สารพัดวิชามารถาโถม !!

เกาะกระแส

00 แน่นอนว่ายิ่งใกล้วันซักฟอกรัฐบาลเข้ามามากเท่าใด เราก็จะเห็นการใช้ “วิชามาร”ออกมากลั่นแกล้งไล่บี้ฝ่ายตรงข้ามถี่ยิบและ “ชั่วช้าสามานย์” มากขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะการใช้อำนาจรัฐลงมือกันแบบไม่ต้องยั้งมือ และที่สำคัญยิ่งคนที่เป็นผู้นำคือ นายกฯเป็นคนไม่เอาไหน “ด้อยสติปัญญา” กลัวการโต้ตอบชี้แจงในสภาตามระบบรัฐสภาด้วยแล้วก็ยิ่งต้องหาทาง “ปิดปาก” ทุกทาง ทางหนึ่งก็เป็นการป้องกันไม่ให้แสดงความเปิ่น ความไม่รู้ประจานออกมาให้ได้อาย เป็นการประจานกันทั้งครอบครัว โดยเฉพาะคนที่ “ชักใย” อยู่ข้างนอกย่อมไม่ต้องการให้น้องสาวตัวเองถูกจับขึงพืดกลางสภาแน่

00 แน่นอนว่าไม่ว่าใครก็ตามไม่จำเป็นต้องใช้สมองหรือสติปัญญาอะไรก็ต้องมองออกว่าการที่ “เสี่ยโอ๋” พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ใช้อำนาจ รมว.กลาโหม สั่งปลดถอดยศ “ร้อยตรีมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ลาออกจากราชการมาตั้งแต่ปี 2532 เป็นเรื่อง “การเมือง” ต้องการสร้างปมให้มีปัญหาด้านคุณสมบัติหวังฟลุ๊กถึงขั้นกำจัดออกจากการเมืองไปเลย และหากพูดตรงๆให้ชัดก็คือใช้อำนาจกลั่นแกล้งนั่นแหละ แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้สำเร็จได้ง่าย ไม่ใช่มีอำนาจแล้วสั่งชงเองและกินเอง มันก็หมูเกินไปหน่อยมั๊งโอ๋

00 อย่างไรก็ดีหากมองในมุมของ “พรรคเพื่อแม้ว” นี่แหละคือยุทธศาสตร์หลักสำหรับการ “ทำ ลายความชอบธรรม” ของหัวหน้าทีมเชือดของฝ่ายปชป.คือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างน้อยก็สร้างความ “รำคาญ” ต้องมาสาละวนมาตอบคำถามในเรื่องตรรกะทางจริยธรรม ทั้งที่มันคนละเรื่องและคนละมาตรฐาน อย่างเช่น กรณีของ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ต้องลาออก เพราะถูกปปช.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระชี้มูลความผิด มันต้องไปอยู่แล้ว หรือแม้แต่ ทักษิณ ชินวัตร ที่เซ็นซื่อและใช้บัตรนายกฯไป “เบ่ง”ให้เมียซื้อที่ดินรัชดาฯนั้นก็เป็นเพราะข้อห้ามตามกม.เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้ตำแหน่งนายกฯโดยมิชอบ แต่สำหรับกรณีของ มาร์ค นี่ถือว่าได้ลาออกจากทหารมาตั้งแต่ปี 2532 และที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีเจตนาในการใช้ยศร้อยตรีมานำหน้าชื่อแต่อย่างใด เห็นคุ้นเคยอยู่กับ นายอภิสิทธิ์ ไม่เคยได้ยิน ร.ต.อภิสิทธิ์ ซึ่งเชื่อว่าในที่สุดก็ต้องไปจบที่ศาลจะพิจารณาชี้ขาด ก็ดีเหมือนกันจะได้ยุติ ไม่ต้องมารำคาญทุกครั้งที่จะอภิปรายซักฟอก หรือจะตรวจสอบรัฐบาล

00 อ้อเกือบลืมไปเป็นเพราะ “เวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยน” หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อสองสามเดือนก่อน ผบ.ทบ.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เคยคำรามด้วยความรำคาญว่าเรื่องความผิดของมาร์คได้ “จบไปแล้ว” เมื่อสองสามปีก่อน สอบไปก็ไม่มีมูล แต่มาวันนี้เพิ่งบอกว่าเป็นเรื่องของกลาโหม หรือว่านี่คือ “ข้อมูลใหม่” หรือเปล่า (ไม่ฮาแต่เซ็งวะ)

00 อย่างไรก็ดีถ้าจะพูดถึงความผิดของ อภิสิทธิ์ มีอยู่เรื่องเดียว และก็สมควรจะสมน้ำหน้าเหมือนกัน เมื่อครั้งที่มีอำนาจก็มัวแต่เล่นการเมือง คิดแตะมือกับโจร เพื่อหวังญาติดีด้วย หากจำกันได้กรณีของ ทักษิณ ที่ถูกศาลตัดสินจำคุกคดีถึงที่สุด แต่ก็ไม่มีการสั่งถอดยศทั้งที่ตัวเองเป็นนายกฯคุมตำรวจโดยตรงก็ไม่ทำ กรณีความผิดของแกนนำเสื้อแดงก็ส่งคนไปการันตีกับศาลให้ประกันตัวออกมาด่าตัวเองจนบัดนี้ไง อ้อ ขอแถมเรื่องชายแดนไทย-เขมร เรื่องพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตร.กม.ที่อีกไม่นานศาลโลกก็จะตัดสินออกมานี่ก็ยุคของอภิสิทธิ์ ที่คิดทำเท่ ไปยอมรับอำนาจศาลโลกให้มาตัดสินเรื่องดังกล่าวทั้งที่ทุกอย่างจบสิ้นไปตั้งแต่ปี 2505 ไปแล้วด้วยความเจ็บปวดที่ต้องเสียตัวปราสาทไป และกรณีของ วีระ-ราตรี ที่ติดคุกฮุนเซน อยู่ตอนนี้เป็นเพราะ ทั้งมาร์คและ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ ไปการันตีเขตแดนให้เขมรหน้าตาเฉย ดังนั้นไม่ใช่มีแค่ถอดยศร้อยตรี อย่างเดียว ยังมีอีกหลายเรื่องตามมาอีก รับให้ดีแล้วกัน

00 ดูแนวโน้มแล้วการชุมนุมแบบม้วนเดียวจบของ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในนามกลุ่ม “พิทักษ์สยาม” ในวันที่ 24-25 พ.ย.นี้มันไม่ธรรมดา ทั้งแนวร่วมและมวลชนที่ต้องบอกตรงๆว่าระดมกันมาเต็มพิกัด ก็ในเมื่อมาเร็วจบเร็วนั่นคือต้องมาแบบ “พายุบุแคม” แม้เกิดขึ้นแว๊บเดียวแต่ต้องเกิดความสั่นสะเทือนกันในวงกว้าง และหากฝ่าย แม้ว “เอาไม่อยู่” นั่นก็ถือว่าเป็นของแถม แค่มาหลักแสนเต็มลานพระบรมรูปทรงม้าต่อเนื่องไปถึงทำเนียบฯแถมป้วนเปี้ยนหน้าสภาเป็นใครก็ต้อง “หนาว” เป็นธรรมดา เพราะต้องยอมรับว่าผ่านมาปีเศษเครือข่ายแม้วได้ “สะสมความเกลียด” ได้หลายกิโลขีดจริงๆ !!