รมช.สธ.กังวลแก้รัฐธรรมนูญวาระ 3 เดินหน้าได้หรือไม่ หลังสังคมยังไม่ตกผลึก คาดลงมติคงยังไม่เกิดต้นปีหน้า “นพดล” ซัดฝ่ายค้าน-ส.ว.อย่าตีตนไปก่อนไข้ ลั่นไม่กลัวคำขู่ เย้ยงูเห่าใช่ว่าจะมีพิษทุกตัว แขวะ ปชป.จินตนาการไปเองใส่ร้ายล้างผิดทวงคืนเงิน “นช.แม้ว” อ้างเสียงเลือกตั้งให้ทำ ส.ส.ร. เชื่อจะร่างให้เป็นประชาธิปไตย
วันนี้ (6 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมช.สาธารณสุข ในฐานะอดีตกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม พ.ศ. 2550 ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญลงมติวาระ 3 ว่า ต้องอาศัยความเห็นพ้องของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสมาชิกรัฐสภาทั้ง ส.ส. และ ส.ว.ว่าจะเห็นด้วยกับการลงมติวาระ 3 หรือไม่ ตลอดจนต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน รวมถึงฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย จึงกังวลว่ากระบวนการการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถเดินหน้าได้หรือไม่ เนื่องจากสังคมยังไม่ตกผลึกว่าจะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ อาจต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ซึ่งรัฐบาลก็ไม่ได้เร่งรีบที่จะต้องดำเนินการ ดังนั้นจึงคาดว่าการลงมติวาระ 3 ไม่น่าจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า
“ยืนยันว่ากระบวนการในการจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามมาตรา 291 ที่ให้เพิ่มหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะมีการถามความเห็นหรือทำประชามติหลังมีการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะหากถามความเห็นโดยไม่มีต้นร่างจะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้นจึงไม่น่าจะขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาล” นพ.ชลน่านกล่าว
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในขั้นตอนนี้ เป็นเพียงการเสนอความเห็นของคณะกรรมการพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งขณะนี้กรรมการบริหารพรรคแต่ละพรรคยังไม่ได้มีข้อสรุปว่า จะแก้รัฐธรรมนูญตามแนวทางที่คณะกรรมการฯ เสนอ หรือจะแก้ด้วยวิธีอื่น ฉะนั้น พรรคประชาธิปัตย์และกลุ่ม ส.ว.สรรหาก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปและขู่รัฐบาลว่า ถ้าเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วรัฐบาลจะอายุสั้น รวมทั้งอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ รัฐบาลฉลาดพอและจะทำในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อประชาชนและคนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยไม่กลัวคำขู่ของฝ่ายค้าน หรือกลุ่ม ส.ว. เพราะงูเห่าที่แผ่แม่เบี้ยก็ไม่ใช่ว่าจะมีพิษทุกตัว
ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาว่าการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเพียงการล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือเพื่อทวงคืนทรัพย์สินที่ถูกยึดไปนั้น นายนพดลกล่าวว่า เป็นการใส่ร้ายและจินตนาการไปเองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่รัฐบาลก็จนปัญญาที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์มองโลกในแง่ดีได้ ทั้งนี้ การแก้รัฐธรรมนูญโดยตั้ง ส.ส.ร. เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลที่ได้หาเสียงไว้ และประชาชนก็สนับสนุน โดยลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างท่วมท้น ทำให้ชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบเบ็ดเสร็จและได้มาเป็นรัฐบาล ดังนั้น รัฐบาลที่ดีย่อมต้องทำตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน ต้องซื่อสัตย์และไม่โกหกพกลมไปวันๆ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ตาสว่างทั้งแผ่นดินแล้วว่าพรรคการเมืองบางพรรคได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับรัฐประหาร 50 และเดือดร้อนเหลือเกินถ้ารัฐธรรมนูญฉบับนี้จะได้รับการแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย ดังนั้น ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลจะตัดสินใจในสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ และ ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ ก็คงจะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย คงไม่ทำเพื่อคนคนเดียวอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์จินตนาการไปเอง
