“พล.อ.ท.วัชระ” มั่นใจ “เสธ.อ้าย” มีแผนนำม็อบถึงเป้าหมาย แต่ยังเผยไม่ได้เพราะคู่ต่อสู้มีอิทธิพลมหาศาล ยันไม่ทิ้งมวลชนแน่นอน พร้อมย้ำไม่เชื้อเชิญรัฐประหาร แต่ก็คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่
วันที่ 19 พ.ย. พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
พล.อ.ท.วัชระกล่าวว่า จำนวนคนที่จะมาชุมนุมวันที่ 24 พ.ย. ตัวเลขที่ชัดเจนตอนนี้อยู่ที่ 4-5 แสนคนเป็นอย่างต่ำ และแม้ว่าในวันนั้นคนที่จะมาร่วมชุมนุมแต่ถูกสกัดไว้เราก็จะนับจำนวนรวมเข้าไปด้วย ไม่ได้จำกัดเฉพาะว่าต้องมาที่ลานพระรูปฯเท่านั้น
เมื่อถามว่าถ้าคนมาชุมนุมไม่ถึงล้านจะทำอย่างไรต่อ พล.อ.ท.วัชระกล่าวว่า ตัวเลข 1 ล้านเป็นเพียงเป้าที่ตั้งไว้ แต่ถ้ามาแค่ 5 แสนก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว และยืนยันนโยบายตอนนี้ต้องการชุมนุมอยู่กับที่ ไม่ยึดอะไรทั้งสิ้น แต่ส่วนว่าจะมีขั้นตอนอย่างไรต่อจากนั้นเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตนอยากเทียบว่าตอนนี้เรายังปีนไม่ถึงยอดเขาเลย มันต้องปีขึ้นมาให้ถึงก่อนแล้วปักธง เหตุการณ์การเมืองในอดีต มีการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง และทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ พล.อ.บุญเลิศเพียงคนเดียว
“ทำอะไรต่อนั้นขึ้นอยู่กับเสธ.อ้ายคนเดียว บอกตอนนี้ไม่ได้ เพราะเราเจอคู่ต่อสู้ที่มีพลังมหาศาล ทั้งพลังเงิน มีสาวกในหลากหลายสาขาวิชา มีอันธพาล กองกำลังติอาวุธ บอกไปเขาก็ซัดหมัดตรงเข้ามา เมื่อถึงเวลาท่านจะบอกเอง” พล.อ.ท.วัชระกล่าว
เมื่อถามว่าหาก พล.อ.บุญเลิศจะยุติการชุมนุมแต่มวลชนไม่ยอม พล.อ.บุญเลิศจะทำอย่างไร โฆษกองค์การพิทักษ์สยามกล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้นำท่านไม่ทิ้งมวลชนแน่นอน ท่านต้องดูแลอยู่แล้ว ตนกล้ายืนยันท่านไม่ทิ้งแน่นอน
ส่วนวาทกรรมที่ฝ่ายตรงข้ามใส่ร้ายว่าต้องการแช่แข็งประเทศ ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่จะแช่แข็งนักการเมือง โดยนักการเมืองต้องเสียสละ
ต่อข้อถามที่ว่าหากไม่มีการรัฐประหารจะสามารถเปลี่ยนแปลงอำนาจรัฐได้หรือ พล.อ.ท.วัชระกล่าวว่า ตนคาดเดาไม่ได้ว่าทหารจะออกมาหรือเปล่า และไม่ได้ต้องการให้ออกมาด้วย เพราะตอนปี 49 ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น เกิดขึ้นก็กลับไปเป็นแบบเดิม ตนขออุปมากับเกมหมากรุก คนเล่นมีแผนอยู่ในใจ ตนเองก็ยังมองไม่ออก รู้แต่เพียงว่าถึงยอดเขาก่อน ก็จะเห็นภาพว่าวิธีไหนที่จะไปต่อ
นายสุริยะใสกล่าวว่า ปริศนาที่ พล.อ.บุญเลิศพูดว่าไม่มีครั้งที่สาม ต่อให้มีแบบจำลองในใจ ถึงเวลาจริงมันอยู่ที่ชุมนุม อาจใช้แผนที่คิดไว้ได้จริงไม่เต็มร้อย ถ้าออกแบบให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สามารถทำได้ หากคนมา 5 แสนคนขึ้นไป เพราะตั้งแต่ลานพระรูปฯ ถึงกองสลากฯ จะเต็มแน่นไปหมด แค่มานั่งฟังปราศรัยเฉยๆ ก็เป็นสุญญากาศทางการเมืองแล้ว
ตนอยากฝากถึง เสธ.อ้ายว่า คน 3 แสน ไม่ถึง 5 แสนก็ถือว่ามหาศาลมากแล้ว และมันจะมีเรื่องเข้ามาตลอด มีสิ่งกดดันตลอด ฉะนั้นผู้นำจะตัดสินใจอะไรลอยๆไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากให้ผูกมัดกับว่าจะไม่มีครั้งที่สาม เพราะมวลชนคงไม่หยุดแค่นั้น หากไม่สำเร็จ อย่าคิดว่าผิดหวัง
นายสุริยะใสกล่าวด้วยว่า คอนเซ็ปต์การชุมนุมครั้งนี้คือปฏิวัติประชาชน แม้มีแนวคิดมาตลอดแต่ยังไม่เคยปฏิบัติได้จริง เพราะที่ผ่านมาจบลงด้วยรัฐประหาร ตนก็ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไรต่อ มันท้าทายมาก ฉะนั้นต้องให้กำลังใจ และไม่ว่าจบอย่างไรก็ตามตนมองทางบวก เพราะอย่างน้อยก็ให้เห็นว่ามีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ออกมาชี้หน้าด่ารัฐบาลเส็งเคร็ง