“ชวน” ห่วงพฤติกรรมนักการเมืองที่ชอบพูดโกหก เพื่อผลประโยชน์และสร้างคะแนนให้ตนเอง เหน็บ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” เรียกร้องให้คนอื่นเคารพประชาธิปไตย ใช้สภาแก้ปัญหา แต่ตัวเองไม่เคยปฏิบัติ หรือเข้าร่วมประชุม เชื่อ “ปู” โตพอจะรู้อะไรควร ไม่ควร ชี้จริยธรรมอยู่ที่ตัวบุคคล
ที่รัฐสภา วันนี้ (16 พ.ย.) มีการจัดงานเสวนาเรื่อง “มาตรฐานจริยธรรมของนักการเมือง” จัดโดย คณะกรรมาธิการจริยธรรม วุฒิสภา โดยได้เชิญนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “หลักการประพฤติตนของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”
นายชวนกล่าวตอนหนึ่งว่า ในวงการการเมืองมีทั้งคนที่ดีและไม่ดี แต่สำหรับข้าราชการการเมืองไม่สามารถมีมาตรการลงโทษได้เหมือนกับข้าราชการประจำ แต่ถึงอย่างไร ส.ส.ก็เป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะคงไม่ต้องไปสอนว่านักการเมืองต้องถือสมบัติผู้ดีกี่ข้อ ถ้าให้สอนก็ไม่ควรมาสมัครผู้แทนราษฎร ทั้งนี้ เรื่องคุณธรรมจริยธรรมขึ้นอยู่กับพฤติกรรมส่วนตัวและอยู่ที่ที่มาของส.ส.แต่ละคน
“ผมได้สอน ส.ส.ใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ตลอดเวลา เรื่องการจองตั๋วและขึ้นเครื่องบินว่า หากจองตั่วแล้วไม่ได้ไปก็ให้โทร.ไปยกเลิกเขาด้วย เพราะเขาจะได้ขายที่นั่งตรงนั้นให้คนอื่น ซึ่งถ้าไม่ได้ไปแล้วไม่ยกเลิกเท่ากับว่าเปลืองภาษีของประชาชน ที่ต้องบอกเช่นนี้ก็เพราะส.ส.ไม่ต้องเสียเงินซื้อตั๋วทั้งเครื่องบินและรถไฟ ส่วนเวลาขึ้นเครื่องก็ควรไปให้ทันเวลาไม่ต้องให้คนอื่นเขารอเรา”
นายชวนกล่าวอีกว่า อีกพฤติกรรมหนึ่งที่สอนอยู่เสมอ คือ การประชุมคณกรรมาธิการ โดยมี ส.ส.บางคนดำรงตำแหน่งในหลายคณะกรรมาธิการ แต่ก็ทำเพียงแค่เซ็นชื่อรับเบี้ยประชุม แล้วออกไปธุระต่อที่อื่น ซึ่งแบบนี้ไม่ใช่พฤติกรรมที่ดี แต่ละเดือนก็ได้เงินจากส่วนนี้จำนวนมาก
นายชวนกล่าวต่อว่า อาชีพนักการเมืองถ้าให้คะแนนในด้านดีก็จะได้คะแนนน้อยสุด แต่ถ้าให้คะแนนในด้านลบ อาชีพนักการเมืองจะได้คะแนนมากหรืออยู่ในลำดับต้นๆ อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่น่าเป็นห่วง คือ พฤติกรรมโกหก ไม่ใช่คนรุ่นก่อนจะไม่โกหก แต่ก็ไม่ถึงกับพูดให้ขาวเป็นดำเหมือนในปัจจุบัน บางเรื่องชัดเจนว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่ต้องพูดอีกอย่างหนึ่งเพื่อปกป้องพรรคพวกตัวเอง สาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะผลประโยชน์และสร้างคะแนนให้ตัวเอง หรือเหมือนกับเป็นมือปืนทำหน้าที่แลกผลประโยชน์
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาอยู่ที่ภาคปฏิบัติ ต่างคนต่างบอกว่าเคารพประชาธิปไตยแต่ในทางปฏิบัติกลับทำในสิ่งที่รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนด หรือไม่ใช้สภาแก้ไขปัญหา ความจริงการยึดหลักประชาธิปไตยต้องปฏิบัติภายใต้หลักความถูกต้องตามครรลองนิติรัฐ นิติธรรม และต้องให้ความสำคัญกับรัฐสภา อย่างไรก็ตาม เราจะต้องเป็นผู้ปฏิบัติแทนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นปฏิบัติ ตนยังบอกกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เลยว่าไม่ต้องไปเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าประชุมสภาฯ เพราะนายกรัฐมนตรีโตพอและมีวุฒิภาวะรู้ว่าอะไรคือหน้าที่ และควรหรือไม่ควรอย่างไร
“เคยมีเจ้าหน้าที่มาปรึกษากับผมว่าจะมอบรางวัลให้กับผู้ที่เข้าประชุมสภาตลอด แต่ผมก็บอกไปว่าระหว่างคนที่เข้ามาเซ็นชื่อตลอด แต่ไม่เคยเข้าร่วมประชุม กับคนที่เข้าร่วมประชุมแต่ขาดประชุม 2 ครั้ง อันไหนสำคัญกว่ากัน ที่อธิบายตรงนี้เพื่อบอกให้ฟังว่าสิ่งสำคัญ คือ ต้องทำหน้าที่และหน้าที่ก็ไม่ได้เป็นความดี แต่คือหน้าที่ที่ต้องทำ”
อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในทางปฏิบัติคุณธรรมจริยธรรม มีความสำคัญก็จริงแต่ไม่สำคัญเท่ากับพฤติกรรมของบุคคล ที่ตอนนี้มีแต่คนพูดในสิ่งที่ถูกต้องแต่ไม่ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ไม่มีใครเป็นซูเปอร์แมนเก่งคนเดียวและทำงานคนเดียว แต่ต้องช่วยกันให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้
