โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม โอ่ชาวกรุงตอบรับร่วมม็อบท่วมท้น จวกเอแบคโพลล์บิดเบือน เย้ยสังคมเริ่มสิ้นศรัทธา ชี้ “ทักษิณ” บงการการเมืองชัด มีอิทธิพลต่อนายกฯ ตลอดเวลา แนะชาวบ้านลองคิดยอมได้หรือคนชักใยแต่ไม่ต้องรับผิด ยันทฤษฎีแช่แข็งนักการเมืองโกง ไร้แนวคิดสะสมยางรถยนต์แน่ ปัดเคลื่อนมวลชน ไม่รู้ “พะจุณณ์” ร่วมม็อบ ขอตำรวจอย่าพังส้วม ปูดอำนาจรัฐเริ่มคุกคามชาวต่างจังหวัด
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ราชตฤณมัยสมาคมฯ เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) แถลงว่า การตอบรับของชาวกรุงเทพมหานคร(กทม.)หลังจากวานนี้ (18 พ.ย.) ขบวนคาราวาน อพส.ได้มีการรณรงค์เพื่อชี้แจงถึงวิกฤตของชาติ และวัตถุประสงค์ของการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24-25 พ.ย. ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างท่วมท้น รวมทั้งได้แสดงการสนับสนุนอย่างจริงใจ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าผลนั้นออกมาตรงกันข้ามกับเอแบคโพล ล์ที่ให้ตัวเลขสวนทางกับความเป็นจริง โดยออกมาระบุว่าประชากรชาว กทม.ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของ อพส.ถึง 94.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไร้สาระและบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ทั้งนี้ประชาชนชาว กทม.ที่อยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นต่างแสดงเจตนารมณ์อย่างท่วมท้นว่าจะออกมาพิสูจน์ให้เห็นว่าผลของเอแบคโพลล์นั้นใช้ไม่ได้
พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า เอแบคโพลล์รวมทั้งโพลอื่นๆ ที่ไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนชาวไทย ให้ยุติวิธีคิด เนื่องจากว่าหลักการการทำโพลเพื่อที่จะค้นหาทัศนะคติที่แท้จริงของสังคมนั้นคงไม่ใช่การวิเคราะห์ตลาด เพราะว่าการทำทัศนะคติทางการเมืองนั้นมีความสลับซับซ้อนยิ่งใหญ่กว่า และอย่างจะให้เอแบคโพล รวมทั้งโพลต่างๆ ตระหนักถึงความเป็นจริง เพราะว่าท่านกำลังจะถูกสังคมสิ้นศรัทธาในโพลของสถาบันต่างๆ และอยากให้ยึดมั่นในหลักทฤษฎีความเป็นจริงอย่าเอาวิชามารมาใช้กับการเมืองในขณะนี้ โดยตนขอท้าทายกับเอแบคโพลล์ว่าจะสิ้นซึ่งศรัทธาหากยังมีการชี้นำด้วยตัวเลขเช่นนี้
พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงตัวอย่างชัดเจนในฐานะที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ที่บงการขบวนการการเมือง ที่หากมองสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” บ่งบอกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบทางการเมืองเป็นบุคคลธรรมดา แต่มีศักยภาพ สามารถที่จะบงการให้พรรคการเมืองทำในสิ่งที่เขาคิด ไม่ต้องอธิบายเลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้ที่บงการทางการเมืองทั้งหมด ดังนั้น การที่จะบอกว่ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลหุ่นนั้นเป็นการพิสูจน์โดยประจักษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงออกมาชัดเจนว่าคือผู้นำอย่างแท้จริงในการทำให้เห็นถึงความวุ่นวายในแผ่นดินนี้ รวมทั้งมีความต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ซึ่งตนอยากจะให้สังคมไทยนำสิ่งเหล่านี้ไปพิจารณาว่าสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” นั้นมีความหมายลึกซึ้งอย่างไร
พล.อ.ท.วัชระกล่าวว่า จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมายอมรับว่า ได้มีการติดต่อกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และให้คำปรึกษาอย่างเป็นประจำ ก็ชัดเจนว่าผู้เป็นพี่ชายก็ยังมีอิทธิพลครอบงำน้องสาวอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายนายทหาร การปรับคณะรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณก็จะมาอยู่โดยรอบประเทศไทย และมีนักการเมืองระดับแกนนำพรรค แกนนำกลุ่มวิ่งไปพบ เพื่อแสดงตัวรวมทั้งต่อรองกับอำนาจ ซึ่งเป็นอีกประการหนึ่งที่บ่งบอกว่าตัวตนผู้ชักใย ในการควบคุมการเมืองไทยนั้นคือใคร นอกจากนั้นยังรวมถึงการโฟนอินเมื่อมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย ซึ่งเป็นการสร้างอิทธิพลอย่างเด่นชัด หรือแม้กระทั่งกรณีที่นายตำรวจใหญ่ ให้มีการประดับยศให้ในต่างประเทศ อพส.เห็นว่าเป็นเห็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งว่าตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้ที่บงการรัฐบาลนี้อย่างชัดเจน โดยประเด็นนั้นอยู่ที่ว่าหากเกิดความผิดพลาดล้มเหลวแล้วใครรับผิดชอบ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นอยู่ในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เพราะอยู่นอกประเทศอำนาจรัฐเอื้อมไปไม่ถึง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลที่อยู่นอกระบบการเมืองไทย แต่สามารถที่จะใช้อำนาจรัฐได้อย่างเต็มภาคภูมิ ดังนั้น อดีตนายกฯ จะรับผิดชอบหรือไม่หากเกิดความล้มเหลว นำประเทศชาติไปสู่หายนะ นำประเทศชาติไปสู่ประเทศที่อยู่ภาวะล้มเหลว ซึ่งสาธารณชนต้องคิดว่าผู้ที่บงการแต่ไม่รับผิดชอบ รวมทั้งไม่อยู่ในสถาณะภาพที่ต้องรับผิดชอบตรงนี้ประเทศไทยยอมรับได้หรือไม่
พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า อพส.ไม่ได้แช่แข็งอะไร และไม่มีอะไรที่เราจะต้องแช่แข็ง แต่เราจะแช่แข็งผู้ที่เป็นนักการเมืองและมีพฤติกรรมคดโกง คอร์รัปชัน เอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งเป็นนโยบายความตั้งใจของเรา ทั้งนี้ อพส.ใช้แนวคิดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือการนำเอาระบอบการปฏิบัติงาน เพื่อจะสร้างให้อุตสาหกรรมดีขึ้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่การปฏิวัติโดยใช้ความรุนแรง ซึ่งเงื่อนไขเวลาไม่ใช่ประเด็นอยู่ที่ปวงชนชาวไทยใช้เวลาที่จะตกตะกอนว่าเขาต้องการอะไร อพส.รับรองได้ว่าไม่มีนโยบายความคิดในการสะสมยางรถยนต์ รวมทั้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงแต่อย่างใด
พล.อ.ท.วัชระกล่าวถึงกรณีที่นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย ออกมาระบุว่า อพส.ที่จะมาชุมนุมวันที่ 24-25 พ.ย. 55 จะนำประชาชนไปที่ท่าน้ำศิริราช ว่า ไม่เป็นความจริง และไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น เพราะพวกเรา จงรักภักดีด้วยหัวใจอยู่แล้ว เราไม่มีนโยบายใดๆทั้งสิ้นที่จะไปที่รพ.ศิริราช ส่วนกระแสว่า พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี จะเข้าร่วมชุมนุมด้วยนั้น ตนไม่ทราบ ว่าใครจะมาใครจะไป แต่ขอเรียนว่าทหารที่อยู่ใน อพส.นั้นเป็นอดีตนายทหารนอกราชการ โดยมีเพียง 3 ท่านคือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ และตน เท่านั้น ส่วนผู้จะคิดอย่างไรนั้นไม่มีอยู่ในรายชื่อ และไม่มีการประสานจาก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ พล.ร.อ.พะจุณณ์สามารถจะมาร่วมชุมนุมได้อยู่แล้วเนื่องจากเป็นประชาชนคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม โฆษก อพส.กล่าวด้วยว่า ตนได้รับการยืนยันจากกองทัพทัพธรรมว่าสามารถดูแลมวลชนเรือนแสนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะดูแลในเรื่องเสบียง ที่ปลดทุกข์ และความปลอดภัย ซึ่งตัวแทนกองทัพธรรมระบุว่าขออย่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าทำลายห้องสุขา เพราะเหมือนเป็นการแกล้งประชาชน ซึ่งเป็นเหมือนกลยุทธ์ที่สกปรก นอกจากนี้ตนได้รับรายงานจากแหล่งข่าวภูมิภาคว่ารัฐบาลเริ่มมีพฤติกรรมโหด ในการแสดงเจตนาข่มขู่ปิดกั้นและคุกคามสิทธิเสรีภาพของนักศึกษา ประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน และจังหวัดชลบุรี ซึ่งตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายมาก และขอให้เลิกเสียเพราะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
วันนี้ (19 พ.ย.) ที่ราชตฤณมัยสมาคมฯ เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.ท.วัชระ ฤทธาคนี โฆษกองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) แถลงว่า การตอบรับของชาวกรุงเทพมหานคร(กทม.)หลังจากวานนี้ (18 พ.ย.) ขบวนคาราวาน อพส.ได้มีการรณรงค์เพื่อชี้แจงถึงวิกฤตของชาติ และวัตถุประสงค์ของการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 24-25 พ.ย. ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างท่วมท้น รวมทั้งได้แสดงการสนับสนุนอย่างจริงใจ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าผลนั้นออกมาตรงกันข้ามกับเอแบคโพล ล์ที่ให้ตัวเลขสวนทางกับความเป็นจริง โดยออกมาระบุว่าประชากรชาว กทม.ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของ อพส.ถึง 94.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไร้สาระและบิดเบือนจากข้อเท็จจริง ทั้งนี้ประชาชนชาว กทม.ที่อยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้นต่างแสดงเจตนารมณ์อย่างท่วมท้นว่าจะออกมาพิสูจน์ให้เห็นว่าผลของเอแบคโพลล์นั้นใช้ไม่ได้
พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า เอแบคโพลล์รวมทั้งโพลอื่นๆ ที่ไม่ได้ให้ข้อเท็จจริงกับประชาชนชาวไทย ให้ยุติวิธีคิด เนื่องจากว่าหลักการการทำโพลเพื่อที่จะค้นหาทัศนะคติที่แท้จริงของสังคมนั้นคงไม่ใช่การวิเคราะห์ตลาด เพราะว่าการทำทัศนะคติทางการเมืองนั้นมีความสลับซับซ้อนยิ่งใหญ่กว่า และอย่างจะให้เอแบคโพล รวมทั้งโพลต่างๆ ตระหนักถึงความเป็นจริง เพราะว่าท่านกำลังจะถูกสังคมสิ้นศรัทธาในโพลของสถาบันต่างๆ และอยากให้ยึดมั่นในหลักทฤษฎีความเป็นจริงอย่าเอาวิชามารมาใช้กับการเมืองในขณะนี้ โดยตนขอท้าทายกับเอแบคโพลล์ว่าจะสิ้นซึ่งศรัทธาหากยังมีการชี้นำด้วยตัวเลขเช่นนี้
พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แสดงตัวอย่างชัดเจนในฐานะที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ที่บงการขบวนการการเมือง ที่หากมองสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” บ่งบอกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบทางการเมืองเป็นบุคคลธรรมดา แต่มีศักยภาพ สามารถที่จะบงการให้พรรคการเมืองทำในสิ่งที่เขาคิด ไม่ต้องอธิบายเลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้ที่บงการทางการเมืองทั้งหมด ดังนั้น การที่จะบอกว่ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลหุ่นนั้นเป็นการพิสูจน์โดยประจักษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้แสดงออกมาชัดเจนว่าคือผู้นำอย่างแท้จริงในการทำให้เห็นถึงความวุ่นวายในแผ่นดินนี้ รวมทั้งมีความต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ซึ่งตนอยากจะให้สังคมไทยนำสิ่งเหล่านี้ไปพิจารณาว่าสโลแกน “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” นั้นมีความหมายลึกซึ้งอย่างไร
พล.อ.ท.วัชระกล่าวว่า จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ออกมายอมรับว่า ได้มีการติดต่อกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และให้คำปรึกษาอย่างเป็นประจำ ก็ชัดเจนว่าผู้เป็นพี่ชายก็ยังมีอิทธิพลครอบงำน้องสาวอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ทุกครั้งที่จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายนายทหาร การปรับคณะรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณก็จะมาอยู่โดยรอบประเทศไทย และมีนักการเมืองระดับแกนนำพรรค แกนนำกลุ่มวิ่งไปพบ เพื่อแสดงตัวรวมทั้งต่อรองกับอำนาจ ซึ่งเป็นอีกประการหนึ่งที่บ่งบอกว่าตัวตนผู้ชักใย ในการควบคุมการเมืองไทยนั้นคือใคร นอกจากนั้นยังรวมถึงการโฟนอินเมื่อมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย ซึ่งเป็นการสร้างอิทธิพลอย่างเด่นชัด หรือแม้กระทั่งกรณีที่นายตำรวจใหญ่ ให้มีการประดับยศให้ในต่างประเทศ อพส.เห็นว่าเป็นเห็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งว่าตัวตนของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือผู้ที่บงการรัฐบาลนี้อย่างชัดเจน โดยประเด็นนั้นอยู่ที่ว่าหากเกิดความผิดพลาดล้มเหลวแล้วใครรับผิดชอบ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นอยู่ในสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เพราะอยู่นอกประเทศอำนาจรัฐเอื้อมไปไม่ถึง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเป็นบุคคลที่อยู่นอกระบบการเมืองไทย แต่สามารถที่จะใช้อำนาจรัฐได้อย่างเต็มภาคภูมิ ดังนั้น อดีตนายกฯ จะรับผิดชอบหรือไม่หากเกิดความล้มเหลว นำประเทศชาติไปสู่หายนะ นำประเทศชาติไปสู่ประเทศที่อยู่ภาวะล้มเหลว ซึ่งสาธารณชนต้องคิดว่าผู้ที่บงการแต่ไม่รับผิดชอบ รวมทั้งไม่อยู่ในสถาณะภาพที่ต้องรับผิดชอบตรงนี้ประเทศไทยยอมรับได้หรือไม่
พล.อ.ท.วัชระกล่าวต่อว่า อพส.ไม่ได้แช่แข็งอะไร และไม่มีอะไรที่เราจะต้องแช่แข็ง แต่เราจะแช่แข็งผู้ที่เป็นนักการเมืองและมีพฤติกรรมคดโกง คอร์รัปชัน เอาเงินภาษีของประชาชนไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ซึ่งเป็นนโยบายความตั้งใจของเรา ทั้งนี้ อพส.ใช้แนวคิดของการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือการนำเอาระบอบการปฏิบัติงาน เพื่อจะสร้างให้อุตสาหกรรมดีขึ้น เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่การปฏิวัติโดยใช้ความรุนแรง ซึ่งเงื่อนไขเวลาไม่ใช่ประเด็นอยู่ที่ปวงชนชาวไทยใช้เวลาที่จะตกตะกอนว่าเขาต้องการอะไร อพส.รับรองได้ว่าไม่มีนโยบายความคิดในการสะสมยางรถยนต์ รวมทั้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงแต่อย่างใด
พล.อ.ท.วัชระกล่าวถึงกรณีที่นายประชา ประสพดี รมช.มหาดไทย ออกมาระบุว่า อพส.ที่จะมาชุมนุมวันที่ 24-25 พ.ย. 55 จะนำประชาชนไปที่ท่าน้ำศิริราช ว่า ไม่เป็นความจริง และไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น เพราะพวกเรา จงรักภักดีด้วยหัวใจอยู่แล้ว เราไม่มีนโยบายใดๆทั้งสิ้นที่จะไปที่รพ.ศิริราช ส่วนกระแสว่า พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี จะเข้าร่วมชุมนุมด้วยนั้น ตนไม่ทราบ ว่าใครจะมาใครจะไป แต่ขอเรียนว่าทหารที่อยู่ใน อพส.นั้นเป็นอดีตนายทหารนอกราชการ โดยมีเพียง 3 ท่านคือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ และตน เท่านั้น ส่วนผู้จะคิดอย่างไรนั้นไม่มีอยู่ในรายชื่อ และไม่มีการประสานจาก พล.ร.อ.พะจุณณ์ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ พล.ร.อ.พะจุณณ์สามารถจะมาร่วมชุมนุมได้อยู่แล้วเนื่องจากเป็นประชาชนคนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม โฆษก อพส.กล่าวด้วยว่า ตนได้รับการยืนยันจากกองทัพทัพธรรมว่าสามารถดูแลมวลชนเรือนแสนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะดูแลในเรื่องเสบียง ที่ปลดทุกข์ และความปลอดภัย ซึ่งตัวแทนกองทัพธรรมระบุว่าขออย่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าทำลายห้องสุขา เพราะเหมือนเป็นการแกล้งประชาชน ซึ่งเป็นเหมือนกลยุทธ์ที่สกปรก นอกจากนี้ตนได้รับรายงานจากแหล่งข่าวภูมิภาคว่ารัฐบาลเริ่มมีพฤติกรรมโหด ในการแสดงเจตนาข่มขู่ปิดกั้นและคุกคามสิทธิเสรีภาพของนักศึกษา ประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน และจังหวัดชลบุรี ซึ่งตนคิดว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายมาก และขอให้เลิกเสียเพราะเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
