“เหลิม บางบอน” เชิญองค์กรอิสระ ดูการจัดการม็อบ “เสธ.อ้าย” มอบ ตร.คุมสถานการณ์ อ้างกลัวมือเปื้อนเลือด พร้อมถกใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงรับมือ เหตุชุมนุมที่แจ้ง ปัดขวาง ปชช.ร่วม โชว์เพาเวอร์ท้านักข่าวฟ้องหลังปากดีไปแขวะว่าเป็นพวก ปชป. โดนสวน"ขี้ข้าแม้ว"จนหน้าเสีย
วิดีโอจากยูทิวบ์ somchai hualhom
วันนี้ (15 พ.ย.) ที่รัฐสภา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือการชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ที่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การฯ ประกาศล้มรัฐบาล ว่าได้เตรียมการไว้เรียบร้อย โดยรัฐบาลมีนโยบายห้ามใช้ความรุนแรง หากกรณีมีปัญหาให้ใช้หลักสากล โดยได้เชิญองค์กรอิสระมาร่วมสังเกตุการณ์การดูแลม็อบของรัฐบาล เช่น สหประชาชาติ (ยูเอ็น) สื่อต่างประเทศ สำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเนื่องจากเป็นคู่กรณี
ทั้งนี้ยังจะบูรณาการกฎหมายที่มีอยู่ทั้งหมดมาใช้ในแผน และมอบอำนาจให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นผู้ดูแลสถานการณ์การชุมนุม ยืนยันว่าไม่ใช่การลอยตัวของฝ่ายการเมือง แต่ไม่อยากมือเปื้อนเลือด เพราะฝ่ายการเมืองจะไปมีความรู้ดีเท่ากับเจ้าหน้าที่รัฐได้อย่างไร อย่างไรก็ดี ความรับผิดชอบภาพรวมก็ยังเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องคอยดูแลอยู่ ส่วนกรณีที่ ผบ.ตร.อยากให้มีการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้น เบื้องต้นในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมกับ ผบ.ตร. ซึ่งจะได้มีการหารือในเรื่องนี้โดยพิจารณาตามเหตุผลและความจำเป็น จากนั้นจะนำเรื่องความเห็นเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 19 พ.ย.เพื่อฟังความเห็นของรัฐบาล โดยมีกฎหมาย 3 ฉบับที่จะเข้าข่ายดำเนินการได้ คือ กฎอัยการศึก พระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
เมื่อถามว่า มีความกังวลในการเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามครั้งนี้อย่างไร จึงจะต้องมีการออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การชุมนุมของม็อบเสธ.อ้ายที่ผ่านมาอยู่ในพื้นที่สนามม้านางเลิ้ง เป็นพื้นที่จำกัด แต่ในวันที่ 24 พ.ย.นี้จะเป็นการชุมนุมในที่แจ้งและมีผู้มาร่วมชุมนุมจำนวนมาก และยังประกาศอย่างมั่นใจว่าจะล้มรัฐบาลให้ได้ ก็ไม่เข้าใจว่าจะล้มอย่างไรในเมื่อรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง แต่ก็ยืนยันรัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ เชื่อว่าจำนวนม็อบเสธ.อ้ายมีจำนวนไม่มาก แต่ทราบมาว่าจะมีการขนคนมาสมทบซึ่งเป็นฝีมือของพรรคการเมืองที่มักแพ้การเลือกตั้ง โดยตนจะไม่ดำเนินการทางคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเพราะเห็นว่าสามารถทำได้ และตนก็จะไม่สกัดกั้นการชุมนุม เพราะอยากให้ประชาชนเป็นผู้พิสูจน์และเห็นธาตุแท้ว่าพรรคการเมืองบางพรรคนิยมไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนที่มีกระแสข่าวในวันชุมนุม ร.ต.อ.เฉลิมจะไม่อยู่ดูแลสถานการณ์ที่ กทม.นั้น ขอปฏิเสธว่าไม่จริง ไปเอาข่าวมาจากไหน ตนไม่ขอระบุว่าจะอยู่ที่ไหนในวันชุมนุม และไม่รู้เรื่องการลงขัน 6 พันล้านบาทเพื่อการชุมนุมครั้งนี้ เพิ่งจะมาทราบจาก ผบ.ตร. และขอย้ำว่าไม่มีการปิดถนนตามจุดต่างๆ ตามที่กล่าวอ้างด้วย
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะมีการเจรจาเพื่อรับข้อเสนอของแกนนำองค์การพิทักษ์สยามหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเสนอมายังรัฐบาล ในส่วนที่ระบุว่ามี 5 ข้อ เป็นเรื่องที่เขาคิดเอาเอง แนวคิดนอกระบบจะให้ไปเจรจาได้อย่างไร แต่รับฟังไว้ได้เท่านั้นไม่นำไปปฏิบัติตามข้อเรียกร้องที่ให้รัฐบาลประกาศลาออก เมื่อถามอีกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเตรียมข้อมูลชี้แจงอย่างไรบ้าง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่เตรียม และไม่ทราบด้วยว่าจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องใด เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นเรื่องไร้สาระ รู้ว่าตัวเองทำอะไรไปบ้าง ถ้าจะมีก็เรื่องเดียวคือข้อหาน่าหมั่นไส้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่มีการสัมภาษณ์ของน.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 7 ถึงประเด็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีดูแลความมั่นคงของประเทศ จะอยู่ดูแลสถานการณ์การชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.ด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบคำถามว่า “คุณเอาที่ไหนมาพูด ไม่มีการตั้งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ไปอยู่พรรคประชาธิปัตย์จนชิน อยู่นานมากไปจนเป็นอย่างนี้ ไม่อัปเดตข้อมูล”
หลังจากนั้น มีการปะทะคารมกันระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม กับ น.ส.สมจิตต์ โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ถามคำถามเกี่ยวการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่าทำไมรัฐบาลจึงดูแลแตกต่างกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดย ร.ต.อ.เฉลิมได้กล่าวหาว่า ‘คุณสมจิตต์ฝักใฝ่พรรคประชาธิปัตย์’ และพูดย้ำคำว่า “ฝักใฝ่ประชาธิปัตย์” อีกหลายครั้ง จนนางสาวสมจิตต์ พูดว่า ท่านกล่าวหาแบบนี้หนูฟ้องท่านได้นะคะ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมท้าให้นักข่าวสาวคนดังกล่าวไปฟ้องร้องที่ สน.ดุสิต โดยเมื่อจบการสัมภาษณ์แล้ว ร.ต.อ.เฉลิม ยังย้ำอีกครั้งว่าอย่าลืมไปแจ้งความที่ สน.ดุสิต ก่อนที่จะเดินเข้าไปเซ็นต์ชื่อในอาคารรัฐสภา
หลังจากที่ ร.ต.อ.เฉลิม เซ็นชื่อเสร็จ น.ส.สมจิตต์ ได้เปิดประตูและตะโกนเรียก ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้ ร.ต.อ.หยุดเดิน ก่อนที่จะถามว่า “ถ้าการที่ท่านกล่าวหาหนูว่าฝักใฝ่ประชาธิปัตย์ ไม่ใช่การหมิ่นประมาท แล้วถ้าหนูเรียกท่านว่าขี้ข้าทักษิณ จะเป็นการหมิ่นประมาทหรือไม่” คำถามดังกล่าวทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ถึงกับชะงัก และตอบกลับมาว่า “อย่างนี้หมิ่นประมาท” นางสาวสมจิตต์ จึงตอบกลับไปว่า “ถ้าอย่างนั้นท่านก็สามารถใช้สิทธิแจ้งความที่ สน.ดุสิตได้เหมือนกับที่แนะนำให้หนูไปทำ” ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิมอึ้งและมีสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่มีเหตุรุนแรงใด ๆ