xs
xsm
sm
md
lg

สุกงอม ปีหน้าเมื่อเหิมเกริมแก้ กม.ล้างผิดให้แม้ว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

เชื่อว่าหากได้พูดคุยกับคนรอบข้างแทบทุกคนก็ต้องบอกตรงกันว่า เบื่อ-เซ็ง บอกไม่ถูก แต่ก็ต้องยืนยันว่าบรรยากาศมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

เหตุการณ์ชุมนุมของพี่น้องประชาชนที่นำโดย “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในนามกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ก็ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว แม้บางคนบอกว่าเป็นความพ่ายแพ้ก็ตาม แต่หากมองอีกด้านหนึ่งก็ยังดีเสียกว่าดันทุรังเดินหน้าทั้งที่มีแต่ความเสี่ยงและมองไม่เห็นหนทางชนะในแบบชั่วข้ามคืนก็ตาม

แน่นอนว่าการออกมาชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดที่นำโดย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คราวนี้ยังไม่ใช่ลักษณะของการขับไล่ในแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะอย่างที่รู้กันก็คือแกนนำคือ พล.อ.บุญเลิศก็ประกาศล่วงหน้าแล้วว่าเป็นการชุมนุมแบบรวบรัดไม่ยืดเยื้อ ไม่เกิน 2 วันจบ ซึ่งด้วยเงื่อนไขเวลาที่จำกัดแบบนี้ก็ไม่มีทางที่จะขับไล่รัฐบาลลงได้

แต่สาเหตุที่ต้องออกมาก็เป็นเพราะความเกลียด “ความไม่ชอบ” รัฐบาลและเครือข่าย โดยความเกลียด ทักษิณ ชินวัตร ที่มีอยู่ในใจเป็นทุนเดิม และนาทีนี้คนที่ออกมาล้วนสะสมข้อมูลรับรู้กันแล้วว่าคนอย่างเขาทุจริตคอร์รัปชันอย่างไร

การออกมาเหมือนกับการระบายความอัดอั้นลงไปได้บ้าง อย่างไรก็ดีเมื่อต้องเจอกับ พฤติกรรมของ “รัฐตำรวจ” ที่บีบบังคับให้ต้องล่าถอยชั่วคราวมันก็ยิ่งเหมือนกับสร้างอารมณ์ “เก็บกด” เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

นั่นเป็นอารมณ์ของมวลชนในยามนี้!!

ถ้าถามกันแบบตรงไปตรงมาว่าการชุมนุมดังกล่าวเป็นการออกมาแบบพร้อมเพรียงหรือไม่ก็ต้องตอบว่าไม่ เพราะยังมีอีกไม่น้อยที่ย้ำว่าสถานการณ์ยัง “ไม่สุกงอม” พอ เงื่อนไขที่เป็นแรงกระตุ้นให้ออกมาขับไล่รัฐบาลยังไม่พร้อมแบบเต็มร้อย แต่ถึงอย่างไรก็ไม่กับถึงขั้น “ขัดคอ” และถือว่าคนที่ออกไปล้วนแล้วแต่มีเจตนาดีต่อบ้านเมือง และยืนอยู่ตรงข้ามกับทรราชทักษิณ ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน การออกไปและการยุติการชุมนุมดังกล่าวก็ทำให้สามารถสรุปบทเรียนและประเมินสถานการณ์จากความเป็นจริง และยังได้เห็นท่าทีชัดเจนของฝ่ายกลไกรัฐ โดยเฉพาะตำรวจที่นาทีนี้นอกจากเลือกข้างอย่างชัดเจนแล้ว ยังพร้อมที่จะทุ่มเทรับใช้ถวายชีวิตให้กับรัฐบาลหุ่นเชิดของครอบครัวทักษิณ

การระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากทั่วประเทศกว่า 5 หมื่นนาย เพื่อมารับมือกับม็อบถือว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ว่าได้

นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ต้องนำมาใส่ใจเก็บเกี่ยวสะสมพลัง รอจังหวะรอโอกาสในวันข้างหน้า เพื่อรอให้ทุกฝ่ายเกิด “อารมณ์ร่วม” แล้วขับเคลื่อนออกไปพร้อมกัน

สำหรับเงื่อนไขที่ทำให้สังคมเกิดอารมณ์ร่วมดังกล่าวแน่นอนว่าต้องมุ่งไปที่การ “ลบล้างความผิด” ให้กับ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเท่าที่ติดตามความเคลื่อนไหวทำให้เห็นแนวโน้มชัดเจนแล้วว่าจะต้องมีการผลักดันให้มีการเสนอร่างกฎหมายที่ “อำพราง” มาในชื่อพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรืออาจมาในแบบของการยกร่างฉบับใหม่ ซึ่งหากพิจารณาจากเงื่อนไขเวลาแล้วภายในสมัยประชุมหน้าที่เป็นสมัยประชุมนิติบัญญัติ และกระบวนการที่ว่าจะต้องเกิดขึ้นในปีหน้าค่อนข้างแน่

ประกอบกับด้วยแนวโน้มผลงานอันห่วยแตกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีแต่เรื่องอื้อฉาว สร้างปัญหาทุกเรื่อง โดยเฉพาะสารพัดโครงการประชานิยมที่เริ่มส่งผลชัดเจนเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องจำนำข้าวที่ส่งผลสะเทือนต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ที่รับหน้าเสื่อจนหลังแอ่น ปัญหาค่าแรงวันละ 300 บาทที่เริ่มใช้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมปีหน้า ก็กำลังส่งผลเกิดความแตกแยกขัดแย้งรุนแรงในกลุ่มผู้ประกอบการในนามของสภาอุตสาหกรรมฯ (ส.อ.ท.) ที่ถึงขั้นมีการ “ยึดอำนาจ” โหวตไล่กันภายใน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเหมือนกัน ต้นเหตุที่นำมาอ้างกันก็มาจากผลกระทบจากผลงาน “มักง่าย” ของรัฐบาลนั่นแหละ เพราะพวกเขาอ้างว่าต้นทุนพุ่งจนอยู่ไม่ได้

ด้วยเงื่อนไขที่ทำให้เกิดอารมณ์ร่วม “เรียกแขก” ได้อย่างชงัดก็ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเห็นแก่ตัว เอาเปรียบสังคมย่ำยีกระบวนการยุติธรรมของ ทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ โดยเฉพาะความพยายามในการเสนอกฎหมายลบล้างความผิด และหากไม่เชื่อ คิดว่ามีรัฐตำรวจแดงคอยคุ้มครองอยู่เต็มพิกัดจะลองดูก็ได้ และเรื่องแบบนี้แหละที่เป็นเงื่อนไขสุกงอม ขณะเดียวกันก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขไฟต์บังคับของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ประกาศเอาไว้ล่วงหน้ามาตั้งนานแล้ว!!

กำลังโหลดความคิดเห็น