“ราเมศ” ยันพรรคให้ความร่วมมือดีเอสมาตลอด แจงค้นเอกสารช้าเหตุมีเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ซัดลุแก่อำนาจเรียกแม่ หน.ปชป.มาสอบ อ้างเป็นพยานเงินบริจาค ลั่นออกหมายจับ “แม่-ลูกเวชาชีวะ” ต้องโดนข้อหาละเว้นหน้าที่
วันนี้ (19 พ.ย.) นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เชิญตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์เข้าชี้แจงเรื่องเงินบริจาคน้ำท่วมในปี 53 ว่า วันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 09.30 น.ตนได้เดินทางเข้าชี้แจงเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งเป็นที่ผิดสังเกตว่าการที่พนักงานของดีเอสไอกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ประวิงคดี ไม่ให้ความร่วมมือในการเข้าให้ข้อมูล ทั้งที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือมาตลอด แต่เอกสารที่ทางดีเอสไอขอมาเป็นเอกสารที่อยู่ในช่วงช่วงปี 50 ถึง 55 จึงจำเป็นต้องมีการจัดเตรียม เพราะมีอยู่เต็มตู้คอนเทนเนอร์ นอกจากนี้เอกสารดังกล่าวในเรื่องเงินบริจาคตามหลักกฎหมาย ทางพรรคจะต้องแจ้งต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง และนายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบอย่างถูกต้องทุกปีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงว่าพนักงานสอบสวนจะพยายามหาช่องทางเพื่อระบุว่าทางประชาธิปัตย์ไม่ให้ความร่วมมือในการมาชี้แจงเพื่อที่จะออกหมายจับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“ผมขอเตือนดีเอสไอว่า อย่าลุแก่อำนาจ ซึ่งที่ผ่านมาในการเข้าชี้แจง 3 ครั้งมีการให้รายละเอียดครบถ้วน หากมีการออกหมายจับนายอภิสิทธิ์จริงก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน โดยดีเอสไอก็ต้องโดนข้อหาการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย” รองโฆษกกล่าว
นายราเมศกล่าวต่อถึงกรณีที่ดีเอสไอเรียก พญ.สดใส เวชชาชีวะ มารดาของนายอภิสิทธิ์เข้าชี้แจงเป็นครั้งที่ 3 ว่า จากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอว่าเรียก พญ.สดใสเข้าชี้แจงในฐานะอะไร ทางดีเอสไอก็ระบุชัดเจนว่าเรียกเข้าชี้แจงในฐานะพยาน โดยที่ผ่านมา พญ.สดใสให้ข้อมูลเรื่องเงินบริจาคอย่างครบถ้วนทั้ง 3 ครั้งแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ดีเอสไอจะเรียกเข้ามาชี้แจงอีก ซึ่งหากการดำเนินการของดีเอสไอเป็นไปเพื่อหาทางออกหมายจับ พญ.สดใส ก็จะถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เช่นกัน