โฆษก ปชป.เชื่อรัฐบาลผวาม็อบ “เสธ.อ้าย” ถึงขนาด “นช.แม้ว” ต้องโฟนอินปลุกระดมแก๊งแดง ขณะที่รัฐบาลปฏิบัติสองมาตรฐาน ปล่อยข่าว-ข่มขู่-ดิสเครดิตกลุ่มพิทักษ์สยาม เพื่อลดปริมาณมวลชน แต่กลับหนุนสมุนแดงตั้งเวทีปลุกระดม ชี้คำพูด “ทักษิณ” หนังม้วนเก่า หลอกใช้เสื้อแดง โยนบาปคน 3 กลุ่ม แนะ นปช.เลิกงมงายยอมให้แหกตา
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เวทีคนเสื้อแดง จ.สมุทรปราการ วานนี้ (18 พ.ย.) ว่า ตนเชื่อว่าขณะนี้รัฐบาลมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธาน ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.ทักษิณดูร้อนรน และรัฐบาลมีการปฏิบัติสองมาตรฐานชัดเจนเพราะในกรณีของการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ที่ยืนยันหลายครั้งว่าจะชุมนุมตามกฎหมายปราศจากอาวุธ และไม่เคลื่อนไหว แต่รัฐบาลกลับพยายามที่จะปล่อยข่าว ข่มขู่ และดิสเครดิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการอ้างว่ามีการจ้างประชาชนหัวละ 2,000 บาท หรือการปล่อยข่าวว่าจะมีมือที่ 3 เข้ามาก่อสถานการณ์ความรุนแรง ทั้งปวงนี้ก็เพื่อที่จะลดความน่าเชื่อถือ และปริมาณของมวลชน
แต่ในทางกลับกันกับเวทีของคนเสื้อแดงนั้น รัฐบาลกลับไม่เคยมีการตักเตือนหรือห้ามปราม กลับปล่อยให้การจัดเวทีของคนเสื้อแดงนั้นเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล มีการจัดอำนวยความสะดวก มีการจัดเวทีอย่างเปิดเผย และรัฐบาลไม่เคยที่จะคำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นจากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง และจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณได้โฟนอินเมื่อวานนี้นั้นก็เป็นการฉายหนังม้วนเก่าของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเมื่อเกินเหตุที่จะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาชนที่ไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณนั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็จะเริ่มปฏิบัติการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นทันที โดย 3 กลุ่มหลักที่มักจะตกเป็นหยื่อ คือ 1. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณพยายามที่จะป้ายสีให้เป็นอำมาตย์ และพยายามที่จะหลอกประชาชนว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เป็นผู้ที่กระทำการกับ พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง และทั้งสองท่านก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการชุมนุมนี้แต่อย่างใด แต่กลับต้องตกเป็นแพะรับบาปให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด
2. กลุ่มทหาร โดยพยายามที่จะบิดเบือนว่ามีทหารมาเข้าร่วมชุมนุม ทั้งๆ ที่ผู้บัญชาการทหารบกก็ยืนยันแล้วว่า ไม่มีกลุ่มทหารอยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้แต่อย่างใด ซ้ำร้ายยังพยายามที่จะหลอกคนเสื้อแดงว่าในการชุมนุมปี 2553 นั้นมีทหารแฝงตัวเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุม ใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชน ทั้งๆ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณก็รู้ดีกว่ากลุ่มชายชุดดำนั้นเป็นใคร และขณะนี้หลายคนก็ถูกจับกุมตัวคุมขัง ถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเคยคิดจะไปดูแลคนเหล่านี้หรือไม่ กลับมาใส่ร้าย และต้มตุ๋นคนเสื้อแดงเพื่อประโยชน์ของตัวเองและตนยืนยันว่า หากข้อเท็จจริงในเรื่องการชุมนุมปี 2553 และการเสียชีวิตของประชาชนได้รับการเปิดเผยจาก พ.ต.ท.ทักษิณจะได้ไปต่อสู้คดีที่ศาลอาญาระหว่างประเทศแน่นอน
3. พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณพยายามที่จะหลอกลวงประชาชนคนเสื้อแดงว่าพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นกลุ่มพวกเดียวกับอำมาตย์ และทหาร ที่พยายามที่จะล้มล้างตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นเบื้องหน้า หรือเบื้องหลังของการชุมนุมของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม และพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้มีพฤติกรรมแบบเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองต่างหากที่สนับสนุนคนเสื้อแดง ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์อย่างเปิดเผย มีการใช้ความรุนแรงมีการกระทำผิดกฎหมายหลายประการ จนเกิดความเสียหายกับบ้านเมือง ถามว่าทักษิณเคยรับผิดชอบอะไรบ้าง
ดังนั้น การที่ พ.ต.ท.ทักษิณพยายามที่จะโฟนอินมาใช้ประเด็นหลอกลวงคนเสื้อแดงอยู่อย่างนี้นั้นก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเกรงว่าประชาชนคนเสื้อแดงจะเห็นความจริงเข้าสักวันหนึ่ง และรู้ว่าที่ผ่านมานั้นถูกหลอกเป็นเพียงเครื่องมือต่อสู้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นได้อำนาจ ได้พ้นผิด ได้ทรัพย์สินคืน แต่ชีวิตและเลือดเนื้อของพี่น้องเสื้อแดงนั้นจะมีค่าในสายตาของ พ.ต.ท.ทักษิณสักแค่ไหน ในวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณคิดว่าจะได้ทุกอย่างตามที่ต้องการก็อ้างว่าจะสละเรือของคนเสื้อแดงทิ้ง แต่พอรู้สึกว่าอะไรไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็พยายามที่จะหาเหตุเพื่อปลุกระดมให้คนเสื้อแดงออกมา ปกป้องตัวเองกับพวกและอาศัยมาเป็นเครื่องมือต่อรอง ในขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณกลับไม่เคยแสดงความจริงใจที่จะดูแลความเป็นอยู่ หรือชีวิตของพี่น้องเสื้อแดงเมื่อใช้งานเสร็จ ก็สะบัดก้นหนี เมื่อจะใช้งานเขาอีกก็ยกเหตุผล 3 ข้อมาปั่นหัวให้พี่น้องหลงเชื่อ และพร้อมที่จะตายแทนอีกหาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องการ
“ขอให้พี่น้องเสื้อแดงนั้นได้เห็นพฤติกรรมและธาตุแท้ของคนที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่าได้หลงเชื่อต่อไปอีก รวมทั้งขอเตือนไปยังรัฐบาลว่าถ้ายังสนับสนุนพฤติกรรมลักษณะแบบปากว่า ตาขยิบ คือกล่าวหา คุกคามประชาชนกลุ่มหนึ่ง แต่ให้ท้ายมวลชนของตนเอง จะสร้างความรู้สึกแตกแยกในชาติ และจะทำให้การชุมนุมของกลุ่มประชาชนนั้นยิ่งจะทวีความเข้มข้นมากขึ้น”