xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 30 พ.ย.2555 (ต่อ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สนธิ- แอนบางครั้ง พูดตรงๆ เลยบางครั้ง ผมจะไปฮ่องกง ไปธุระผมต้องเช็กก่อนเลย ทักษิณอยู่ฮ่องกงหรือเปล่า ผมกลัวมาก กลัว ผมไม่ต้องการจะไปแล้ว เผอิญไปเจอเขาที่ไหน และคนเห็นผมไปฮ่องกงเวลาเดียวกับที่ทักษิณอยู่ คนจะมองผมอย่างไร ขนาดผมระวังตัวขนาดนี้ยังหาว่า ผมรับเงินเขาเข้ามาเลย นึกออกไหม ยังนินทาเช้านินทาเย็น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังแอนตั้งนานแล้วหลายครั้งบอกว่า ผมซึ่งเป็นคนบอกว่า ชอบแสวงหาอาหารที่อร่อย และที่มาเก๊าเนื่องจากเป็นบ่อนการพนัน และมันจะรวมอาหารที่มีชื่อดังทั่วโลกมาอยู่ที่บ่อน เราชอบกิน และมีโชว์สำคัญ เราต้องการไปดูโชว์ แต่ว่าเรา ตีนเราแตะที่มาเก๊า คนไทยที่รู้จักจำหน้าได้เห็นบอกว่า คุณสนธิมา มาเก๊า สงสัยเอากำไรเครื่องทำน้ำด่างมาเล่นไพ่ เข้าใจยัง เข้าใจยัง เพราะฉะนั้นเป็นผู้นำมวลชน ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำได้ ถึงกับพูดไปเหมือนพูดเรื่องเก่าอีก ก็เราขอโทษไอ้ใส คือ ใสไปออกทีวีกับจตุพร เสียจนวันนี้ กลิ่นยังไม่หาย ยังเหม็นจนทุกวันนี้ ใช่ไหม ขึ้นมาด่าบนเวที ใสด่าไอ้พวกเสื้อแดง จตุพรลุกขึ้นมาด่าพวกเสื้อเหลือง และวันดีคืนดีไปนั่งออกทีวี และมาคุยเอิ้กอ้ากเอิ้กอ้ากกันเจอกันบ่อย เหี้ยแล้วซิกู คนดูเขาบอกฉิบหาย นี่มึงเล่นอะไรกันวะ ไม่ได้หรอก

จินดารัตน์- ขนาดคุณรังสิมารู้ทั้งรู้ เพราะจ่าประสิทธิ์ พูดกับคุณรังสิมาเองว่า แหมก็พี่ดัง ผมไม่ดังผมเป็น ส.ส.บ้านนอก แต่เวลาผมมีเรื่องกับพี่ในสภาฯ ทีไร ผมได้ขึ้นหน้า 1 ทุกที ก็ยังอุตส่าห์ไปออกรายการกับเขาอยู่

สนธิ- เป็นไปได้ไหมพวก ส.ส.ยังแพ้รายการทีวี มีความรู้สึกว่า อยากไปแสดงออกในทีวี แต่ไม่คิดถึงผลที่จะตามมา เป็นอย่างนั้นได้ไหม

จินดารัตน์- ได้คะ โดยเฉพาะภาพนี้

นงวดี- จูงไม้จูงมือเลย

จินดารัตน์- บ้านเรามี 2 มาตรฐาน อย่างเจ๊เบียบ เขาถามว่า คำพูดของจ่าประสิทธิ์ ที่ฝันว่า ได้นอนกับคุณรังสิมา เจ๊เบียบที่ออกมาต่อสู้เรื่อง สิทธิสตรี ศักดิ์ศรีพวกผู้หญิงคิดอย่างไร น่ารักดีออก

สนธิ- อ่อ หรอ

นงวดี- บอกว่าน่ารัก ก็เพราะว่าตอนนี้สามีคุณระเบียบรัตน์ เป็นรัฐมนตรี

สนธิ- ของปลอมนะคุณระเบียบรัตน์ เพราะว่าถ้าคุณระเบียบรัตน์ ซึ่งเป็นคนยึดถือเรื่องของมารยาท วัฒนธรรมของผู้หญิงไทยจริงๆ แล้ว คุณระเบียบรัตน์จะต้องเป็นคนแรกที่ออกมาตำหนินายกฯ ยิ่งลักษณ์ เรื่องการแสดงท่าเฟลิตกับนายโอบามา ว่า การกระทำเช่นนั้น เพราะฉะนั้นการที่คุณระเบียบรัตน์ไม่พูดอะไรเลย และมาชมเรื่องคุณรังสิมาบอกว่า เป็นเรื่องน่ารัก แสดงว่าวันนี้พิสูจน์ชัดเจนว่า คุณระเบียบรัตน์ นี่คือของปลอมมาตั้งนาน เมื่อใดก็ตามสามีตนเอง หรือกลุ่มฝ่ายตนเองได้ประโยชน์อะไรก็ตาม ตัวเองจะยืนอยู่ตรงนั้นไม่สนใจ เพราะฉะนั้นมันสะท้อนให้เห็นลักษณะคนไทยอย่างตอนนี้ หลายคนทำทุกอย่างเพื่อโปรโมทตัวเอง แต่พอตัวเองได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว อะไรซึ่งควรที่ตัวเองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ในหลักการเดิมคือ ตัวเองต้องทำตัวเองจะไม่ทำและ กูได้ของกูแล้ว นิสัยเหมือนนักการเมือง ยกมือว่าอย่างนั้น แต่พอถูกดึงเป็นรัฐบาล เป็นรัฐมนตรีแล้วเรื่องนี้เห็นด้วย เรื่องนั้นผมคิดว่า ขึ้นอยู่กับพรรค พรรคเขาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น แต่ตอนที่ตนเองเป็นฝ่ายค้าน ตัวเองปุ๊บปั๊บ แต่พอตัวเองเป็นรัฐบาล ผมต้องเคารพมติพรรค นี่คือสันดานของนักการเมือง

เมืองไทยไหนๆ พูดแล้วก็ต่อไปเลย การเมืองเมืองไทย แท้ที่จริงแล้ว คือ ถังขี้ถังเบ่อเร่อเลย แล้วเอาไอ้ถังขี้มาหลอกประชาชน ว่า พวกเขาหอม ไอ้ประชาชนมีอยู่ไม่น้อยเลยที่โง่นั่งอยู่ โอ้ยหอมเว้ย มีแต่คนมีปัญญาอย่างพวกเรา นั่งดูมันเหม็นฉิบหายเลย ทำอย่างนั้นถึงจะเอาไอ้ขี้พวกนี้เททิ้ง แล้วเอาน้ำล้างให้มันสะอาดดับกลิ่น สังเกตอย่างไหม หลายคนจนวันนี้ยังไม่เข้าใจการเมืองไทย ทั้งๆ ที่เป็นคนที่มีการศึกษา บางคนเป็นถึงอาจารย์ บางคนยังบอกเลยว่า ก็ให้บริหารชาติบ้านเมืองพอถึงเวลาพอครบ 4 ปีเลือกตั้งใหม่ ก็ถ้ามันเป็นธนาธิปไตยมันเอาเงินไปซื้อเสียง พอซื้อเสียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันเอาเงินไปทำลายกระบวนการยุติธรรม และมันไปยึดกระบวนการยุติธรรม ไปยึดตำรวจ ไปยึดอัยการ ไปซื้อศาลบางส่วน ไปซื้อองค์กรอิสระ ไปแทรกแซงทุกอย่าง พอมันยุบสภาฯ เสร็จ มันก็เข้ามาใหม่ และก็เข้ามาในรูปแบบเดิม ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็น แต่อีกก้าวหนึ่งเป็น อีกก้าวเป็นคือ ผลประโยชน์ที่ทุกคนได้ หรือ ประชาชนส่วนใหญ่ได้ การเมืองคือผลประโยชน์ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องได้ วันนี้การเมือง คือ ประโยชน์ที่นักการเมืองได้ และใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ ทีนี้คนก็ถามบอกว่า ทำไมอเมริกาถึงมีเลืองตั้ง ทำไมมันถึงโอเค อเมริกาเนี้ย มันโอเคมีอยู่ระดับหนึ่ง ทำไมรู้ไหม เหตุผลก็เพราะว่า สื่อมวลชนมันเสรี อเมริกาสื่อมวลชนมันเสรีนะ ถึงแม้หลายสื่อมวลชนที่เขาบอกว่า สื่อมวลชนกระแสหลัก อย่างเช่น นิวยอร์กไทมส์ ลอสแอนเจลิสไทมส์ ABC NBC พวกเนี้ย จะค่อนข้างจะไปทางหลักของทุนนิยม แต่เนื่องจากที่เป็นเสรีภาพของอเมริกามันมีเยอะ มันจะมีสื่อทางเลือกเยอะมาก เยอะมหาศาลเลย สื่อทางเลือกพวกนี้ก็จะออกมาสนับสนุน Occupy Wall Street คนที่มายึด Wall Street พวกนี้จะเห็นด้วย จะเริ่มพูดจา ไม่เห็นด้วยกับสงครามของอเมริกาที่เข้าไปรบในอัฟกานิสถาน ไม่เห็นด้วยกับอเมริกาที่จะไปข่มขู่อิหร่าน มันจะมีความหลากหลายตรงนี้เยอะมาก อิสระเสรีภาพจริง ที่สำคัญก็คือว่า มันจะเป็นอย่างไรก็ตามเนี้ย นักการเมืองอเมริกาและสังคมอเมริกามันมียาง น้ำยางเยอะ คือ ยางอาย เรื่องจริงนะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย ที่ผิดชู้ ผิดผัว ผิดเมียในสภา คนอเมริกันซึ่งเป็นคนลงคะแนนเสียงในเขตเขาเนี้ยไม่เลือกเลยนะ เขาทิ้งเลย แต่เมืองไทยเนี้ยไม่สนใจ ฉะนั้นคุณภาพของคนไทยเนี้ยใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้จริงๆ อย่างเช่น ที่ญี่ปุ่นเนี้ย คุณจำได้ไหม ที่เมืองฮิโรชิมา จำได้ไหมที่มันมีสึนามิมาที่พังทั้งเมือง และคุณเห็นไหมเวลาเขาไปขอความช่วยเหลือเนี้ยนะ ขนาดเมืองพังทั้งเมือง ประชาชนไม่มีข้าวกิน เขายังเข้าแถวเลย เห็นหรือยังวินัยเขา ลิฟต์ที่จะขึ้นเนี้ยนะ คนญี่ปุ่นเข้าแถวนะ ลิฟต์สูงๆ ในเมืองใหญ่ที่มีออฟฟิศเยอะๆ เนี้ย คนญี่ปุ่นเข้าแถวหมด

นงวดี- แม้แต่วิศวกรสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่แก่มากๆ แล้ว ยังออกมาขอโทษประชาชน

สนธิ - ถูกต้องๆ เมืองไทยไม่มี เพราะฉะนั้นแล้วในต่างประเทศเนี้ย หนึ่งความหิริโอตัปปะ ความมียางอาย ทั้งนักการเมืองเอง และนักการเมืองที่อเมริกาเมื่อรู้ว่า ตัวเองพลาด รู้แหละ ตัวเองออกมาขอโทษแล้วก็ลาออก หายไปเลยนะ เมืองไทยนี้ยังหน้าด้าน หน้าด้านถึงกับยอมรับ อย่างเฉลิมนี้ยอมรับว่า เป็นขี้ข้าทักษิณ

จินดารัตน์- เห็นบอกว่า ลูกโกรธมากเลย เดียวนี้ไปไหนถามว่า มึงรู้ไหมกูลูกใคร อ่อ ลูกขี้ข้าทักษิณ เขาเลยโกรธ กลับมาอาละวาดกับพ่อเขา พ่อไม่น่าไปยอมรับเลย

สนธิ- ด้วยเหตุนี้ คำพูดของคุณสุเมธ ตันติเวชกุล ถึงมีน้ำหนักมาก ท่านถึงพูดไงบอกว่า ต้องหยุดโกงกันได้แล้ว คุณสุเมธ นำพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรัสมาแล้วมาเล่าให้ประชาชนฟัง ท่านบอกให้นักการเมืองหยุดโกง ถามว่านักการเมืองมีหิริโอตัปปะคิดบ้าง คุณบุญทรง รัฐมนตรีพาณิชย์ คิดบ้างหรือเปล่า เข้าใจยัง ยิ่งลักษณ์คิดบ้างหรือเปล่า ถูกไม่ถูก ไอ้นักธุรกิจ ไอ้เสี่ยป๋งเสี่ยเปี่ยงกระโตก หรืออะไรพวกนี้ ไอ้พวกนี้มันเคยคิดบ้างไหมว่า สิ่งที่มันมาทำมันไม่ได้ร่ำรวย มันร่ำรวยอยู่บนพื้นฐานของความฉิบหายของประเทศ ไอ้คนประเภทนี้ต้องยิงเป้านะ นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟังใช่ไหม มึงเท่นักหรอที่มึงมาให้ประเทศชาติทั้งประเทศฉิบหาย เหตุผลเพราะว่ามึงไปเสนอไอเดีย เพื่อให้ผูกขาดการค้าข้าว และมึงก็กำไรบนพื้นฐานของความฉิบหายของประเทศ ไอ้เสี่ยเปี่ยงถ้ามีอำนาจต้องถอดจากมันจากประชาชนคนไทย ดำเนินคดีมัน ยึดทรัพย์มันให้หมดเลยไอ้นี่ มันใช้ไม่ได้นะ

จินดารัตน์- เข้ามากอบโกยจริงๆ

สนธิ- เมืองไทยจะมีพ่อค้าแบบนี้ มันจะไปเกาะนักการเมืองชั่วๆ อยู่แล้ว ไอ้นักการเมืองไม่สนใจ กูขอให้กูได้เงินมา ใครรับ ประเทศชาติรับไป วันนี้ถ้ามันขาด ถ้าข้าวขาดทุนไป 2 แสนล้าน 3 แสนล้านใครจ่าย

นงวดี- ประชาชน ประเทศ

สนธิ- ภาษีเราทั้งนั้น ส่วนพวกเสื้อแดงที่อยู่ตามต่างจังหวัด พวกลูกศิษย์ของจตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไม่ต้องทำอะไร เพราะไม่ต้องเสียภาษี ไม่มีใครเสียภาษี

จินดารัตน์- แบกจนหลังแอ่น

สนธิ- แล้วพวกเราแบกจนหลังแอ่นไง และในขณะเดียวกันนอกจากแบกจนหลังแอ่น พวกเรายังต้องไปรบกับพวกไอ้ผู้ดีจอมปลอม แอนเข้าใจใช่ไหมไอ้พวกผู้ดีจอมปลอม

จินดารัตน์- เหนื่อยโว้ย ก็เขาบอกว่า คุณสนธิไม่ยอมส่งข้าววิถีไทย เอเอสทีวีไปให้คนในสภาฯ กิน เขากินข้าวไม่มียางไง ส่งข้าวเอเอสทีวีไป และมีคุณผู้ชมทางบ้านอยู่ต่างประเทศ เขาบอกว่า เขาขอค้านไม่เห็นด้วยกับคุณสนธิ เรื่องกรณีที่คุณสนธิวิเคราะห์ว่า คุณยิ่งลักษณ์ มีความผิดปกติ อาจจะเป็นออทิสติกแบบอ่อนๆ แกบอกว่า ไม่จริง เด็กออทิสติกอย่างลูกแกก็เป็นนิดนึงเป็นอ่อนเหมือนกัน เขาจะมีความเป็นอัจฉริยะบางเรื่อง แต่นายกฯ ปูไม่มีแม้แต่เรื่องเดียว

สนธิ- มีๆ งั้นผมเถียง คุณยิ่งลักษณ์มีความอัจฉริยะในเรื่องความโง่ โง่แบบอัจฉริยะ

นงวดี- เลยยอมแพ้

จินดารัตน์- ที่เราชอบพูดว่า เรื่องโง่ๆ ฉลาดนัก

สนธิ- ทำไมไม่มี มีคนละมุมกัน พอมาดูการเมืองไทยมันอดพูดไม่ได้ถึงการชุมนุมของ เสธ.อ้าย ใช่ไหมที่วันนั้นที่แอน ที่นงบอกว่า มีคนเขาบอกว่า ได้ฟังผมวันที่ 24 แล้ว คือ การชุมนุม เสธ.อ้าย มันเกิดขึ้นเพราะว่ามีคนแวดล้อม เสธ.อ้าย ไปคิดว่า หรือไปเชื่อ เชื่อใครก็ไม่รู้ว่า ถ้ามีคนชุมนุมเยอะๆ แล้วทหารจะออก ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ผิด คือคนพวกนี้ถ้าวิเคราะห์อะไรด้วยความตรงไปตรงมา และไม่ไปเข้าข้างใคร จะเห็นได้ชัดเลยว่า มันยิงประชาชนตาย 7 ตุลาฯ 16 คน พิการอีก 10-20 คน บาดเจ็บอีกเป็นร้อยๆ คน ทหารออกมาอย่างเดียวคือ ถือโล่หวาย และถือกระบอง นั้นคือ ทหารของบูรพาพยัคฆ์ อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งสำหรับผมแล้วมันเป็นพวก บูรพาสุนัข ไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์ แล้วต่อเนื่องมาจนถึง ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่ก้อบูรพาพยัคฆ์อีกเหมือนกัน และที่น่าเจ็บใจคือ คนพวกนี้ชอบพูดว่าตนเองเป็นทหารเสือพระราชินี ไม่ใช่หรอก น่าจะเป็นทหารเสือพระราชินีของนั้นมากกว่า ฮุน เซนมากกว่า ไม่ใช่พระราชินีองค์นี้

เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ความเชื่อแบบโง่ๆ แบบนี้ ไม่รู้ใครหลอกใคร ก็มาพูดกันรู้กันอยู่ภายใน บอกว่าต้องมารับรองเรียกมาเถอะมาเยอะๆ รับรองออกแน่

จินดารัตน์- กระแสดีมาก

สนธิ- กระแสดีมาก แล้วเขาบอกเลยว่า ถ้ามีเรื่องกับตำรวจ ประชาชนโดนรังแกทหารออกแน่นอน รับรองว่าออกแน่นอน ด้วยเหตุนี้จะเห็นได้ชัดว่า ตั้งแต่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเลย เป็นทิศทางซึ่งวางไว้ เพื่อที่จะให้ทหารออก คือเป็นการต่อสู้ในเกมที่ผิด เพราะเรารู้ถ้ารู้ถ้าเข้าใจว่า ทหารไม่มีวันออก ไม่ควรจะไปเดินในเกมนั้น และถ้ามองให้ดีๆ เวทีที่ขึ้นวันนั้น เป็นเวทีที่ยั่วยุตั้งแต่ต้นเลย ยั่วยุเพื่อให้เกิดเรื่อง ผมถึงบอกพี่น้องพันธมิตรฯ บอกว่า ถ้าอึดอัดใจถ้าอยากจะไปชุมนุมไปเถอะ แต่ให้ไปอย่างมีสติ อะไรถ้าไม่ชอบมาพากลถอยก่อน เพราะผมเป็นห่วงเรื่องพวกนี้ และผมพูดมาตลอดเวลาจากประสบการณ์ที่มีมา ไม่มีทางหรอกที่จะไปล้มรัฐบาลชุดนี้ ด้วยการชุมนุม มันหน้าด้านเสียอย่าง วันนั้นที่เราชุมนุมที่ทำเนียบ มันทำอย่างไงรู้ไหม มันไปประชุมสภาฯ ที่อื่น มันเลยใช้ดอนเมืองเป็นที่ประชุม ถูกไม่ถูก ทำไมถึงเปลี่ยนขั้วได้ เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษายุบพรรคพลังประชาชน ถึงต้องเลือกนายกฯ ใหม่ และเหตุผลที่พลิกขั้วได้เพราะว่า สองประการ ประการแรก นายเนวิน ชิดชอบ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แอบจับมือกัน เหตุผลเพราะนายเนวินไม่พอใจที่การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งหลังสุด ที่ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตนเองไม่ได้นั่งคมนาคม คนของตนเองไม่ได้นั่งคมนาคมอย่างที่ตนเองต้องการ เลยถือโอกาสยกพวก ประกอบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มองว่า การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ซึ่งผมไม่รู้ว่าแกใช้สมองส่วนไหนคิด แกเลยมองว่า ถ้าอย่างนั้นให้ประชาธิปัตย์เป็น นั้นคือการตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร อันนี้พิสูจนชัด เรียกพวกบรรหาร ศิลปอาชาเข้าไป สุวัจน์ ลิปตพัลลภเข้าไป ทุกคนเข้าไป บอกถ้าไม่มายกพวกรวมกับประชาธิปไตย ผมจะปฏิวัติ ไอ้พวกนี้ต้องเอา ถูกไม่ถูก

เพราะฉะนั้นแล้ว แกก็อีก ถ้าเขาเปลี่ยนแปลงตอนนั้น สมมุติถ้าเขาเกิดเอาทหารออกมาแล้วบอกว่า ไม่ได้แล้วบ้านเมืองวุ่นวายแบบนี้ ถามต่อแล้วคุณจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เพราะผมไม่เชื่อ พอผมเห็นหลับตาเห็น อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผมหลับตาเห็น ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผมหลับตาเห็นประวิตร วงษ์สุวรรณ อนุพงษ์ เผ่าจินดา แล้วผมก็เห็นพรรคพวกเขาเหมือนเดิม พอผมเสร็จจากนายสนธิ บังมาแล้ว ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาเลย เพราะฉะนั้นแล้วเมืองไทยผมถึงบอกว่า ที่เหนื่อยที่สุดในขณะนี้ว่า เราจะทำอย่างไรนง ที่จะให้ความรู้คน เพราะความรู้นี่สำคัญมาก แม้กระทั่งพันธมิตรฯ พวกเรากันเอง หลายคนกลับมาต่อว่าผมอีก ทำไมไม่ออก

จินดารัตน์- ไม่ไปช่วยเขาหน่อย

สนธิ- ไม่ไปช่วยเขาหน่อย ผมก็ไม่รู้ ผมคิดว่าคนที่อยู่ใกล้ชิดกับเรา อยู่กับเรามาตลอด ฟังเรามาตลอด ทำไมคิดตรงนี้ไม่ออก ทำไมคิดไม่เป็น ที่น่าเจ็บใจคือน่าเจ็บใจตรงนี้ แสดงว่า เส้นทางต่อไปที่เราจะให้ความรู้คน มันเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก ถามว่าเราจะถอยหรือไม่ เราถอยไม่ได้ก็ต้องให้ความรู้ต่อไป แต่เราต้องมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธีในการต่อสู้ต่อไป ถ้าเราจะต่อสู้ว่า ถ้าเราแก้รัฐบาลแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ปิโตรเลียม แก้สัมปทานให้สัมปทานนั้น ผลประโยชน์กลับมาสู่ประเทศไทยมากขึ้น หรือว่าเราจะเอาประเด็นใดประเด็นหนึ่ง และส่งให้รัฐบาล รัฐสภาแก้ ประเด็นนั้นเป็นประเด็นซึ่งเขาแก้ไม่ได้ เพราะว่าเป็นผลประโยชน์ประเทศชาติ ถ้าเขาไม่แก้ มันจะไปตอกย้ำความชั่วพวกเขา ไอ้อย่างนี้น่าสู้ เพราะว่าถ้าวันนี้เราออกมาชุมนุม เพื่อไล่รัฐบาลอีก คำถามมีอยู่ว่า เราไล่อย่างไรตอบผมซิ เราไล่มันอย่างไรตอบซิ

จินดารัตน์ - ไม่ต้องคิดไปไกลถึงขั้นเปลี่ยนขั้ว เอาว่าไล่อย่างไร

สนธิ- ไล่อย่างไร มันถึงจะยอมไป มันไม่ยอมไปหรอก และการชุมนุมครั้งที่แล้ว โดนวางงานหมด ที่มัฆวานไม่ควรจะมีเรื่อง แต่มีเรื่อง เพราะมีไอ้คนบ้าคนหนึ่งที่อ้างตัวเองว่า เป็นแกนนำพันธมิตรฯ ภาคใต้ พาพันธมิตรฯ จากสนามม้าไปที่หน้ามัฆวาน ทำไมต้องไปที่หน้ามัฆวาน ต้องการมีเรื่อง ไอ้นี่ผมถึงกลัวเรื่องพวกนี้ นี้พอเราพูดไปก่อนชุมนุมก็หาว่า เราไปขวางอีก ก็เลยเอาอยาก งั้นให้เจอด้วยตนเอง จะได้ไม่ต้องมาว่ากันที่หลัง

จินดารัตน์- มีพันธมิตรฯ ไม่น้อย ที่ฟังคุณสนธิพูดเตือนในการชุมนุมให้มีสติ เขาฉุกคิดอะไรได้บางอย่าง แสดงว่า เขาเดาใจคุณสนธิไม่ผิดเลย บางคนบอก ฝากคุณแอนบอกคุณลุงหน่อย วันหลังเตือนตรงๆ

นงวดี- ไม่ต้องให้ตีรหัสมากใช่ไหม

สนธิ- ผมคิดว่าตรงก็ไม่ได้ เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้ว พล.อ.บุญเลิศ หรือ เสธ.อ้าย เป็นคนดี มีจิตใจบริสุทธิ์ แต่ว่าทีมงานที่เข้าไปร่วมกับ พล.อ.บุญเลิศ มีบางคนอย่าให้ผมพูดเลย โทร.มาหา เทิดภูมิ ใจดี ไอ้เทิดมึงไม่ได้ขึ้นเวที มึงตกเวทีประวัติศาสตร์ กรงล้อประวัติศาสตร์จะเคลื่อน คือ เชื่อไปเลยว่าจะต้องมี

นงวดี- อะไรบางอย่างเกิดขึ้น

สนธิ- ทหารออก พล.อ.ปฐมพงษ์ ไม่ได้เลยนะ เมื่อไหร่มา พี่รอไม่ได้แล้ว อันนี้แปลว่าอะไร พี่รอไม่ได้แล้วแปลว่าอะไร ไม่ใช่

จินดารัตน์- คุณป้าบางคนเขาบอกว่า คุณแอนแค่คิดว่าทหารจะออกมาช่วย แค่คิดก็ผิดแล้ว

สนธิ- ผิดแล้ว มันจะมาเราได้อย่างไร นายประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความคิดไม่ได้ต่างกว่า นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่บอกว่า เหลืองกับแดงคือตัวปัญหาประเทศชาติ และวันนี้วันที่ 5 เขาจะเหลืองทั้งแผ่นดิน แล้วมึงจะคิดอย่างไร ถ้าเหลืองเป็นตัวที่วุ่นวายในประเทศชาติ คือทหารที่คิดเพียงแค่นี้ แล้วบอกว่า เหลืองกับแดงคือ ตัวปัญหาของแผ่นดิน ไอ้พวกนี้เป็นคนซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อสังคมเลยแม้แต่นิดเดียว มันไม่สามารถที่จะมีปัญญาที่จะวิเคราะห์เลยแม้แต่นิดเดียวว่า ตั้งแต่เหลืองสู้มาในตั้งแต่ปลายปี 2548 จนวันนี้ มีอะไรบ้างที่เหลืองสู้ด้วยตัวเอง แดงสู้เพื่อให้ทักษิณกลับมา แดงสู้ให้พรรคเพื่อไทยมีอำนาจ เหลืองไม่มี เหลืองจริงๆ ไม่มี มีแต่ฟ้าปลอมเป็นเหลือง พอได้ออกมาแล้วก็สลัดทิ้งแล้วกลายเป็นฟ้าไปเลย แต่เหลืองยังอยู่เหมือนเดิม เหลืองยังจริงใจต่อชาติบ้านเมือง เหลืองยังซื่อสัตย์ เหลืองไม่เคยมีอะไรได้ มีแต่เรื่องศาลต้องขึ้น ไม่มี คือถ้ามองแล้ว ถ้าเขามองแล้วยังไม่ทะลุ ผมยังไม่รู้เลยไอ้คนซึ่งได้ตำแหน่ง พล.อ.มาในประเทศไทย เป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก หรืออดีตผู้บัญชาการทหารบก มันเป็นได้อย่างไร สติปัญญามันไม่มีเลยหรือแม้แต่นิดเดียว มันดูไม่ออกเชียวหรือแม้แต่นิดเดียว ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก มิน่าวันนี้ประชาชนถึงพึ่งกองทัพไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

จินดารัตน์- เราเริ่มสงสัยแล้ว ตำแหน่งนี้จับสลากมาหรือเปล่า

สนธิ- มีอีกไหม พูดเรื่องอะไร

นงวดี- มีคำถามจากท่านผู้ชมเกี่ยวกับเรื่อง เสธ.อ้าย บอกว่า คุณสนธิ อยากให้คุยประเด็นว่า เราจะพัฒนาประเทศโดยไม่ต้องเดินขบวน โดยไม่ต้องอาศัยการเมืองนอกสภาฯ และแข่งขันโดยระบบได้หรือเปล่า

สนธิ- คงไม่ได้หรอก เรามีอยู่ทางเดียวเท่านั้นเอง คือเราจะต้องเป็น คือเรานี้เป็นภาคประชาชนที่สมบูรณ์แบบแล้ว และเราเป็นภาคประชาชนที่มีปัญญา และเราเป็นภาคประชาชนที่จะต้องใช้ความอดทนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาให้ได้ เพียงแต่ว่ายุทธวิธีและยุทธศาสตร์ของเรา วิธีการของเรา ต้องปรับให้มันถูกต้อง ต้องสู้ในแนวทางที่รัฐบาลปฏิเสธเราไม่ได้

จินดารัตน์- คุณสนธิคิดว่าอีกนานแค่ไหนประเทศของเราถึงจะเป็นอย่างที่พวกเราตั้งใจไว้

สนธิ- ผมคิดว่าบางครั้งอาจจะต้องรอให้ภัยธรรมชาติมาล้างไอ้พวกชั่วนี่ให้มันตายให้หมดซะ นี่จะเอาคำถามก่อนเลยหรือไง หรือเอาเฉพาะ

จินดารัตน์- เอาเฉพาะคำถามเกี่ยวกับ เสธ.อ้าย กับการเมืองนะคะ อยากให้คุณสนธิวิเคราะห์เรื่อง ถ้า เสธ.อ้าย ไม่ประกาศยุติการชุมนุม อาจจะเกิดอะไรขึ้น

สนธิ- ผมคิดว่าคงมีคนตาย เพราะว่าถ้าตำรวจมันตัดสินใจขว้าง ยิงแก๊สน้ำตาออกมาโดยที่มันรู้ว่าประชาชนไม่ได้ทำอะไร ผมว่ามันคงจะตามมาด้วยอย่างอื่นอีกเยอะเลย

จินดารัตน์- เขาบอก แล้วอย่างนี้ต่อไปเราจะสู้กับพวกที่พร้อมจะฆ่าประชาชนได้ทุกเมื่อ ยังไงดี

สนธิ- ผมถึงบอกว่าเราต้องปรับยุทธวิธีการสู้ อย่าไปสู้บนพื้นฐานว่าเมื่อมีประชาชนตายแล้วทหารจะออก ข้อแรก ทหารไม่ออก ข้อที่สอง ไอ้คนที่อยากให้ประชาชนไปตายเพื่อให้ทหารออก มันเป็นคนอำมหิต ผมทำไม่ได้

นงวดี- ถ้าอย่างนั้นที่ เสธ.อ้ายบอกว่า ถ้าเกิดทำร้ายประชาชนอีก ออกไปคราวนี้ เอาอาวุธไปด้วยก็ไม่น่าจะเป็นทางออกที่ดีใช่ไหม

สนธิ- ก็คือย่างนี้ครับ เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่มีอำนาจรัฐ แล้วฝ่ายตรงข้ามมีอำนาจรัฐ วันนี้มันคุมทั้งตำรวจ ทั้งอัยการหมด เป็นคนของมันหมด และศาลบางส่วนด้วย เพราะฉะนั้นแล้วเวลามันยิงเรา มันทำอะไร ก็ขนาดธาริต เพ็งดิษฐ์ มันยังบอกว่าไม่มีคนเสื้อดำได้

นงวดี- ชายชุดดำไม่มี

จินดารัตน์- ตาถั่วชั่วขณะ

สนธิ- ตาถั่วชั่วขณะ แล้วถ้ามันยิงเราตาย หรือทำให้พี่น้องพันธมิตรฯ ตายปั๊บ หรือประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมตาย มันก็จะบอกว่าไม่รู้ใครยิง

จินดารัตน์- เขาบอกว่า เราจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรต่อไปในสถานการณ์ที่คนชั่วครองเมือง ทำใจยังไงดี

สนธิ- คือเรื่องทำใจนี่ต้องทำนะ ไม่ทำไม่ได้นะ ประการที่ 2 เคยคิดไหมว่า การมีอุดมการณ์ร่วมกัน การเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นจุดเริ่มต้นของการสานชุมชนคนดี ชุมชนคนเสื้อเหลือง ชุมชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วก็สร้างชุมชนนี้ให้เข้มแข็งขึ้นไปเรื่อยๆ นั่นล่ะคือทางออก

นงวดี- พยายามเติมปัญญาให้ตัวเองเรื่อยๆ

สนธิ- ถูกต้อง สำคัญมาก

จินดารัตน์- คิ้วผูกโบแล้ว พักกันก่อน ช่วงหน้ายังมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง เรื่องการใช้ชีวิต พักกันสักครู่ค่ะ

ช่วงที่ 3

จินดารัตน์- ช่วงสุดท้ายแล้วนะคะ คุยทุกเรื่องกับสนธิ มีข่าวดีมาบอกค่ะ เสื้อเรารักในหลวง แบบนี้ ของพันธมิตรฯ รักคุณเท่าฟ้า แจ้งมาล่าสุดบอกว่าวันอาทิตย์นี้มี 300 ตัวจริง แต่ได้เพิ่มมาแล้ว วันอังคาร วันที่ 4 ธันวาฯ มาพบกันที่บ้านเจ้าพระยา มีเพิ่มอีก 1,000 ตัว

นงวดี- ก็จะใส่ทันพอดี วันพุธ วันที่ 5 ธันวาฯ มีขายวันที่ 4 ธันวาฯ วันอังคาร อีก 1,000 ตัว ที่เห็นอยู่นี้ "เรารักในหลวง" นี่เป็นลายมือคุณสนธิเขียนด้วยตัวเอง คุณสนธิ เมื่อกี้แอบถามตอนก่อนเข้ารายการว่านี่เป็นลายมือจริงๆ หรือหวัด หรืออะไร คุณสนธิบอกว่าเขียนไปเรื่อยๆ

สนธิ- ครับ เขียนไปเรื่อยๆ เขียน 3 แบบ คนทำเขาขอลายมือผม ผมบอกเดี๋ยวผมเขียนให้

จินดารัตน์- อยากจะบอกว่าลายมือวัยรุ่นมากเลยค่ะ

สนธิ- จริงหรือเปล่า ถามจริง

จินดารัตน์- จริงค่ะ ดูไม่รู้เลยว่าอายุเท่าไร ไม่ได้แกล้งชมนะ พูดจริงๆ

สนธิ- จริงๆ อายุก็ยังรุ่นอยู่นะ แต่รุ่นแก่

จินดารัตน์- มาปิดท้ายกันด้วยคำถาม เอาเริ่มจากเรื่องการศึกษาก่อน

นงวดี- อยากให้คุณสนธิคุยเกี่ยวกับระบบการศึกษา สังคม วัฒนธรรม จารีตประเพณี ที่จะชี้นำคนรุ่นใหม่ให้เป็นคลื่นลูกใหม่ ไล่คลื่นลูกเก่าที่สกปรกให้หายไป

สนธิ- ผมคิดว่าปัญหาใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นในขณะนี้ คือการศึกษาเราล้มเหลวมาตลอด เพราะเราไปเลียนแบบการศึกษาทางตะวันตก เราชอบพูดตลอดเวลาว่า คนที่ไปศึกษาทางต่างประเทศมาก หรือว่าเลียนแบบทางต่างประเทศ ก็จะบอกว่า ต้องให้เด็กเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่ให้ครูเป็นศูนย์กลาง ในอดีตเราให้ครูเป็นศูนย์กลาง เพราะว่าครูเรามีคุณภาพ พอมาช่วงหลัง การศึกษามันเริ่มที่จะกลายเป็นการค้าไปแล้ว เมื่อกลายเป็นการค้าไปแล้ว ครูที่เคยมีคุณภาพ ไม่ได้มีการผลิตครูที่มีคุณภาพมากขึ้น และพอการศึกษาเป็นการค้าไปปั๊บ คำว่าครู ก็เหมือนนักหนังสือพิมพ์ นักสื่อมวลชน ในด้านหนึ่งเงินเดือนอาจจะไม่มาก แต่อีกด้านหนึ่งมันมีสิ่งทดแทน อย่างเช่นสื่อมวลชน ต้องทำงานเพื่อสังคม รับใช้สังคม เอาความจริงให้สังคมทราบ ต้องยืนอยู่บนความถูกต้อง ต้องไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น

ครู เงินเดือนอาจจะดูไม่เยอะ นอกจากไม่เยอะแล้วยังต้องแบกภาระของการเป็นครูที่ดี เป็นเหมือนพ่อที่ดี เป็นเหมือนแม่ที่ดี ต้องดูแลเด็กนอกเวลาเรียนด้วย ไม่ใช่ดูแลเฉพาะในเวลาเรียน ตรงนี้มันถูกลักษณะการค้าทางการศึกษามันฆ่าไปเสียหมด

ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ตอนนี้ ผมเชื่อว่าถ้าลองเอามาตรฐานการศึกษามาวัดกัน สำหรับเด็กที่จบ ป.7 ที่จะขึ้น ม.1 และเด็กที่จบ ม.3 และเด็กที่จบ ม.6 รวมไปจนถึงเด็กที่เรียนมหาวิทยาลัย เราอาจจะเลือกตอนปี 2 ก็ได้ มาตรฐานการศึกษาอะไรบ้าง อย่างเช่นเราวัดเรื่องภาษาไทย เราวัดเรื่องภาษาอังกฤษ เราวัดเรื่องความรู้ทั่วไป เราวัดเรื่องศาสนา เราวัดกันด้วยเรื่องของประวัติศาสตร์ และเราอาจจะวัดเรื่องเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ผมเชื่อว่าเมื่อได้คะแนนแล้ว ถ้าวิจัยกันดีๆ เราจะเห็นว่าคุณภาพการศึกษาเราทั่วประเทศ ตกหมด ถ้าเป็นไปได้ ผมจะให้วัดถึงขึ้นปริญญาโทเสียด้วยซ้ำ

ผมอยากให้เราเลิกระบบ "จ่ายครบจบแน่" น่าจะเป็น "จ่ายครบ แต่อาจจะไม่จบ" เพราะว่าการศึกษากลายเป็นการค้าไปเรียบร้อยหมดแล้ว พอเมื่อกลายเป็นการค้าไปเรียบร้อยแล้ว การให้การศึกษาของนักเรียนไม่ว่าจะระดับไหนก็ตาม ก็เหมือนกับเดินเข้าไปในแมคโดนัลด์ จ่ายเงินก็มีมาให้ชุดหนึ่งให้เสร็จ พอกินก็จบ จบไปเลย แต่คุณภาพของแมคโดนัลด์ไม่ดีกับร่างกาย นั่นข้อหนึ่ง

ข้อที่ 2 การศึกษาที่ไม่ให้ท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม เป็นการศึกษาที่มีปัญหา เพราะเป็นการศึกษาที่ถูกกำหนดจากกระทรวงศึกษาธิการ แล้วข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการคือคนซึ่งหวังในอำนาจวาสนา ในตำแหน่งแห่งที่ มากกว่าคนซึ่งมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษา ไปดูได้เลย ที่ต่อสู้กันตลอด ว่าต้องมีนโยบาย งบประมาณการศึกษาสูงมาก ปริมาณคนที่อยู่ในการศึกษาไม่ใช่น้อย แต่ทำไมการศึกษาไม่ดี เพราะว่ามันมาจากส่วนกลาง

ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ถ้าการศึกษาลงไปสู่ท้องถิ่น ผมเคยพูดเรื่องนี้ให้หลายคนฟังแล้ว คุณพิภพ ธงไชย ผมก็พูดให้ฟัง ท่านก็เห็นด้วย ถ้าสมมุติโรงเรียนที่อยู่สังกัดกระทรวงศึกษาฯ ใน จ.หนองคาย กับ จ.อุดรฯ สมมุติ ถูกโอนไปให้ อบจ.จังหวัดรับผิดชอบ ตัดไปเลยนะ ยกโรงเรียนให้ งบประมาณที่จะต้องจ่าย เงินเดือนครู ค่าใช้จ่ายของโรงเรียนนั้น ตัดไปให้เลย ให้ อบจ.ไป ให้ทั้งหนองคาย ทั้งอุดรฯ เอาแค่ 2 จังหวัดนี้ก่อน แต่ว่ากระทรวงศึกษาฯ มีหน้าที่อย่างหนึ่ง คือวัดมาตรฐานการศึกษา ครูก็ชุดเดิมนะ ไม่ได้เปลี่ยน แต่ว่ากลายเป็นท้องถิ่นเข้าไปบริหารแล้ว แล้วเรามีมาตรฐานการศึกษาที่เด็กจะต้องจบ ม.3 และ ม.6 เด็กที่จบ ม.3 ม.6 จะต้องถูกทดสอบด้วยภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คล้ายๆ ว่าเป็นสอบว่า ถ้าสอบตรงนี้ไม่ผ่าน ก็ไม่สามารถจะเรียน ม.4 ได้ ถ้าสอบ ม.6 ไม่ผ่าน ก็ถือว่าไม่จบ ผมเชื่อว่าถ้าเด็ก จ.อุดรธานี มาตรฐานภาษาอังกฤษสู้หนองคายไม่ได้เลย แอนว่าเป็นเรื่องมั้ย อุดรฯ โกรธตายเลยใช่มั้ย แล้วใครซวย อบจ.

ถ้า อบจ.ซวย ประชาชนใน จ.อุดรฯ เขาจะฮึดสู้เองแล้ว เพราะว่าชีวิตลูกหลานเขาฝากอยู่กับพวกนี้ กระทรวงศึกษาฯ ในส่วนกลางมันจะเล็กลง มันก็ไม่มีศึกษาธิการเขต ศึกษาธิการจังหวัด ตำแหน่งส้นมือส้นตีนที่มันตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะให้มีความยิ่งใหญ่ในอำนาจวาสนาที่จะไปย้ายครู ใครอยู่หนองคาย ก็อยู่หนองคายไป ใครอยู่อุดรฯ อยู่อุดรฯ ไป อบจ.ก็จะได้งบประมาณส่วนนี้มา อบจ.อาจจะหาภาษีเพิ่มขึ้น แล้วสามารถเอาเงินบางก้อน อบจ.หนองคาย อาจจะต้องการให้เด็กที่เรียนหนองคายภาษาอังกฤษดี ก็ต้องไปลงทุนเรื่องการศึกษาทางภาษาอังกฤษให้เด็กที่หนองคายได้เรียนขึ้นมา

เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะมีวิชาบางวิชาซึ่งท้องถิ่น อย่างเช่นหนองคาย หรืออุดรฯ เขาเสริมเข้าไป หนองคายอยู่ติดกับลาว ก็จะมีวิชาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ลาว ประวัติศาสตร์ลาวกับไทยมีมาตั้งแต่สมัยไหน เพิ่มขึ้นมาให้ อุดรฯ มีวัดเยอะ มีเกจิอาจารย์เยอะ ก็อาจจะมีเรื่องศาสนามากขึ้น มันก็จะมีการเสริม คล้ายๆ ศาสนากับท้องถิ่น เข้ามามากขึ้น ผมเชื่อว่าคนท้องถิ่นถ้าเขาได้ดูแลการศึกษาของเขา ไม่ใช่มาจากกระทรวงศึกษาฯ ทุกโรงเรียนที่อยู่ในอุดรฯ และหนองคาย ขึ้นอยู่กับคนที่อุดรฯ ขึ้นอยู่กับคนที่หนองคาย ผมเชื่อว่าคนพื้นบ้านตรงนั้นเขาจะดิ้นรนเพื่อให้ลูกหลานของเขามีการศึกษาที่ดี

จินดารัตน์- จะเกิดการแข่งขันกันเอง

สนธิ- แน่นอนที่สุด และที่น่าสนใจ ถ้าโรงเรียน 2 โรงเรียน ที่หนองคาย กับอุดรฯ มันต้องสร้างตึก 4 ชั้น ตึกเรียน สเปกเดียวกันหมด อุดรฯ จะแพงกว่าหนองคายได้มั้ย

จินดารัตน์- ไม่ได้

สนธิ- หนองคายจะแพงกว่าอุดรฯ ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วผมยังเชื่อว่าถ้ากระจายอำนาจแบบนี้ ไม่ใช่เฉพาะการศึกษาอย่างเดียวนะ สาธารณสุขด้วย งบประมาณด้วย หลายอย่าง ออกไป มันก็จะทำให้บทบาทของการเมืองท้องถิ่นมีบทบาทมากขึ้น เมื่อมีบทบาทมากขึ้นแล้ว การไปครอบงำการเมืองท้องถิ่นด้วยการซื้อเสียง จะไม่ง่ายเหมือนแต่ก่อน เพราะมันจะมีเรื่องของคุณภาพการศึกษาของลูกหลานเขาแล้ว มีเรื่องสุขภาพของครอบครัวเขา เป็นเรื่องของเขาแล้ว เพราะทุกวันนี้ทุกอย่างมันมาจากส่วนกลางหมด เมื่อทุกอย่างมาจากส่วนกลางหมด มันก็มีไอ้คนที่หัวใส มีเงินมีทอง เข้าไปตั้งพรรคการเมือง ระดม ส.ส.อีสานเข้ามา มาเป็นรัฐมนตรี เพื่อจะมาดูแลงบประมาณตรงนี้ ก็อีกหน่อยงบประมาณส่วนกลางไม่มีเหลือให้พวกคุณแล้วนี่ คุณจะทำยังไง คุณก็ลงไปทะเลาะกันใน อบจ.ในเทศบาลสิ เข้าใจหรือยัง นั่นคือวิธีเดียวที่จะแก้ได้

นงวดี- ต้องลงไปที่ท้องถิ่น

สนธิ- ต้องลงไปที่ท้องถิ่น

จินดารัตน์- แล้วโรงเรียนสมัยนี้ก็ทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นครูลดน้อยลงทุกวัน เพราะว่าพ่อแม่เองเริ่มมีความรู้สึกว่า ก็จ่ายค่าเทอม ครูก็ต้องทำตามจำนวนค่าเทอมที่จ่ายไป

สนธิ- แอนรู้มั้ยเมืองไทย ข้อผิดพลาดใหญ่ที่สุดคือการส่งเสริมให้คนเรียนหนังสือสูงๆ คือการส่งเสริมให้คนเรียนหนังสือสูงๆ ถ้าเรียนสูงแล้วคุณภาพของการเรียนสูง มันดี ก็น่าเรียน แต่คุณภาพมันไม่ดี

จินดารัตน์- มันสวนทางกัน

สนธิ- มันสวนทางกัน ผมกลับมองว่าสายอาชีวะไม่ได้รับการส่งเสริมอย่างจริงๆ บางครั้งคนไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรีก็สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้

จินดารัตน์- เป็นเจ้าของธุรกิจได้

สนธิ- เป็นเจ้าของธุรกิจได้ ช่างไฟฟ้าที่เก่งได้ ช่างกลที่เก่งได้ นักบัญชีได้ หลายๆ วิชาในระดับปริญญาตรี ไม่จำเป็นต้องเรียนถึงปริญญาตรีเลย แค่ ปวส.ก็พอ แต่ขอให้คุณภาพ ปวส.มันดี เพราะฉะนั้นแล้วการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน หรือมาตรฐานการให้เงินเดือน จริงๆ ไม่ควรจะบอกว่าปริญญาตรีสูงกว่า ปวส. ขึ้นอยู่กับคุณภาพของงานมากกว่า ด้วยเหตุนี้คนก็ต้องขยันเรียนปริญญาตรี พอจบปริญญาตรีแล้วก็ขยันต่อปริญญาโท แล้วผมเห็นจบปริญญาโทมาก็ไม่ได้เงินเดือนเพิ่มอะไร มันก็เหมือนเดิม แต่ความที่มันมีภาพว่าต้องมีปริญญาโทนะ มีความรู้สึกว่าต้องได้ปริญญาโท เพราะสมัยนี้ตรีไม่พอ ผมถามว่าตรีมันไม่พอตรงไหน (วะ) เพราะตรีไม่มีคุณภาพเหรอ อ้าว แล้วที่ได้โทมานี่มีคุณภาพมั้ย คือสรุปง่ายๆ เดี๋ยวนี้การศึกษาไม่ว่าระดับไหน และไม่เว้นด้วยนะ ไม่ว่าจุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เหมือนกันหมด แล้วเดี๋ยวนี้ก็แข่งกันแล้ว เดี๋ยวนี้มหาวิทยาลัยรัฐก็เริ่มมีภาคพิเศษ ภาคพิเศษก็เหมือนภาคธรรมดานี่ล่ะ แต่จ่ายเพิ่ม 2 เท่า

จินดารัตน์- ภาคแพงเป็นพิเศษ

สนธิ- ภาคแพงเป็นพิเศษ แล้วตรงนี้ก็ไปแย่งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชน มันทำให้ทางเอกชนเขาไม่ได้พัฒนาเต็มที่ แต่ถ้าให้เอกชนเขาพัฒนาเต็มที่ แล้วรัฐพัฒนาเต็มที่ เอาคุณภาพเป็นตัวจับ ผมเชื่อว่าข้อแรก ถ้ามหาวิทยาลัยรัฐไม่มีภาคพิเศษ แล้วเด็กที่จบมหาวิทยาลัยรัฐมีคุณภาพสูงกว่ามหาวิทยาลัยเอกชนมาก สิ่งที่มหาวิทยาลัยเอกชนต้องทำคืออะไร ต้องพัฒนาตัวเอง กลายเป็นว่าตอนนี้มหาวิทยาลัยรัฐลดตัวเองลงมา เสื่อมลง เพราะมีภาคแพงเป็นพิเศษขึ้นมา ก็เลยทำให้มีความรู้สึกว่า ถ้าจะให้มันแพงเป็นพิเศษ เด็กมันต้องเรียนจบง่าย พอจบง่ายแล้วมันจะได้มีเด็กเข้ามาใหม่เรื่อยๆ จะได้มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ มันก็เลยทำให้มันละลาย ไดลูทคุณภาพเด็กภาคประจำออกมา กลายเป็นทั้งมหาวิทยาลัยตกทั้งหมด แต่ถ้าแยกตรงนี้ออก ภาคพิเศษให้เขาไปอยู่ที่ภาคเอกชนให้หมดเลย มหาวิทยาลัยเอกชนจะเกิดขึ้นเยอะ แต่ถ้ามหาวิทยาลัยเอกชนจบมา กับมหาวิทยาลัยรัฐจบมา มหาวิทยาลัยรัฐคนจะรับเข้าไปทำงานก่อน เหตุผลเพราะคุณภาพสูงกว่า แล้วก็ได้เงินเดือนดีกว่า สิ่งที่มหาวิทยาลัยเอกชนจะทำก็คือต้องพัฒนาตัวเอง เพราะถ้าไม่พัฒนาตัวเอง เด็กที่จบมหาวิทยาลัยเอกชนจะไม่มีงานทำ เพราะว่าครั้งหนึ่งถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยคุยกับผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลขององค์กรใหญ่มาก แต่อย่าให้เอ่ยชื่ออะไร เขาบอกเลยนะ นานมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาวัดเลยนะ เขาจะให้จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตรฯ มหาวิทยาลัยรัฐอยู่หลาย 4-5 มหาวิทยาลัย ระดับอันเดียวกันหมด เด็กคนนี้จะเข้ามา เอกชนเข้ามาเขาก็จะให้บางเอกชน -.5 สมมุติว่าคุณได้ 3.5 เขาจะลบออก .5 เขาบอกว่าถ้าอยู่ที่รัฐก็ได้แค่ 3 เอง ถ้าได้ 3 สมัครกับเขา อยู่ที่รัฐก็คือ 2.5 แล้วยังไม่พอนะ เอกชนมีหลายระดับนะ อีกระดับหนึ่ง -0.75 แล้วระดับที่ล่างสุดเลย ผมถามเขา คือราชภัฏ -1 หมายความว่าเด็กราชภัฏถ้าได้ 3 มา ได้จริงคือ 2 เขาบอกผมต้องใช้แบบนี้ เพราะว่าคุณภาพมันต่างกันอย่างนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นแล้วการได้งานทำ การจะได้เงินเดือนที่ไหน มันจะสะท้อนกลับมาถึงคุณภาพการศึกษาของสถาบันตรงนั้น แล้วมันจะทำให้สถาบันตรงนั้น ถ้าเป็นเอกชน ต้องพัฒนาตัวเอง ปรับใหม่หมดเลย นี่คือทำไมบางมหาวิทยาลัยถึงเลือกความเด่นของตัวเอง อย่างเช่นมหาวิทยาลัยรังสิต จะเลือกความเด่นในเรื่องของภาพยนตร์ ของเขาอันดับ 1 เลือกความเด่นในเรื่องของ ตอนนี้เขาลงทุนในเรื่องของคณะนิเทศฯ สร้างตึก เขามีอุปกรณ์ใหม่ทุกอย่าง ความเด่นเขาอยู่ตรงนี้ แต่นิติศาสตร์เขาจะสู้ธรรมศาสตร์ไม่ได้ สู้ไม่ได้แม้กระทั่งรามคำแหง นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง แต่เขาอาจจำเป็นต้องมีเพื่อให้มันครบ เป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบ แต่ว่าเขาก็จะมีความพิเศษเฉพาะของเขามา

จินดารัตน์- อันนี้มันเลยเป็นที่มาว่าเดี๋ยวนี้บริษัทห้างร้านเริ่มมีติ๊กแล้วว่า สายงานนิเทศศาสตร์ อาจจะให้เอกชนบางที่เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยรัฐ

สนธิ- ถูกต้อง สมัยก่อนผมรับเด็กที่เรียนหนังสือจบทางหนังสือพิมพ์ มีอยู่ไม่กี่แห่ง มีธรรมศาสตร์ จุฬาฯ และอีกอันหนึ่งซึ่งผมเทียบเท่าธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เด็กเชียงใหม่หลายคนอยู่กับผม อู๋ สุวิชชา นี่เด็กเชียงใหม่ ปอ-ดวงพร ก็เด็กเชียงใหม่ ใช้ได้

นงวดี- เรื่องการศึกษา

จินดารัตน์- มาเรื่องสังคม ครอบครัวบ้าง

นงวดี- อ่ะดู พี่แอนเชิญเลยค่ะ

จินดารัตน์- เขาอยากถามเรื่องส่วนตัวนิดหนึ่งค่ะ แต่คงเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่เข้าใจว่าหนุ่มๆ คุณสนธิ คงจะมีประสบการณ์เรื่องนี้ เวลามีแฟนรู้สึกเหนื่อยใจทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ผู้หญิงจะชอบบอกเลิกเวลาทะเลาะกัน ทั้งๆ ที่ตกลงกันหลายครั้งแล้วว่าจะไม่พูดอะไรแบบนั้น จนเบื่อมากๆ ตอนนี้เลยโสด อยากจะขอคำแนะนำว่าถ้าหากในอนาคตเจออารมณ์ของสตรีเพศแบบนี้อีก ควรทำยังไงดี

สนธิ- ผมคิดว่าปัญหาอยู่ที่ตัวผู้ชายมากกว่า ไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้หญิง คือ ประเด็นอยู่ที่ว่า คุณคบใครสักคนเนี้ย แล้วเกิดทะเลาะกันและก็ขอเลิก คุณต้องวิเคราะห์ก่อนว่า ที่เขาขอเลิกเพราะอะไร เรื่องอะไรที่เขาขอเลิก ถ้าเรื่องคุณไปมีชู้และเขาขอเลิก อันนี้คุณว่าเขาไม่ได้ หรือว่า เรื่องที่คุณไปติดพนันบอล เล่นบอล และเงินทองคุณหมดแล้วเขาขอเลิก อันนี้คุณก็ว่าเขาไม่ได้เหมือนกัน เพราะใครเขาอยากจะอยู่กับผู้ชายที่ไม่มีอนาคต ถูกไม่ถูก แต่ถ้าเรื่องที่มันงี่เง่าเล็กๆ น้อย ๆ แล้วขอเลิก คุณก็ควรจะเลิกกับเขาไปเลย เพราะถ้าผู้หญิงประเภทนี้ถ้ามีชีวิตอยู่กับคุณอยู่เป็นครอบครัวมีลูกมีเต้าแล้ว เรื่องงี่เง่า ๆ แล้วขอเลิก คุณไม่มีความสุขหรอก เพราะฉะนั้นแล้วคุณควรพิจารณาแต่ละเรื่องไม่เหมือนกัน คุณอย่าไปมองบอกว่า ผู้หญิงงี่เง่า บอกไม่ใช่ผู้ชายงี่เง่ากว่าเยอะ คือ เอางี้ ไม่มีใครมีโชคเหมือนจินดารัตน์หรอก ที่มีสามีที่อยู่ในโอวาทอย่างนี้

จินดารัตน์- กำลังจะยกมือไหว้ขอบคุณ ไม่ไหวล่ะ อันนี้เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เขาสงสัยว่า ต่อไปคนรุ่นใหม่จะตั้งตัวได้ไง เพราะเงินเดือนต่ำ อัตราการแข่งขันสูงแบบเนี้ยค่ะ

สนธิ- แต่เงินเดือนเมืองไทยมันต่ำจริง อันนี้ผมไม่เถียงหรอกที่เมืองไทยอัตราเงินเดือนมันต่ำ ที่ร้ายกว่าการเงินต่ำ คือว่า ของดันแพงเกินกว่าที่มันควรจะเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่อาศัย ที่อยู่อาศัยนี่ไม่ได้เลย คนที่มีเงินเดือน 20,000 หรือ 30,000 บาท จะมีรถสักคันจะมีบ้านสักหลังนี่ยากนะ ไม่ง่าย ผมคิดให้คุณดูง่ายๆ นะ คุณมีเงินเดือน 30,000 บาท ตอนนี้คุณอยู่คอนโดเล็กๆ อันหนึ่ง ค่าเช่าตีละเดือนละ 4,000 บาท แต่ 4,000 บาท ตอนนี้หาแทบไม่ได้แหละ เอาสัก 5,000 บาท บวกค่าน้ำค่าไฟอีก 7,000 บาท คุณเหลือ 23,000 บาท 23,000 3,000 บาท คือ ค่ารถคุณมาทำงานแล้วกัน สมมุติว่า คุณไม่มีรถ แล้วคุณเหลือ 20,000 บาท 20,000 ค่าอาหารคุณ ตีไปวันละร้อย วันละร้อย ไม่มีสังสรรค์กับใครนะ เช้า กลาง วันเย็น 30 ไม่รู้จะซื้อได้เปล่านะ อ่ะตีไปสัก 5,000 แล้วกัน คุณเหลืออยู่ 15,000 บาท 15,000 เนี้ย คุณไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ เอาตีสักผมให้คุณเก็บ 15,000 บาท คุณเก็บ 15,000 ปี 1 คุณเก็บได้ 180,000 บาท 180,000 สมมุติว่า คุณจะเอาคอนโดสักพื้นที่หนึ่ง แต่ว่าคุณจะเอาอยู่ในเมืองหรือนอกเมือง อ่ะเห็นไหม เข้าใจยัง ถ้าคุณอยู่ในเมืองประมาณสัก 40 ตารางเมตร ก็ประมาณ 3,000,000 แหละ 3,000,000 คุณดาวน์สัก 15 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 4.5 แสน 7 ปีๆ ละ 1.8 แสน ปีละ 1.8 แสนคุณต้องมีประมาณ 3 ปี คุณถึงดาวน์ได้ หมายความว่า 3 ปีที่คุณจะเก็บเงินได้ คุณจ่ายค่าคอนโด คุณจ่ายค่าน้ำค่าไฟ คุณจ่ายค่ารถ คุณจ่ายค่าข้าว คุณไม่ต้องทำอะไรเลย นี่ยังไม่รวมถึงรองเท้าคุณพัง ซื้อเสื้อผ้าใหม่ จะไปดูหนังซักเรื่องหนึ่ง

จินดารัตน์- รันทด

สนธิ- ปีซัก 5,000 เหลือ 10,000 คุณเก็บเดือนละ 10,000 ก็ปีละ 1.2 แสน คุณจะเก็บ 3 แสน 4 ปีพอจะเก็บได้

จินดารัตน์- นี่ยังไม่รวมอยากได้

สนธิ- นี่คือที่มาว่า ทำไมรถคันแรกลดแสนบาท คุณถึงซื้อกันหมด เพราะว่าในวงเงิน 6 แสน ลดเหลือ 5 แสน ผ่อน 5 ปี ตกเดือนละประมาณ 7,000 บาท แฮปปี้กันเหลือเกิน แต่แฮปปี้ไปเพื่อขมขื่น

จินดารัตน์- ปีหน้ารอดูเต็นท์รถมือสอง

สนธิ- เต็นท์รถมือสองเต็มไปหมดเลย เพราะว่าประการแรกค่าที่อยู่อาศัยแพงมาก มันอยู่ไม่ได้ อันแรก อันที่สองอาหารมันเพิ่ม ที่ผมบอกว่า ให้คุณวันละ 100 เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว วันหนึ่งต้องมี 150 หรือ 200 150 คุณก็กินก๋วยเตี๋ยว 3 มื้อ มือละชามถูกไม่ถูกแอน ชามเดี๋ยวนี้ก๋วยเตี๋ยว 40

จินดารัตน์- แล้วต่ำ กระติ๊ดหนึ่ง

สนธิ- นี่ยังไม่นับเจ็บไข้ได้ป่วยอีกนะ

จินดารัตน์- ต้องไม่ป่วยเลย

สนธิ- ไม่ป่วยเลย

นงวดี- และไม่ต้องไปไหนเลย เย็นกลับบ้านนอนอย่างเดียว

สนธิ- ของเรายังโชคดีอย่าง ถึงเงินเดือนออกช้า เรายังมีข้าวมื้อเที่ยงโดย ครัวเฮียบุ๋ง

จินดารัตน์- และแม่ยก

สนธิ- และแม่ยก อันนี้ต้องขอบพระคุณพวกเขามากเลย ผมเห็นแล้วตอนเที่ยงน่ารักมาก แต่ละคนเดินข้ามฝั่งจากหนังสือพิมพ์ ถือจานข้าวไปคนละจาน

จินดารัตน์- คือรถที่สวนไปสวนมาเขาก็งง ถือถ้วยชามไปไหนกัน

สนธิ- ใช่ไหม ผมถึงบอกว่า ลำบาก คือถ้าเราต้องหยุดฟุ่มเฟือย สังคมไทยเราต้องบริโภคให้มันเป็น ไม่ใช่ใช้หลักบริโภคนิยม รู้สึกคุณสุเมธพูดเหมือนกัน เรื่องบริโภคนิยม ให้รู้จักพอเพียง

จินดารัตน์- งั้นขอทิ้งท้าย อันนี้อาจจะเป็นกึ่งๆ ความเห็น เขาบอกว่า พวกเราจะต้องทนกับสภาพแบบนี้ไปนานเท่าไหร่ ที่มีผู้นำสมอง... ปัญญา... บริหารประเทศ ขอบอกจริงๆ เวลาไปต่างประเทศ ฝรั่งถามเป็นคนชาติอะไรมาจากไหน ตอบตรงคะอายที่จะบอกว่า มาจากประเทศไทย ประเทศที่มีคอร์รัปชั่นมากที่สุดในโลก และนายกฯ ที่ ... ที่สุดในโลก ภาษาอังกฤษของหล่อนแค่ one car come, one car go , to car garden

สนธิ- to car garden รถสวนไปสวนมา thank you 3 ครั้ง thank you thank you thank you และต่อด้วยว่า สนธิบัดซบ 3 ครั้ง บัดซบ บัดซบ บัดซบ

จินดารัตน์- วันนี้อิ่มเอมใจ

นงวดี- ครบถ้วนหลายประเด็น

จินดารัตน์- แต่เครียด

นงวดี- อยู่อย่างไงไม่ต้องทนทุกข์มาก ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวันๆ

จินดารัตน์- พันธมิตรฯ บางคนบอกว่า แค่เขาเปิดทีวี เห็นหน้านายกฯ ออกมา เขาทนทุกข์สาหัส

สนธิ- คือผมไม่รู้นะ แต่ผมมีความรู้สึกอย่างนี้ ช่องว่างระหว่างคนรวย คนจน ยิ่งนานยิ่งมากขึ้น ที่สำคัญคือว่า เราไม่เคยให้โอกาสคนชนชั้นกลาง และคนที่เกือบ ๆ จะชั้นกลาง ได้เกิดเลยแม้แต่นิดเดียว ผมมองอย่างนี้ ผมมองว่า ชาติบ้านเมืองในขณะนี้ ต้องการคนเล็ก ๆ เนี้ย มาทำธุรกิจการค้ามากขึ้น ผมอยากให้เกิดขึ้นปีหนึ่ง 1 ล้านถึง 2 ล้านราย อย่างน้อย ๆ ผมยกตัวอย่างให้ฟังแล้วกันง่าย ๆ แอนเคยไปญี่ปุ่นไหม

นงวดี- ค่ะ เคยค่ะ

สนธิ -แอนมีความรู้สึกไหมว่า ร้านอาหารญี่ปุ่นหลาย ๆ ร้านเนี้ย ที่เขาทำอาหารฝรั่ง มันเหมือนกับการได้รับการเทรดขั้นเบสิกดีมาก ไม่ว่า ขนมปังนะ จะไปกินพาสต้า เบเกอรี่ร้านไหนก็ตาม มันทำใช้ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็ก ๆ แสดงว่าอะไรรู้ไหม แสดงว่าเบสิกเนี้ย เขาได้รับการเทรดไว้เลย ตั้งแต่สมัยเขาจะเป็นสาวหรือจะเป็นนักศึกษา หรือจะเป็นอะไรพวกเนี้ย เขาจะมี ก็คือ โตเกียวจะเป็นร้านอาหาร จะเป็นศูนย์อาหารเมืองที่มี ร้านอาหารที่มีดาวมิชลินมากที่สุดในโลก หลายเมืองจะมีแม้กระทั่งร้านอาหารญี่ปุ่นเองก็มีชื่อ เมืองอย่างเช่น ฟูโกอากะไปร้านชื่อทีรูม ทีรูมซึ่งเป็นร้านขายชา เขาเอาชามากจากอังกฤษมา แล้วเขาก็มีเมนูพวกขนมเค้กอะไรพวกนี้ คนญี่ปุ่นทำทั้งนั้น แสดงว่า อะไรรู้ไหม แสดงว่าในเรื่องของอาหารเนี้ย เขาได้รับการฝึกมามาก เขามีรายการอาหารในญี่ปุ่นเห็นไหม เยอะแยะไปหมด มีการแข่งขันกัน มีทีวีแชมป์เปี้ยน มีการเอาราเมนมาแข่งกัน จนกระทั่งราเมนในญี่ปุ่นกลายเป็นที่รู้กันทั่วโลก ว่า ราเมนคืออะไร เมืองไทยยกตัวอย่างง่าย ๆ เคยมีการแข่งผัดไทยกัน ญี่ปุ่นเนี้ยอาหารที่มีชื่อ คือ ราเมน 2. คือ ซาซิมิ 3. คือ ซูชิ เมืองไทยเนี้ยมีบ้างไหมอาหารที่มันติดระดับโลก ก็ผัดไทยไง ผัดไทยก็ 1 ต้มยำ 2 และมีอะไรอีกสักอย่าง 3 อย่าง 4 อย่าง เคยมีไหม ที่มีโรงเรียนที่สอนคนทำอาหารไทย คนทำอาหารฝรั่ง คนทำอาหารจีน และก็เรียนฟรี รัฐบาลออกให้ ทำไม Cordon Bleu ที่กรุงเทพเนี้ย ต้องมีคนรวยเรียนได้อย่างเดียว ทำไมคนรวยต้องเสียเงินเป็นล้าน เพื่อเรียน Cordon Bleu เสียตั้ง 500,000 บาท เพื่อเรียนทำเค้ก ถ้าอย่างนั้นมันจะมีร้านเพิ่มที่พารากอน เพิ่มที่เอ็มโพเรียม เพิ่มที่สยามเซ็นเตอร์ ทำไมมันมีสถานสอน Cordon Bleu ที่มันอยู่ที่ขอนแก่น เป็นศูนย์ทางอีสานเหนือ อยู่ที่โคราชศูนย์อีสานใต้ แล้วก็เอาฝรั่งหรือคนไทยที่สอน Cordon Bleu เป็นไป แล้วก็ให้เด็กซึ่งคนที่สนใจจะเรียนคัดเลือกมาเอามาอำเภอหนึ่ง 10 คน ออกค่าใช้จ่ายให้มาเรียนฟรี ให้รู้ว่าทำพาสต้าทำยังไง หรือว่า ทำขนมจีบทำยังไง ทำซาลาเปาทำยังไง แล้ววันข้างหน้าเนี้ย ฝรั่งมันเดินทางไปอำเภอบ้านไผ่เนี้ย แล้วมันเจอร้านพาสต้าเปิดขึ้น ทำโดยคนอีสานแบบนี้ ใช่ไหม ทำไม่ได้ ที่มันทำไม่ได้เพราะพวกนี้ เขาไม่มี Basic เขาไม่มี Foundation ไม่มีจุดเริ่มต้นที่คนจะให้เขา ถ้าให้พวกนี้เสียเงิน หรือแม้กระทั่งโรงเรียนที่สอนอาหารไทย อาหารไทย-อีสานมีบ้างไหม แม่ครัวเก่งๆ เยอะเลยอีสาน เอามาเลยมา รัฐบาลออกทุนให้ ใครอยากจะมูนข้าวเหนียว ข้าวเหนียวมูนอร่อย รู้ว่าที่นี่ข้าวเหนียวมูนอร่อย ซื้อที่ไหนไม่ซื้อ ไอ้ทองคำ คนอีสาน เด็กที่นี้มันมูนข้าวเหนียวอร่อยฉิบหายเลย ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ มูนข้าวเหนียวมีเคล็ดลับมีเทคนิค ใช่ไหม คอหมูย่าง ลาบ ส้มตำอะไรพวกนี้

จินดารัตน์- มันไปย่าง

สนธิ- เข้าใจหรือยัง ของพวกนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าอาหาร

จินดารัตน์- คือต้องทำให้ยกระดับ

สนธิ- มันต้องมี Foundation ที่ทุกคนมันเรียนรู้กันหมด นี่คือที่มาว่า ญี่ปุ่นมันมี Foundation ตรงนี้ไง เพราะฉะนั้นเวลาที่คุณไปที่ร้านอาหารที่ไหนเวลาคุณจะกินขนมปัง Foundation มันมีหมด ญี่ปุ่นมีอยู่อันสังเกตไหม มันมีชื่อมาก เบเกอรีมัน

จินดารัตน์- ใช่คะ

นงวดี- ประดิษฐ์ประดอยมาก

สนธิ- ที่ตรงสี่แยกบางลำพูไง ที่พวกเราไปซื้อขนมปังกินกันตลอดเวลา ร้านนั้น

จินดารัตน์- ครัวซอง ขนมปังฝรั่งเศสอร่อยมาก

สนธิ- ครัวซองอร่อยมาก ขนมปังฝรั่งเศสอร่อยมาก บาเก็ตต์อร่อยมาก ปรากฏว่า เมียเป็นคนไทย ผัวเป็นคนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นทำงานเบเกอรีอยู่ที่ญี่ปุ่น และไม่อยากอยู่ญี่ปุ่นอยากมาอยู่เมืองไทย อาจจะเป็นเพราะว่า กลัวญี่ปุ่นจะจมลงไปในทะเล แต่ว่ากำลังชี้ให้เห็น มันมีตงมีเตา มันทำบาเก็ตต์ออกมา มันทำครัวซองอร่อยมาก ขนมปังฝรั่งเศส ทำไมเขาถึงเป็น เพราะเขามี Foundation เขาเรียนรู้อยู่ ตรงนี้คนไทยไม่มี เมืองไทยคิดอยู่อย่างเดียวกูจะได้เงินเท่าไหร่

จินดารัตน์- ได้กำไรสูงสุด

สนธิ- ได้กำไรสูงสุดเท่าไหร่แค่นั้นเอง

จินดารัตน์- ร้านญี่ปุ่นถึงอยู่มาได้ 3 -4 ชั่วอายุคน อยู่มาเป็น 100 ปี อยู่ในซอกในหลืบ คนต้องมุดเข้าไปกิน

นงวดี- แล้วร้านเล็กๆ

จินดารัตน์- อยู่กันมาเป็น 100 ปีอย่างนี้

นงวดี- ต่อเป็นรุ่นๆ ไปถึงรุ่นลูก เราน้อยมาก

สนธิ- นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง เข้าใจยัง เมืองไทยอนาคตดี คนไทยเก่ง ปัดโธ่คนอีสานอยู่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ฝีมือสุดยอด จริงๆ ไม่ควรจะให้คนญี่ปุ่น ให้คนไทยทางอีสานมาเรียนอาหารญี่ปุ่น มาทำงานร้านอาหารญี่ปุ่น ทำไมไม่จ้างเชฟญี่ปุ่นมาแล้วสอน เปิดโรงเรียนสอนทำอาหารญี่ปุ่น เปิดโรงเรียนสอนทำอาหารฝรั่ง เปิดโรงเรียนสอนอาหารจีน ถ้ามันทำขนมจีบ ซาลาเปาได้ มันทำกระดูกหมูนึ่งได้ ทำโน้นทำนี้ได้ ทำเผือกทอดได้ ทำไมแถวบุรีรัมย์ก็มีขายได้ จะมีร้านอาหารจีนมีโน้นมีนี้ มันจะกระจายไปเองเลย ธุรกิจจะเกิดขึ้น เล็กๆ น้อยๆ จะเกิดขึ้น เราจะเริ่มเห็นรถเข็นริมถนน ขายเครปอย่างนี้นึกออกไหม พวกแถวถนนข้าวสารดีใจตาย ฝรั่งมันจะลงใน Lonely Planet ว่า มาเมืองไทยอาหารฝรั่งต้องมาร้านนี้ แม่งร้ายนะ ตรงนี้มันริมถนนอย่างนี้

จินดารัตน์- เห็นไหม สตาร์บังของเราด้วย

สนธิ- สตาร์บัง

จินดารัตน์- เดี๋ยวงั้นคืนนี้ก่อนกลับบ้านไปจดสูตรมูนข้าวเหนียวจากพี่ทองคำก่อน

นงวดี- หมดเวลาแล้ว ครบถ้วนสมบูรณ์หลายแง่มุม เต็มอิ่มกันเลยกับคุยทุกเรื่องกับสนธิ


กำลังโหลดความคิดเห็น