รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อม พนง.สอบสวนบุกกองทัพบก ซัก ผบ.พล ม.2 รอ.รับผิดชอบกระชับพื้นที่บ่อนไก่ ช่วงเหตุการณ์ปี 53 นาน 2 ชั่วโมง เผยร่วมมือดี แต่ข้อมูลไม่คืบ แต่ไม่สอบถามเรื่องชายชุดดำ เผยเตรียมสอบ 13 ครม.มาร์ค ไม่หนักใจถูกมองเปลี่ยนขั้วการเมือง ด้านเจ้าตัวเผยนักข่าวไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายผู้บังคับบัญชา
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมพนักงานสอบสวน จำนวน 10 คน ที่นำสำนวนและอุปกรณ์ในการสอบสวน เพื่อขอเข้าพบและสอบปากคำเพิ่มเติม พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผบ.กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล ม.2 รอ.) ในฐานะพยาน เนื่องจาก พล.ต.สุรศักดิ์ เป็นดูแลรับผิดชอบกำลังพลบริเวณบ่อนไก่ ในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทั้งนี้ ทบ.ได้จัดพื้นที่บริเวณชั้นล่างตึกบัญชาการไว้เป็นสถานที่ในการสอบปากคำ โดยใช้เวลาสอบปากคำ 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
จากนั้น พ.อ.ต.ประเวศน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังสอบปากคำ ว่า วันนี้ได้สอบปากคำ พล.ต.สุรศักดิ์ ถึงขั้นตอนการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ทหารเข้าไปดูแลพื้นที่ พระราม 4 สีลม บ่อนไก่ จนถึงวันที่ยุติการชุมนุม ว่า มีขั้นตอนใดบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ พล.ต.สุรศักดิ์ เป็นผู้ดูแลภาพรวม ดังนั้น คงต้องสอบถามผู้ปฏิบัติที่แท้จริงที่คุมกำลังในพื้นที่อีกครั้ง ทั้งนี้ ขั้นตอนการสอบปากคำอยู่ในฐานะพยานทั้งหมด เพราะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด
“การให้สอบปากคำในวันนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และกองทัพให้ข้อมูลตามที่เราสอบถาม เพียงแต่ข้อมูลมันเยอะ และเกิดขึ้นนานแล้ว หลายๆ อย่างต้องให้ พล.ต.สุรศักดิ์ ไปค้นข้อมูลมาให้ทางเรา เช่น คำสั่งทางวิทยุ รวมถึงอาจขอข้อมูลบางเรื่องอีกครั้ง ทั้งนี้ ดีเอสไอ จะทำการสอบปากคำรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมแล้ว 13 คน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีในขณะนั้นที่ดูแลกองทัพ อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาสอบปากคำในวันนี้ ไม่มีการสอบถามถึงชายชุดดำ” รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ
เมื่อถามว่า มีความหนักใจกับการดำเนินการเกี่ยวกับการสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ เพราะสังคมมองว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลก็มีการมองว่าจะต้องมีการเข้าข้าง พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า เราว่ากันไปตามพยานหลักฐาน เรารับฟังทุกฝ่าย ทั้ง คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เราก็ฟัง โดยเราจะชั่งน้ำหนักว่าฝ่ายไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน ซึ่งคงต้องตรวจสอบทุกพยานหลักฐาน ว่า อันไหนจริงหรือเท็จ เมื่อถามย้ำว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ดีเอสไอตั้งธงในการทำคดีเอาผิดกับทหาร พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ตนตั้งธงไม่ได้ ถ้าพยานหลักฐานไม่เอื้อ ดังนั้น ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน เช่น ผู้ที่ให้การจะมาบอกว่าเขาให้การแบบนั้นแบบนี้ไม่ได้ แต่ละคนก็ผู้ใหญ่ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ญาติของกำลังพลมาร้องขอความช่วยเหลือจากทางกองทัพ ว่า คดีไม่มีความคืบหน้า พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า เราก็ดำเนินการให้ทั้งสองฝ่าย หากพยานให้ความร่วมมือ อยู่ที่ฝ่ายไหนให้ความร่วมมือมากกว่า และพยานตรงไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน เราดำเนินการตามพยานหลักฐาน จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ด้าน พล.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ทางดีเอสไอ ได้นัดสอบปากคำในข้อมูลเหตุการณ์การปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบช่วงพฤษภาคม 2553 ทั้งนี้ การให้การวันนี้ คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชา อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสืบสวน