เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (15พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( DSI ) พร้อมพนักงานสอบสวน จำนวน 10 คน ที่นำสำนวนและอุปกรณ์ในการสอบสวน เพื่อขอเข้าพบ และสอบปากคำเพิ่มเติม พล.ต.สุรศักดิ์ บุญศิริ ผบ.กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ ( พล ม.2 รอ. ) ในฐานะพยาน เนื่องจากพล.ต.สุรศักดิ์ เป็นดูแลรับผิดชอบกำลังพล บริเวณบ่อนไก่ ในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทั้งนี้ ทบ. ได้จัดพื้นที่บริเวณชั้นล่าง ตึกบัญชาการไว้เป็นสถานที่ในการสอบปากคำ โดยใช้เวลาสอบปากคำ 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
จากนั้น พ.อ.ต.ประเวศน์ ให้สัมภาษณ์หลังสอบปากคำว่า ได้สอบถาม พล.ต.สุรศักดิ์ ถึงขั้นตอนการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ทหารเข้าไปดูแลพื้นที่ย่านถนนพระราม 4 สีลม บ่อนไก่ จนถึงวันที่ยุติการชุมนุม ว่ามีขั้นตอนในการปฏิบัติอย่างไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ พล.ต.สุรศักดิ์ เป็นผู้ดูแลภาพรวม ดังนั้น คงต้องสอบถามผู้ปฏิบัติที่แท้จริงที่คุมกำลังในพื้นที่อีกครั้ง ทั้งนี้ขั้นตอนการสอบปากคำ อยู่ในฐานะพยานทั้งหมด เพราะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด
"การสอบปากคำในวันนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และกองทัพให้ข้อมูลตามที่เราสอบถาม เพียงแต่ข้อมูลมันเยอะ และเกิดขึ้นนานแล้ว หลายๆ อย่างต้องให้ พล.ต.สุรศักดิ์ ไปค้นข้อมูลมาให้ทางเรา เช่น คำสั่งทางวิทยุ รวมถึงอาจขอข้อมูลบางเรื่องอีกครั้ง ทั้งนี้ ดีเอสไอ จะทำการสอบปากคำ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมแล้ว 13 คน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ดูแลกองทัพ อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาสอบปากคำในครั้งนี้ ไม่มีการสอบถามถึงชายชุดดำ" รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ
เมื่อถามว่า มีความหนักใจกับการดำเนินการเกี่ยวกับการสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ เพราะสังคมมองว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล ก็มีการมองว่าจะต้องมีการเข้าข้าง พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าว่า เราว่ากันไปตามพยาน หลักฐาน เรารับฟังทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เราก็ฟัง โดยเราจะชั่งน้ำหนักว่า ฝ่ายไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน ซึ่งคงต้องตรวจสอบทุกพยานหลักฐาน ว่าอันไหนจริง หรือเท็จ
เมื่อถามย้ำว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ดีเอสไอ ตั้งธงในการทำคดีเพื่อเอาผิดกับทหาร พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ตนตั้งธงไม่ได้ ถ้าพยานหลักฐานไม่เอื้อ ดังนั้นต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน เช่น ผู้ที่ให้การจะมาบอกว่า เขาให้การแบบนั้นแบบนี้ไม่ได้ แต่ละคนก็ผู้ใหญ่ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ญาติของกำลังพลมาร้องขอความช่วยเหลือจากทางกองทัพ ว่าคดีไม่มีความคืบหน้า พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า เราก็ดำเนินการให้ทั้งสองฝ่าย หากพยานให้ความร่วมมือ อยู่ที่ฝ่ายไหนให้ความร่วมมือมากกว่า และพยานตรงไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน เราดำเนินการตามพยานหลักฐาน จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ด้านพล.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ทางดีเอสไอ ได้นัดสอบปากคำในข้อมูลเหตุการณ์การปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบช่วงพฤษภาคม 2553 ทั้งนี้ รายละเอียดของการให้การ คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชา อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสืบสวน
----------------------
จากนั้น พ.อ.ต.ประเวศน์ ให้สัมภาษณ์หลังสอบปากคำว่า ได้สอบถาม พล.ต.สุรศักดิ์ ถึงขั้นตอนการปฏิบัติงาน ตั้งแต่ทหารเข้าไปดูแลพื้นที่ย่านถนนพระราม 4 สีลม บ่อนไก่ จนถึงวันที่ยุติการชุมนุม ว่ามีขั้นตอนในการปฏิบัติอย่างไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ พล.ต.สุรศักดิ์ เป็นผู้ดูแลภาพรวม ดังนั้น คงต้องสอบถามผู้ปฏิบัติที่แท้จริงที่คุมกำลังในพื้นที่อีกครั้ง ทั้งนี้ขั้นตอนการสอบปากคำ อยู่ในฐานะพยานทั้งหมด เพราะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด
"การสอบปากคำในวันนี้ เราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และกองทัพให้ข้อมูลตามที่เราสอบถาม เพียงแต่ข้อมูลมันเยอะ และเกิดขึ้นนานแล้ว หลายๆ อย่างต้องให้ พล.ต.สุรศักดิ์ ไปค้นข้อมูลมาให้ทางเรา เช่น คำสั่งทางวิทยุ รวมถึงอาจขอข้อมูลบางเรื่องอีกครั้ง ทั้งนี้ ดีเอสไอ จะทำการสอบปากคำ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมแล้ว 13 คน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่เป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ที่ดูแลกองทัพ อย่างไรก็ตาม การเดินทางมาสอบปากคำในครั้งนี้ ไม่มีการสอบถามถึงชายชุดดำ" รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุ
เมื่อถามว่า มีความหนักใจกับการดำเนินการเกี่ยวกับการสอบสวนเรื่องนี้หรือไม่ เพราะสังคมมองว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล ก็มีการมองว่าจะต้องมีการเข้าข้าง พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าว่า เราว่ากันไปตามพยาน หลักฐาน เรารับฟังทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เราก็ฟัง โดยเราจะชั่งน้ำหนักว่า ฝ่ายไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน ซึ่งคงต้องตรวจสอบทุกพยานหลักฐาน ว่าอันไหนจริง หรือเท็จ
เมื่อถามย้ำว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ดีเอสไอ ตั้งธงในการทำคดีเพื่อเอาผิดกับทหาร พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า ตนตั้งธงไม่ได้ ถ้าพยานหลักฐานไม่เอื้อ ดังนั้นต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน เช่น ผู้ที่ให้การจะมาบอกว่า เขาให้การแบบนั้นแบบนี้ไม่ได้ แต่ละคนก็ผู้ใหญ่ทั้งนั้น
เมื่อถามว่า ญาติของกำลังพลมาร้องขอความช่วยเหลือจากทางกองทัพ ว่าคดีไม่มีความคืบหน้า พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า เราก็ดำเนินการให้ทั้งสองฝ่าย หากพยานให้ความร่วมมือ อยู่ที่ฝ่ายไหนให้ความร่วมมือมากกว่า และพยานตรงไหนมีน้ำหนักมากกว่ากัน เราดำเนินการตามพยานหลักฐาน จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ด้านพล.ต.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ทางดีเอสไอ ได้นัดสอบปากคำในข้อมูลเหตุการณ์การปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบช่วงพฤษภาคม 2553 ทั้งนี้ รายละเอียดของการให้การ คงไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชา อีกทั้งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการสืบสวน
----------------------