โฆษกพิทักษ์สยาม แฉมีพวกงัดไม่ต่อใบอนุญาตขู่รถขนส่ง ขอตำรวจอย่ายัดของใส่รถผู้ชุมนุม ส่งทนายรับเรื่องร้องทุกข์ด้วย ย้ำไม่ได้แช่แข็งประเทศ แค่หยุดนักการเมือง ทำได้ชาติเจริญแน่ ด้านรองประธานหมู่บ้านแดงกาญจน์โผล่ร่วม ขณะที่ “เสธ.อ้าย” ชี้รัฐใช้ พ.ร.บ.มั่นคงไม่ถูกต้อง ชี้ยิ่งทำเหมือนเรียกแขกมาม็อบ หยันประกาศใช้เพราะกลัว เผย “โกตี๋” ดอดสกัดมวลชนแถวปทุมฯ “ชัย” จ่อยื่นฟันผู้ว่าฯ ละเมิดสิทธิ
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่ราชตฤณมัยสมาคมฯ เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) แถลงว่า ขณะนี้มีความชัดเจนว่ามีการตั้งจุดตรวจประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมยังพื้นที่ กทม.อย่างเข้มงวด รวมถึงมีการขู่กรรโชกว่าจะไม่ให้ใบอนุญาตทำการขนส่งสำหรับบริษัทรถโดยสารทั่วไป ซึ่งเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ตามที่ได้รับการเรียกร้องมา ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางจาก จ.นครราชสีมา มายัง กทม. พื้นที่ จ.หนองคาย และ จ.สระบุรี เป็นต้น จึงขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ทั้งนี้ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกันในการตรวจค้นวัตถุต้องสงสัยกับประชาชนที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ กทม. ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่กลั่นแกล้งโดยเอาวัตถุไม่พึงประสงค์ไปใส่ในรถของประชาชน และหลังจากนี้จะมีทนายความอาสาไปติดตามการตั้งด่านสกัดของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งได้มีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ในการเดินทางของประชาชนที่จะเดินทางเข้าร่วมชุมนุมด้วย
พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า การชุมนุมในวันดังกล่าวจะมีการเตรียมอำนวยความสะดวกให้แก่สื่อมวลชนที่เดินทางไปทำข่าวบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยการจัดพื้นที่ที่เป็นสัดส่วน รวมถึงในวันพรุ่งนี้จะให้สื่อมวลชนที่จะเดินทางไปทำข่าวในวันดังกล่าวได้ลงทะเบียนแสดงความประสงค์ในการทำข่าวเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วย
พล.อ.ท.วัชระยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีหนังสือเรียกให้ตนและ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธาน อพส.เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีที่มีผู้ร้องว่าการกระทำของ อพส.ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 นั้น ทั้งตนและ พล.อ.บุญเลิศจะไม่เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้ทนายความเข้าชี้แจงแทน ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการของ อพส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ที่ชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ
นอกจากนี้ พล.อ.ท.วัชระยังได้กล่าวย้ำถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าการดำเนินการของ อพส.เป็นการแช่แข็งประเทศนั้นเป็นความเข้าใจผิด เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของ อพส.เป็นการหยุดนักการเมืองที่ทุจริตคอร์รัปชัน และหากสามารถทำได้ดังนั้นจะทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า เพราะบริษัทเอกชนจะไม่ต้องจ่ายเงินใต้โต๊ะให้นักการเมือง และสามารถนำเงินดังกล่าวไปพัฒนาโครงการต่างๆ ให้มีคุณภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ได้มี นายสหพันธ์ สุวรพันธ์ รองประธานหมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตย ในพื้นที่ ม.บ้านม่วง อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร พร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 10 คน เดินทางมาร่วมแถลงข่าวกับองค์กรพิทักษ์สยาม โดยระบุว่าพวกตนเป็นกลุ่มคนรากหญ้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) ของรัฐบาล ที่ใช้งบประมาณทั่วประเทศกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศจัดทำโครงการต่างๆ แต่ได้มีข้าราชการของรัฐ เช่น นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมหัวกับนายทุนในพื้นที่เข้ามายุ่งเกี่ยวในการดำเนินโครงการเพื่อให้โครงการตามที่พวกเขาต้องการ และมีการหักค่าหัวคิว ทำให้พวกตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากโครงการดังกล่าว จึงขอใช้โอกาสนี้เรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทำการช่วยเหลือ แต่หากยังไม่มีการช่วยเหลือก่อนจะมีการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ กลุ่มของพวกตนที่เป็นหมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยกว่า 3 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ อาจจะสนับสนุนการชุมนุม ของ อพส. ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ โดยนายสหพันธ์กล่าวเสริมด้วยว่า พวกตนเป็นคนเสื้อแดงรากหญ้าที่อยู่คนละส่วนกับกลุ่ม นปช.ที่เดินหน้าด้านการเมือง แต่ยืนยันว่าก่อนหน้านี้พวกตนก็ได้เคยเรียกร้องประชาธิปไตยกับกลุ่ม นปช.ด้วยเช่นกัน
จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.บุญเลิศ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ รองประธาน อพส. และ พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคณี โฆษก อพส. ร่วมแถลงถึงกรณีรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.โดย พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า ตนไม่มีความรู้เรื่อง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่เท่าที่ถามผู้รู้ทางกฎหมายอธิบายว่า การออก พ.ร.บ.นี้น่าจะไม่ถูกต้อง เพราะตนประกาศชัดเจนว่าการชุมนุมจะปราศจากอาวุธ ไม่ยืดเยื้อ และไม่ยึดสถานที่ ทั้งนี้การประกาศใช้ พ.ร.บ.จะไม่กระทบการชุมนุมแน่นอน เพราะตอนที่มีการเผาบ้านเผาเมือง พ.ร.บ.ฉบับนี้ก็มีการประกาศใช้ แต่ก็ไม่ได้ผล และตนก็มีแค่มือเปล่า
“การประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวของรัฐบาลถือเป็นการเรียกแขกให้ อพส. ซึ่งนิสัยของคนไทยนั้น ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ พ.ร.บ.มั่นคงไม่ใช่ตาข่ายเหล็กที่จะกั้นประชาชนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุม และมองว่ารัฐบาลประกาศใช้ เพราะกลัวผม” พล.อ.บุญเลิศกล่าว
พล.อ.ท.วัชระกล่าวเสริมว่า เจตนาของการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อเป็นการระงับเหตุ แต่ขณะนี้ยังไม่มีสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าการชุมนุมของ อพส.จะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งรัฐบาลต้องชี้แจงเหตุผลการประกาศใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อประชาชน และในวันนี้ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ จะชี้แจงต่อประชาชนนั้นต้องติดตามอย่างรอบคอบ ที่หากไม่มีเหตุผลเพียงพอแสดงว่าเป็นการใช้กฎหมายมากลั่นแกล้งประชาชน
พล.อ.บุญเลิศกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ตนไปชี้แจงกรณีมีผู้ร้องว่าการชุมนุมของ อพส.ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ว่า จากการปรึกษากับทนาย อพส.คาดว่าศาลคงไม่มีเหตุเพียงพอที่จะสั่งให้ยุติการชุมนุม ซึ่งขณะนี้ประชาชนก็เริ่มเดินทางเข้ามาเพื่อร่วมชุมนุมแล้ว ถึงอย่างไรการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.ก็ต้องเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่าขณะนี้มีการสกัดกั้นประชาชนที่เดินทางเข้ามาเพื่อร่วมชุมนุม โดยใช้วิธีนำรถไปสกัดกั้นที่บริเวณ ลำลูกกา และหน้าห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ซึ่งรายงานระบุว่า หัวหน้ากลุ่มคือ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ นักจัดรายการวิทยุคนเสื้อแดง และหากประชาชนที่จะเข้าร่วมชุมนุมและถูกสกัดกั้นเช่นนี้ให้ติดต่อมาที่ อพส. เราจะจัดส่งทนายความไปบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ
พล.ร.อ.ชัยกล่าวเสริมว่า ขณะนี้มีผู้ว่าฯ หลายจังหวัดที่เข้าข่ายการทำผิดและละเมิดสิทธิเสรีภาพในการเดินทางและการชุมนุมของประชาชน ตนขอเตือนไปผู้ว่าฯ เหล่านั้น และเจ้าหน้าที่ปกครองให้เคารพกฎหมาย ข้าราชการไม่ใช่ขี้ข้านักการเมือง หากยังไม่ยอมหยุดการกระทำดังกล่าวทางกลุ่ม อพส.ได้เตรียมการนำหลักฐานที่ชี้ชัดว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้เข้าข่ายละเมิดสิทธิไปดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่า อีก 2 วันจะถึงวันชุมนุม พล.อ.บุญเลิศจะฝากอะไรถึงนายกฯ พล.อ.บุญเลิศกล่าวว่า “พูดไป เขาก็ไม่คุย เขาไม่ให้ราคากับเรา”
อย่างไรก็ตาม พล.อ.บุญเลิศระบุด้วยว่า เมื่อช่วงสายที่ผ่านมา พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.เดินทางมาพบตนเพื่อหารือและวางมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งทาง อพส.มอบหมายให้ พล.อ.ณัฐชัย เพิ่มทรัพย์ เป็นผู้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูแลความเรียบร้อยให้ผู้ชุมนุม