โฆษก ตร.แถลงขนกำลัง 112 กองร้อยทั่วประเทศคุมม็อบ เสธ.อ้าย ด้าน รองโฆษกศปก.ตร. ลั่น พื้นที่การชุมนุมเป็น "เขตปลอดเด็ก" สั่งห้ามหอบลูก - จูงหลานเข้าร่วมชุมนุม ชี้ละเมิดสิทธิเด็ก!!!
วันนี้(22 พ.ย.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกตร. พ.ต.ท.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกศปก.ตร. รวมกันแถลงข่าวกรณีการชุมขององค์การพิทักษ์สยาม
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า วันนี้กำลังตำรวจที่ปฏิบัติการดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุมทั้ง 112 กองร้อยกำลังเดินทางมาจากทั่วประเทศเข้าสู่จุดรวมพลขั้นต้น เข้าสู่จุดที่พักเช่น สโมสรตำรวจ กองบินตำรวจ ศูนย์ฝึกอบมต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการต่อไป
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้ตรวจความพร้อมของกำลังและรับฟังการเตรียมความพร้อมของกองบัญชาการตำรวจนครบาลในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ซึ่งบช.น.ได้เตรีมความพร้อม คือ 1.บช.น.เจ้าของพื้นที่ได้กำหนดพื้นที่ชุมนุมที่เหมาะสะดวกในการรักษาความปลอดภัย ไม่ให้กระทบต่อประชาชนทั่วไปให้อยู่ลานพระรูปและพื้นที่โดยรอบไม่ให้กระจายไปในพื้นที่อื่น กำลังที่เข้าปฏิบัติหน้าที่จากต่างจังหวัดในแต่ละจุดจะทำงานร่วมกับกำลังของบช.น. เช่น จุดถ.อู่ทองใน ใช้กำลังของภาค 6 มาอยู่ ก็จะมีกำลังของบช.น.น.มาร่วมเพื่อรวามเข้าในที่ตรงกัน ผู้คุมกำลังทั้งหมดตอนนี้รับทราบภาระกิจแล้ว
2.บช.น.ได้ตังศปก.ส่วนหน้า 3 จุด ด้วยกันคือสนามเสือป่า รัฐสภา ทำเนียบรัฐบาลโดยมีรองผบช.น.เป็นผู้กำกับดูแล มีผบก.40 นายทั่วประเทศที่คัดมาร่วมดูแล โดยศปก.ส่วนหน้า มีหน้าที่หลักคือรักษาพื้นที่และดูแลความสงบเรียบร้อย แต่ละศปก.ส่วนหน้าก็จะมีที่ทำการส่วนหน้าย่อย (ทก.สน.) อีก 5-6 จุด มีภาระกิจตั้งจุดตรวจเข้มแข็งตรวจตราอาวุธ คัดกรองบุคคล ณ จุดตรวจร่วมจะมีการ์ดของผู้ชุมนุมร่วมตรวจกับตำรวจด้วยช่วยดูคัดกรองบุคคล และอาวุธ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในวันนี้จากการตรวจสอบสถานการณ์ มีเหตุบงชี้หลายอย่างที่จำเป็นเสนอใช้กฎหมายที่สูงขึ้นคือ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จาการข่าวการชุมนุมจะมีการยกระดับสถานการณ์ไม่ได้อยู่ที่เดียว มีการระดมคนมากขึ้น ตรวจสอบโครงข่ายผู้ชุมนุมมีการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ อาจจะมีเข้าไปในพื้นที่สำคัญ อาจมีการยั่วยุให้เกิดความวุ่นวาย กฏหมายปกติอาจจะไม่สามารถควบคุมดูแลด้วย ต้องกำหนดพื้นที่ห้ามเข้าเด็ดขาด เช่น ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา หากใครฝ่าฝืนถือว่าทำผิดกฎหมายต้องถูกจับกุมซึ่งตำรวจได้เตรียมสถานที่ควบคุมตัวไว้แล้ว ประการสำคัญภาระกิจนี้เฉพาะตำรวจอาจไม่เพียงพออาจต้องของกำลังจากหน่วยอื่นๆมาร่วมหากประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ผบ.ตร.จะสามารถบูรณาการกำลังได้
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้กำชับให้จุดปฏิบัติการทุกจุดจะทำงานอย่างโปร่งใส สื่อสามารถติดตามการทำงานได้ตลอดเวลา จะมีชุดเจรจาต่อรองที่จุดตรวจเข้มแข็งทุกจุดนอกจากนั้น ผบ.ตร.ได้สั่งให้ผบช.น.และหน่วยปฏิบัติจัดทำแผนการดูแลสถานที่สำคัญ เช่นสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุ ที่ทำการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ประปา ไฟฟ้า และระบบคมนาคมทุกแห่งให้เตรียมกำลังเข้าไปดูแล ผบ.ตร.ได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้งสามเหล่าทัพ ให้จัดกำลังมาร่วมทำงานกับตำรวจเพื่อให้ข้อแนะนำประสานงานที่ศปก.ตร.
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนของฝ่ายสอบสวนได้ตั้งพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร ที่ปรึกษาสบ.10 เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ในส่วนของบช.น.ก็จะมีพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น.เป็นหัวหน้า โดยมีพนักงานสอบสวนจากหน่วยต่างๆ ทั้งบช.ก และนครบาล และภูธร มีการจัดชุดถอดเทป วิเคราะห์ข้อมูลคำต่อคำภาพต่อภาพ
ด้านพล.ต.ต.ธนา กล่าวว่า ผบ.ตร.ได้ สั่งผบก.จว.จัดกำลังตำรวจบ้านออกตรวจตราเพื่อป้องกันเหตุ ขอให้ประชาชนมั่นใจแม้จะมีกำลังมาทำงานดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมที่กทม.ในพื้นที่ก็จะมรอาสาสมัครร่วมกับตำรวจคอยดูแลประชาชนเหมือนเดิม
ขณะที่พ.ต.ท.หญิงอัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล รองโฆษกศปก.ตร. กล่าวว่า โรงพยาบาลตำรวจจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ดูแล 24 ชม.ดูแลผู้ชุมนุม และเจ้าหน้าที่ตำรวจี่ปฏิบัติหน้าที่ หากเจ็บไข้ได้ป่วยก็มาใช้บริการได้ มีการจัดเตรียมรถพยาบาลให้การดูแลหากต้องส่งต่อไปรพ.ต่าง ๆ ได้มีเตรียมแผนกรณีฉุกเฉินไว้แล้วโดยเป็นการร่วมมือระหว่างรพ.รัฐและเอกชน
พ.ต.ท.หญิงอัญชุลี กล่าวว่า ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าร่วมชุมนุมเด็ดขาด พ่อแม่ผู้ปกครองก็ห้ามพาเด็กมาร่วมชุมนุมเพราะถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิเด็กตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ผู้ปกครองต้องดูแลเด็กให้เกิดความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ก็มีหน้าที่ดูแลให้เกิดความปลอดภัยต่อเด็ก
พล.ต.ต.ปิยะ ยังกล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีมีมติประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในการดูแลการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ว่า เนื่องจากสถานการณ์การชุมนุมจะมีผู้เข้าร่วมการชุมุนมเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันพบว่าจะมีแกนนำบางส่วนจะมีการยั่วยุเพื่อใช้ผู้ชุมนุมเป็นเครื่องมือในการยกระดับการชุมนุม เพื่อให้เกิดความรุนแรง รัฐบาลจึงมีความจำเป็นในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงผู้ที่มาร่วมชุมนุม รวมถึงรักษาสถานที่ราชการ หรือสถานที่สำคัญของประเทศ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ดังกล่าว ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชนโดยทั่วไป ยกเว้นประชาชนในพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่อาจไม่ได้รับความสะดวกบ้าง โดยในขณะนี้มีการประกาศใช้ใน 3 เขต ได้แก่ ดุสิต พระนคร และป้อมปราบศัตรูพ่าย ซึ่งจะมีการประกาศเขตห้ามเข้า เขตควบคุมเรื่องอาวุธและยานพาหนะ ซึ่งจะบังคับใช้เฉพาะบางพื้นที่ในเขตเหล่านี้ ซึ่งไม่ได้ประกาศเป็นเขตควบคุมเต็มทั้งพื้นที่ ส่วนห้วงเวลาที่ประกาศใช้ระหว่างวันที่ 22-30 พ.ย.นี้ รวมเวลา 9 วัน แต่ถ้าหากสถานการณ์คลี่คลายก่อน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ก็จะขอยกเลิกการประกาศใช้ทันที
“หลังประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะมีการบูรณาการการทำงานจากทุกกระทรวง รวมทั้งฝ่ายทหาร ซึ่งยืนยันว่า เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด คำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และความชอบธรรม การใช้กำลังจะเป็นไปตามกฎการใช้กำลังของแผนกรกฏ 52 โดยจะมีการแจ้งเตือนผู้ชุมนุมที่ละเมิดกฎหมายทราบก่อนทุกครั้ง ทั้งการแจ้งเตือนจับกุม แจ้งเตือนใช้น้ำ หรือหากจำเป็นมีการใช้แก็สน้ำตา นอกจากนี้มีป้ายเตือนเรื่องห้ามเข้าสถานที่ หรือห้ามพกพาอาวุธที่ชัดเจน ยืนยันว่าตำรวจจะใช้ความละมุนละม่อม ถ้าการชุมนุมเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธก็ไม่มีปัญหา” พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า ผู้ชุมนุมมีสิทธิในการชุมนุมอย่างเต็มที่ เพียงแต่ว่าจะกำหนดพื้นที่บางส่วน ที่ห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้า หรือพกพาอาวุธ หากฝ่าฝืนก็จะมีความผิดตามกฎหมาย ตำรวจก็ต้องดำเนินการจับกุม ซึ่งการใช้กำลังของตำรวจจะเป็นตามกฎการใช้กำลัง และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือ เน้นจับกุมด้วยมือเปล่า ทั้งนี้ แม้จะมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แต่ตำรวจยังไม่ได้มีการสั่งเพิ่มกำลังในการดูแลผู้ชุมนุม รวมทั้งไม่มีการขอกำลังจากทหารเสริมการทำงาน ในเบื้องต้นจะใช้กำลังตำรวจเป็นหลัก
โฆษก.ตร. กล่าวด้วยว่า ในเวลา 16.00 น. วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะผอ.กอ.รมน. จะเรียกประชุมกอ.รมน.เพื่ออนุมัติแผนปฏิบัติการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากนั้นก็จะมีการปรับศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.และคาดว่าจะมีการประชุมศอ.รส.เพื่อกำหนดมาตรการต่างๆ ตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป
เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภาค 1 - 9 , ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1-9 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำความเข้าใจในแผนการปฏิบัติที่จะใช้ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2555
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า การประชุมเป็นการทำความเข้าใจในระดับผู้บังคับบัญชาที่จะต้องนำกำลังเข้ามาดูแลผู้ชุมนุมเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างมีวินัย ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการลงมา รวมทั้ง กำชับให้กำลังพลที่เข้ามาดูแลผู้ชุมนุมห้ามพกพาอาวุธอย่างเด็ดขาด และยืนยันว่าตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังติดตามการข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมในพื้นที่อย่างใกล้ชิด
ทางด้าน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ โฆษกบช.น. เข้าตรวจสภาพรถติดเครื่องขยายเสียงที่เตรียมไว้เพื่อดูแลความสงบในการชุมนุมและประชาสัมพันธ์ความเคลื่อนไหวให้กับผู้ชุมนุมได้รับทราบตลอดเวลาเพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ต่อมาเวลา 14.30 น. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อยผู้ชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อเรียกร้องทางการเมือง บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 24 พ.ย. นี้ ว่า ขณะนี้ทางคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อควบคุมสถานการณ์การชุมนุม ระหว่างวันที่ 22-30 พ.ย. 2555 ใน 3 เขต คือ เขตดุสิต เขตพระนคร และเขตป้อมปราศัตรูพ่าย
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ในส่วนของแผนการปฏิบัติเพื่อทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมนั้น ทาง ผบช.น.ได้สั่งการให้หน่วยประชาสัมพันธ์ของบช.น. จัดทำข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะมีการนำรถ 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงและป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนทราบการเคลื่อนไหวของการชุมนุม ทั้งนี้ กองประชาสัมพันธ์ของบช.น.ได้จัดทำใบปลิวและป้ายห้ามกระทำผิดกฎหมายไปติดตั้งไว้ในจุดต่างๆ ทั้งสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญทั่วไป โดยจะไม่อนุญาตให้มีการบุกรุกอย่างเด็ดขาด หากฝ่าฝืนก็จะมีความผิดด้วย นอกจากนี้ สำหรับกำลังพลที่มาจากทั่วประเทศเพื่อเข้ามาดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งได้กำหนดจุดที่พักไว้นั้นขอปิดเป็นความลับ แต่ยืนยันว่ามีความพร้อมในการดูแลความเรียบร้อยเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ใบปลิวที่ทางบช.น.จะแจกจ่ายให้กับประชาชน ระบุว่า “ชุมนุมโดยสงบ เคารพกฎหมาย ไม่เกิดความวุ่นวาย แยกย้ายโดยสันติ พี่น้องประชาชนที่รัก จากการชุมนุมที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนกับตำรวจนครบาลได้ร่วมมือกันจนประสบผลสำเร็จ คือ ความสงบเรียบร้อย กองบัญชาการตำรวจนครบาลขอขอบพระคุณพี่ร้องประชาชนทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้
หวังว่า ความร่วมมือระหว่างพี่น้องประชาชนกับตำรวจนครบาล ในการชุมนุมครั้งนี้จะเป็นไปตามกรอบของกฎหมายเพื่อนำไปสู่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต่อไป ทั้งนี้ หากมีเหตุไม่น่าไว้ว่างใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้ตัวท่าน ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้จัดกำลังดูแลพี่น้องประชาชน เพื่อรักษาความเรียบร้อยและมั่นคงของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งของเรา ด้วยรัก ห่วงใย และปราถนาดี จากตำรวจของประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
“การชุมนุมเนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ระบุว่า บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่ง จะกระทำมิได้เว้นแต่อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม หรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก กองบัญชาการตำรวจนครบาล ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ด้วยรัก ห่วงใย และปราถนาดี จากกองบัญชาการตำรวจนครบาล”