ส.ส.เสื้อแดง ซัด นปช.ชุมพร ไร้ความรู้ ยันยื่นรีจิสตราสอบเมษาเลือดถูกต้อง เหตุมีหน้าที่สอบเบื้องต้นก่อนส่งไอซีซี โวเดินเรื่องตั้งแต่ปี 53 มีหมายเลขรับเรื่อง เพราะ “มาร์ค” ถือสัญชาติอังกฤษ ย้ำเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ยื่นได้ไม่ต้องไต่สวน และไม่เข้า ม.190-ไม่แทรกแซงศาลไทย อ้างไม่ใช่สนธิสัญญา-ชู “คางคก” ไม่ยึดติดตำแหน่ง เหมาะนั่ง ปธ.นปช.
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่รัฐสภา นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวตอบโต้ พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัตน์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จังหวัดชุมพร ที่ออกมาระบุว่า นพ.เหวง และนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ต้มตุ๋นคนเสื้อแดงเนื่องจากบอกว่าได้ไปยื่นหนังสือต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) เพื่อให้ตรวจสอบการเสียชีวิตของประชาชนจำนวน 98 ศพแล้ว ซึ่งที่จริงได้ไปยื่นผิดหน่วยงาน โดยไปยื่นให้กับรีจิสตราของไอซีซีว่า ไม่ทราบว่าใครเสี้ยมสอนให้ พ.ต.ท.เสงี่ยมพูด และดูเหมือนว่าคนที่เขียนบทให้จะดูไม่เข้าใจและไม่มีความรู้เลย อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่ารีจิสตราไม่ได้มีหน้าที่ในการดูแลผู้ต้องขังทั่วโลก แต่รีจิสตรามีหน้าที่ในการตรวจรับคำร้องเรียนที่ยื่นยังไอซีซี และทำการตรวจสอบเบื้องต้นว่าเป็นเรื่องที่มีสาระมีมูลและหลักฐานพอที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ หากไม่มีก็จะปัดตกไป แต่ถ้ามีน้ำหนักก็จะออกหมายเลขรับไว้
นพ.เหวงกล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าได้ไปดำเนินการยื่นหนังสือต่อไอซีซีตั้งแต่ ส.ค. 53 แล้วเสนอเอกสารไปตั้งแต่เดือน ต.ค. 53 โดยในขณะที่ไปยื่นนั้นก็ได้มีการพูดคุยกับนายเอเมอริคก โรเจียร์ หัวหน้าสำนักงานวิเคราะห์เหตุการณ์ของไอซีซีด้วย หลังจากนั้นทางไอซีซีก็ได้รับเรื่องโดยได้ระบุหมายเลขรับที่ OTP-297/10 และเหตุผลที่เขารับเรื่อง เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถือสัญชาติอังกฤษที่เป็นประเทศภาคีของธรรมนูญกรุงโรมตามมาตรา 12 วรรค 2
นพ.เหวงกล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องที่บอกว่าศาลไทยต้องไต่สวนการเสียชีวิตและชันสูตรพลิกศพก่อนจึงจะไปยื่นเรื่องให้ไอซีซีได้นั้นก็ผิดโดยสิ้นเชิง ขออธิบายว่าหากคดีที่ยื่นเข้าองค์ประกอบข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ก็สามารถยื่นได้ทันที คือ 1. เป็นอาชญากรรมอันเป็นการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ 2. อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ 3. อาชญากรรมสงคราม และ 4. อาชญากรรมอันเป็นการรุกราน ซึ่งกรณีของไทย คือ เหตุการณ์สังหารประชาชนเมื่อเมษายน-พฤษภาคม 53 เข้าองค์ประกอบของอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญกรุงโรม
นพ.เหวงกล่าวต่อว่า การยอมรับเขตอำนาจศาลจะต้องผ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 190 เสียก่อน เป็นเรื่องที่ไม่จริง เพราะการยอมรับเขตอำนาจศาลเป็นการแสดงเจตนาแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงไม่ใช่สนธิสัญญาที่ต้องเป็นการตกลงระหว่างสองฝ่ายและมีการลงนามเจรจาอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม การประกาศยอมรับเขตอำนาจศาลไม่ถือเป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทย เพราะถ้าหากมีการยอมรับจริงทางไอซีซีก็จะเข้ามารวบรวมหลักฐานและเอกสารในประเทศไทยที่เคยตรวจสอบและศึกษาไว้แล้ว
ถามถึงประเด็นที่ต้องการให้เปลี่ยนตัวประธานนปช.เป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวงกล่าวว่า นางธิดาเป็นคนไม่ยึดติดตำแหน่ง เห็นได้จากวันที่นายจตุพรไม่มีตำแหน่งใดในรัฐบาล นางธิดาได้ถามนายจตุพรว่าจะมาเป็นประธาน นปช.หรือไม่ แต่หากต้องการให้มีการเปลี่ยนตัวจริงขอให้เป็นไปตามกระบวนการภายในของกลุ่ม ไม่ใช่เรียกร้องผ่านสื่อมวลชนเพียงอย่างเดียว