงก็คือ การปฏิเสธคำเตือนเรื่องจำนำข้าวของ “ป.ป.ช.” ถึงสองครั้งแบบไม่ใยดี ที่ถือว่ารัฐบาลอาจพลาดเองในจุดดังกล่าว เพราะหากมองนัยการยื่นข้อเสนอแนะตักเตือนถึงสองครั้งสองคราให้ลึก ก็จะพบสัญญาณบางอย่างว่า “ป.ป.ช.” ต้องการจะสื่อรหัสบางอย่างถึงรัฐบาลว่า “ผมเตือนคุณแล้วนะว่าจะมีอาจช่องให้ทุจริต”
และเมื่อวันนี้พลาดขึ้นมา อย่างไรก็ฎีกาลำบาก!
ขณะเดียวกัน การแสดงความหวังดีตักเตือนรัฐบาลของ “ป.ป.ช.” ในครั้งนั้นยังส่งผลให้มีความชอบธรรมในการสาวไส้อย่างเต็มเปี่ยม
อย่างไรก็ดี นอกจากปัจจัยข้างต้นที่จะเป็นตัวเร่งให้ “ป.ป.ช.” ต้องเร่งใส่เกียร์เดินหน้าจบคดีนี้โดยเร็วแล้ว อีกปัจจัยที่เป็นตัวผลักก็คือ ความคาดหวังและการพิสูจน์ตัวเอง เนื่องจากในระยะหลังๆ ที่ผ่านมาแม้แต่คนข้างตัวก็ยังก่นด่าถึงการทำงานที่เชื่องช้าเป็นเต่า ปล่อยให้คดีสำคัญๆหลุดมือ หรือหมดอายุความอยู่เป็นประจำ
การชำแหละ “ขบวนการงาบข้าว” หนนี้จึงเสมือนการเรียกศรัทธาจากแฟนๆ และสังคมกลับมาอีกครั้ง ซึ่งหากทำได้เสียงปรบมือก็จะเริ่มกลับมาดังขึ้น
ฉะนั้นเวอร์ชันมาเร็วเคลมเร็วอาจมีให้เห็นกันบ้าง โดยเฉพาะการเลือก “บุญทรง” ขึ้นเขียงเพียงคนเดียว โดยยังไม่แตะคนที่มีแรงเสียดทานจากสังคมเยอะอย่าง “ยิ่งลักษณ์” ก็ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า เค้าลางจุดจบของคดีนี้คงไม่ยากเท่าไหร่
เพราะหากย้อนดูคดีในอดีตๆ ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ก็เป็น “เสนาบดี” ทั้งนั้นที่สังเวยต่อการทุจริต
เบ็ดเสร็จแล้วงานนี้ “บุญทรง” ได้เสียวกันยาวๆ