มติ ครม.หารือการชุมนุมช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ชี้ต้องสงบตามกรอบ กม. เผย ม.ค.ปีหน้า ครม.สัญจรอุตรดิตถ์ แต่งตั้งผู้ว่าฯ 19 ตำแหน่ง และ 4 ผู้ตรวจราชการตาม มท.เสนอ ไฟเขียว กม.ลดภาษีอุ้มกองเรือพาณิชย์ไทย อนุมัติหลักการแก้ไขให้ อคส.หารายได้ ทุ่มงบหมื่นล้านบาทซ่อมทางรถไฟไม่ปลอดภัย 4 สายทาง ให้ “ไอแบงก์” บริการรับชำระหนี้-บัตรเครดิต ชดเชยราษฎรเดือดร้อนสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยปล้อง เชียงราย เห็นชอบช่วยลาวสร้างถนน 2 สายเชื่อมพะเยา
วันนี้ (12 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมได้มีการหารือถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของฝ่ายค้าน ว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ในระบอบประชาธิปไตย ส่วนการชุมนุมที่จะมีขึ้นในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นต้องเป็นไปด้วยความสงบ ภายในขอบเขตของกฎหมาย เพราะประเทศไทยกำลังก้าวไปข้างหน้า อย่าให้การชุมนุมก่อให้เกิดอันตรายและเป็นผลร้ายต่อประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการประชุมเรื่องประชาธิปไตยที่ประเทศอินโดนีเซีย เกาะบาหลี และพูดถึงกำหนดการประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดอุตรดิตถ์ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมกราคม
ด้านนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามันให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย 23 ตำแหน่ง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ประกอบด้วยตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัด (ผวจ.) จำนวน 19 ตำแหน่ง ได้แก่ 1. นายวีระวัฒน์ ชื่นวาริน ผวจ.มหาสารคราม ไปเป็น ผวจ.อำนาจเจริ ญ 2. นายสุวิทย์ สุบงกฎ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็น ผวจ.กาฬสินธุ์ 3.นายชุมพร แสงมณี รอง ผวจ.ลำพูน เป็น ผวจ.น่าน 4. นายธงชัย ลืออดุลย์ รอง ผวจ.มุกดาหาร เป็น ผวจ.บึงกาฬ 5. นายอภินันท์ จันทรังษี รอง ผวจ.นครปฐม เป็น ผวจ.บุรีรัมย์ 6. นายชูชาติ กีฬาแปง รอง ผวจ.เชียงใหม่ เป็น ผวจ.พะเยา 7. นายมณเฑียร ทองนิตย์ รองอธิบดีกรมที่ดิน เป็น ผวจ.เพชรบุรี 8. นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ รอง ผวจ.สมุทรสาคร เป็น ผวจ.แพร่ 9. นายนพวัชร สิงห์ศักดา รอง ผวจ.อุดรธานี เป็น ผวจ.มหาสารคาม 10. นายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็น ผวจ.มุกดาหาร
11. ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ รอง ผวจ.กาญจนบุรี เป็น ผวจ.ระนอง 12. นายพินิจ หาญพาณิชย์ รอง ผวจ.เชียงราย เป็น ผวจ.ลำพูน 13. นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รอง ผวจ.ชุมพร เป็น ผวจ.สตูล 14. นายภัครธรณ์ เทียนไชย รอง ผวจ.ชลบุรี เป็น ผวจ.สระแก้ว 15. นายสุรพล แสวงศักดิ์ รอง ผวจ.ราชบุรี เป็น ผวจ.สิงห์บุรี 16. นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รอง ผวจ.ฉะเชิงเทรา เป็น ผวจ.สุโขทัย 17. นายสุภัทร์ ศรีสุนทรพินิต รอง ผวจ.สุพรรณบุรี เป็น ผวจ.สุพรรณบุรี 18. นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็น ผวจ.สุราษฎร์ธานี 19. นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ เป็น ผวจ.อุตรดิตถ์
รวมถึงได้มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการกระทรวงมหาดไทย 4 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1. นายพงศธร สัจจชลพันธ์ รอง ผวจ.กาญจนบุรี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงฯสำนักงานปลัดกระทรวง 2. นายประดิษฐ์ สุคนธสวัสดิ์ รอง ผวจ.นราธิวาส เป็นผู้ตรวจกระทรวง 3. ว่าที่ ร.ต.อาทิตย์ บุญญะโสภัต รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ตรวจกระทรวงฯ และ 4. นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน เป็นผู้ตรวจกระทรวงฯ
ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ...) พ.ศ. … (มาตรการภาษีเพื่อการส่งเสริมกองเรือพาณิชย์ไทย) โดยเป็นการกำหนดให้ลดอัตราภาษีเงินได้ที่นำมาคำนวณภาษีเงินได้ตามมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 1 สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เป็นค่าเช่าเรือเดินทะเลที่ใช้ในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการเช่าเรือนั้นได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการพาณิชย์นาวี ทั้งนี้ เฉพาะค่าเช่าที่มีการจ่ายตั้งแต่วันที่พระรากฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีการจัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ. 2498 และที่แก้ไขเพิ่ม กำหนดบทนิยามคำว่า “กรรมการ” และ “ลูกจ้าง” เปลี่ยนสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่จากจังหวัดพระนคร เป็นจังหวัดนนทบุรี ปรับปรุงวัตถุประสงค์ให้ อคส. สามารถดำเนินธุรกิจอื่นที่เป็นประโยชน์แก่กิจการของ อคส. เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ให้สามารถดำเนินธุรกิจเช่าซื้อ จัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดถือหุ้น หรือเข้าเป็นหุ้นส่วน ร่วมลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับนิติบุคคลอื่นตลอดจนกระทำการอื่นใดที่จำเป็นหรือต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ อคส. เพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการ อคส. เพื่อแก้ปัญหาองค์ประกอบของคณะกรรมการไม่ครบ เป็นเหตุให้ อคส. ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ รวมถึงให้ผู้อำนวยการ อคส. มาจากการจ้าง โดยคณะกรรมการเป็นผู้มีอำนาจจ้างและเลิกจ้าง รวมทั้ง กำหนดอัตราเงินเดือนด้วยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ และปรับปรุงหลักเกณฑ์การรักษาการแทนในกรณีตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. ว่างลง หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อีกด้านหนึ่ง ครม.มีมติอนุมัติผลการพิจารณาความเหมาะสม และความจำเป็นของโครงการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ดังนี้ โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับ และปรับปรุงเครื่องกั้นจำนวน 105 แห่ง และงานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ จำนวน 17 รายการ รวมถึงอนุมัติให้ดำเนินโครงการ และอนุมัติการจัดสรรวงเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตามข้อเสนอของคณะกรรมการกลั่นกรอง และบริหารโครงการเงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ดังนี้ โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยของ ร.ฟ.ท. กระทรวงคมนาคม จำนวน 4 สายทาง ระยะทาง 265 กิโลเมตร ได้แก่ 1. ระหว่างสถานีคลองรังสิต-ชุมทางบ้านภาชี ระยะทาง 120 กิโลเมตร 2. ระหว่างชุมทางบ้านภาชี-มาบกะเบา (เดิม) ระยะทาง 44 กิโลเมตร 3. ระหว่างชุมทางศรีราชา-ชุมทางเขาชีจรรย์-สัตหีบ ระยะทาง 66 กิโลเมตร และ 4.ระหว่างชุมทางเขาชุมทอง-นครศรีธรรมราช ระยะทาง 35 กิโลเมตร วงเงินรวมทั้งสิ้น 2,939.2523 ล้านบาท โครงการติดตั้งเครื่องกั้นเสมอระดับและปรับปรุงเครื่องกั้นจำนวน 105 แห่ง วงเงิน 195.42 ล้านบาท โครงการ GFMIS-SOE ส่วนขยาย (ระยะที่ 2) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) วงเงิน 87 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย
ขณะเดียวกัน ครม.อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินโครงการ และอนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในประเทศและให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินต่อจากกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัยในสายทางที่ยังไม่ได้รับการจัดสรรแหล่งเงินลงทุนจำนวน 8 สายทาง ระยะทาง 849 กิโลเมตร รวมวงเงิน 8,874.62 ล้านบาท และให้สำนักงบประมาณ พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินกู้โดยตรงทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับการรถไฟแห่งประเทศไทยต่อไป ส่วนงานติดตั้งรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ จำนวน 17 รายการ วงเงิน 3,046.13 ล้านบาท ให้มีการทบทวนความเหมาะสมของโครงการให้รอบคอบ และนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 4 ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
อีกมติหนึ่ง ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดกิจการอันพึงเป็นงานธนาคารของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. …. โดยกำหนดให้ ธอท.สามารถประกอบกิจการดังต่อไปนี้ได้ การให้บริการเป็นตัวแทนรับชำระหนี้ การให้บริการบัตรเครดิต จัดตั้งหรือร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อจัดตั้งบริษัทขึ้นใหม่เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับตราสารศุกูก กำหนดให้ ธอท.อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบริการ กำไร หรือผลตอบแทนใดๆ อันเนื่องมาจากการประกอบกิจการ
ต่อมา ครม.อนุมัติตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เสนอการแก้ไขปัญหาของราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยปล้อง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย โดยอนุมัติหลักการให้จ่ายเงินเยียวยาค่าชดเชยที่ดิน และค่าเสียโอกาสในการทำกินเป็นกรณีพิเศษให้แก่ราษฎร จำนวน 48 ราย เนื้อที่รวม 682-2-62 ไร่ ในอัตราไร่ละ 40,000 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 27,306,200 บาท โดยใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้ สปน.นำมาใช้จ่ายเพื่อการนี้ นอกจากนี้ยังอนุมัติให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบและกำกับดูแลการจ่ายเงินเยียวยา ค่าชดเชยที่ดิน และค่าเสียโอกาสในการทำกินเป็นกรณีพิเศษให้แก่ราษฎรดังกล่าว ให้เป็นไปอย่างถูกต้องเรียบร้อย ด้วยวิธีโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร และระมัดระวังมิให้มีการจ่ายเงินให้แก่ผู้ไม่มีสิทธิ โดยถือความเห็นของคณะกรรมการเป็นหลักฐานประกอบในการอนุมัติจ่ายเงิน รวมทั้งป้องกันมิให้มีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลแสวงหาผลประโยชน์จากการจ่ายเงินให้แก่ราษฎร ดังนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็น ประธานกรรมการ คณะกรรมการประกอบด้วย อัยการจังหวัดเชียงราย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย นายอำเภอเทิง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย นายจรูญ ไชยคำ (ตัวแทยราษฎร) นายพัด จักรดี (ตัวแทนราษฎร) โดยมี ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการกองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
อีกด้านหนึ่ง ครม.เห็นชอบในหลักการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างถนนช่วงบ้านฮวก (จ.พะเยา)-เมืองคอบ-เมืองเชียงฮ่อน และเมืองคอบ–เมืองปากคอบ–บ้านก้อนตื้น สปป.ลาว ตามประมาณการราคาเบื้องต้น จำนวน 1,473.88 ล้านบาท นอกจากนี้ให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) จะได้ไปศึกษา สำรวจออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างให้เสร็จเรียบร้อย และนำผลศึกษาประมาณราคาค่าใช้จ่ายเสนอให้ คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติรูปแบบวิธีการ และเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือทางการเงินที่เหมาะสมแก่โครงการดังกล่าวต่อไป
