ที่รัฐสภา วานนี้(5พ.ย.55) พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ แกนนำเสื้อแดงกลุ่มฮาร์ดคอร์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรผ่าน นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบและศึกษากรณีการสลายการชุมนุมช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม 2553 จนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฎว่า ศาลไทยได้ไต่สวนการเสียชีวิตและชันสูตรพลิกศพ โดยขั้นตอนที่ถูกต้องทางไทยจะต้องมีการสอบสวน ตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อน แต่ นางธิดา โตจิราการ ประธานกลุ่มนปช. และ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำนปช. กลับอ้างว่า ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ให้ทำการสอบสวนกรณีดังกล่าวได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว และการไปร้องต่อ รีจิสตร้า (Registra) ของศาลอาญาระหว่างประเทศ ในฐานะผู้ดูแลผู้ต้องขังทั่วโลกนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้มีอำนาจที่จะรับเรื่องราวร้องทุกข์ ตามสนธิสัญญากรุงโรม ค.ศ. 1998 โดยผู้ที่จะรับเรื่องราวร้องทุกข์ได้ คือ ประธานหรืออัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเท่านั้น
พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าวต่อว่า นางธิดา และนพ.เหวง ไม่รู้จริงและกำลังโกหกและต้มตุ๋นคนเสื้อแดงให้เข้าใจผิดว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศได้รับเรื่องไว้แล้ว พร้อมกันนี้อยากให้ยุติการบีบบังคับฝ่ายบริหารของประเทศให้รับรองเขตอำนาจไอซีซี โดยอ้างว่าเพื่อให้ไอซีซีรับพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งถ้าฝ่ายบริหารรับรองจริงก็จะเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 ซึ่งรัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบก่อน จึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ อยากให้ทางสภาฯช่วยทำความจริงให้ปรากฎ
“เข้าใจว่ากำลังหาทางลงให้กับ นปช. แต่ก็ต้องให้ทำถูกขั้นตอน พวกผมก็กำลังหาทางดำเนินการเอาผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ สมัยที่มีการสั่งสลายการชุมนุมเช่นกัน แต่การกระทำของภาวะผู้นำนปช.ปัจจุบันกลับกระทำเรื่องที่ไม่สมควร พูดไป นางธิดา ก็ไม่ยอมฟัง เสื้อแดงไม่ได้แตกแยก จึงคิดว่าควรเปลี่ยนประธานนปช.เป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แทนได้แล้ว” พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าว
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีพ.ต.ต.เสงี่ยม เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาฯเพื่อขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นที่ตนและนพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เดินทางไปยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี)กรณีการสลายการชุมนุมนปช.และไอซีซี รับเรื่องพิจารณาแล้ว เป็นการหลอกคนเสื้อแดง ว่า ไม่เป็นไร ความจริงอย่างไร ข้อมูลเราเปิดเผยสามารถดูตรวจสอบในบล็อค นปช.ได้ กระบวนการ ขั้นตอนในนั้นหมดแล้ว ซึ่งเราได้ดำเนินการทุกทาง ในเรื่องต่างๆเปิดเผยหมด
"ทั้งนี้ยืนยันว่าเวลาจะยื่นต้องไปยื่นที่ไอซีซี เหมือนไปยื่นแผนกทะเบียน เหมือนเป็นตะกร้าแรก และจะดูว่ารับพิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่รับก็จะผ่านไป แต่เราก็ผ่านตะกร้าแรกแล้ว และจะมีการพิจารณาต่อไป ใครพูดถูกก็ดูที่ข้อมูลจริงหรือไม่ ส่วนรายละเอียดอยากให้ไปสอบถาม น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย "
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึง การหารือกับตัวแทนศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่าคดีฆ่าตัดตอนการปราบปรามยาเสพติดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าข่ายที่ไอซีซีจะรับคดีไว้พิจารณา เนื่องจากไอซีซีจะรับร้องเรียน 4 เรื่อง ได้แก่ อาชญากรรมมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม รุกราน และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อย่างไรก็ตามได้ให้ไอซีซี สรุปรายละเอียดมาให้อีกครั้ง และจะแถลงต่อสื่อมวลชนที่กระทรวงการต่างประเทศในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ หลังจากเดินทางกลับจากการประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 5 - 6 พฤศจิกายน 2555 ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.ลาว) พร้อมนายกรัฐมนตรี
น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีสื่อบางสื่อได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีศาลอาญาระหว่า’ประเทศ จะเข้ามาทำการสืบสวนเบื้องต้นที่เรียกว่า primary examination และก็มีบางกลุ่มที่ออกมาบอกว่าศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) จะมากระทบอธิปไตยของประเทศไทยนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นจริงเช่นนั้น เพราะในทางข้อกฎหมายของทางธรรมนูญกรุงโรม การเปิดสอบสวนเบื้องต้น เป็นการทำงานในเชิงวิชาการเท่านั้น เข้ามารวบรวมข้อเท็จจริงในด้านข้อมูล ดังนั้น ประเทศไทย ไม่ต้องแก้กฎหมายอะไรใดๆ ทั้งสิ้น และเป็นการประกาศฝ่ายเดียวจากประเทศไทย ที่เรียกว่า Unilateral declaration เพราะฉะนั้นการประกาศฝ่ายเดียว ไม่เข้ามาตรา 190 ว่าจะเป็นสนธิสัญญาที่จะต้องผ่านเข้าการพิจารณาของสภา
“ขอยืนยันว่า เมื่อไม่มีการต้องแก้ไขข้อกฎหมายใดๆ ในประเทศไทย ดังนั้น จึงไม่ถือเป็นการกระทบกับอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย” น.ส.จารุพรรณกล่าว
อีกด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ว่าที่โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคเพื่อไทยในลักษณะของการทำกิจกรรมผ่านองค์กรเสียงประชาชน(สปช.) โดยมุ่งเน้นที่จะโค่นล้มนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยว่า ตนได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่สมาชิกทุกคนได้เข้ามามีส่วนรวม โดยล่าสุดก็ได้มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอกกต.รับรอง ดังนั้นเชื่อว่าข่าวดังกล่าวนั้นน่าจะถูกปล่อยจากมือที่ 3 เพื่อหวังเสี้ยมให้พรรคเพื่อไทยแตกความสามัคคีและส่งผลกระทบไปถึงรัฐบาลก่อนที่จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีความสามัคคีเป็นปึกแผ่น ไม่มีกลุ่ม ก๊กต่างๆ มีเพียงมุ้งเดียวคือมุ้งเพื่อไทย ที่เน้นทำประโยชน์เพื่อประชาชน ไม่ฝักใฝ่เผด็จการ และไม่ขนม็อบ แช่แข็งประชาธิปไตย
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมมอบนโยบายไปยังผวจ.ทั่วประเทศผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร็นซ์ครั้งแรก ภายหลังการรับตำแหน่งรมว.มหาดไทยว่า ได้มีการตั้งข้อครหาจากหลายฝ่ายว่าเป็นกระทรวงเสื้อแดงนั้น เห็นว่า เป็นข้อกล่าวหาที่สามารถกล่าวได้ แต่ทราบดี ทุกคนต้องการให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า เหมือนอย่างที่ตนมอบนโยบายไปแล้วว่า สิงห์ไม่ว่าสีไหนก็ตามขอให้ทำงานสัมฤทธิ์ผล และขอตั้งคำถามว่าคนที่กล่าวหาเป็นกระทรวงเสื้อแดงนั้น เป็นการหวังดีต่อประเทศชาติจริงหรือ
"ผมก็คือผม คือคนที่ต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า อย่างที่มีการมอบนโยบายไป จะแดงจะเหลืองนั่นแหละผม นี่ต้องศอกกลับไปนะ แตกไม่แตกไม่รู้ไปเย็บกันเอาเอง ถ้าเราต้องการเข้าสู่การปรองดองแล้วมากล่าวว่าคนนั้นแดงคนนี้เหลือง มันจะปรองดองกันได้อย่างไร" นายจารุพงศ์กล่าว
พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าวต่อว่า นางธิดา และนพ.เหวง ไม่รู้จริงและกำลังโกหกและต้มตุ๋นคนเสื้อแดงให้เข้าใจผิดว่า ศาลอาญาระหว่างประเทศได้รับเรื่องไว้แล้ว พร้อมกันนี้อยากให้ยุติการบีบบังคับฝ่ายบริหารของประเทศให้รับรองเขตอำนาจไอซีซี โดยอ้างว่าเพื่อให้ไอซีซีรับพิจารณาเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งถ้าฝ่ายบริหารรับรองจริงก็จะเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 ซึ่งรัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบก่อน จึงเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ อยากให้ทางสภาฯช่วยทำความจริงให้ปรากฎ
“เข้าใจว่ากำลังหาทางลงให้กับ นปช. แต่ก็ต้องให้ทำถูกขั้นตอน พวกผมก็กำลังหาทางดำเนินการเอาผิด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ สมัยที่มีการสั่งสลายการชุมนุมเช่นกัน แต่การกระทำของภาวะผู้นำนปช.ปัจจุบันกลับกระทำเรื่องที่ไม่สมควร พูดไป นางธิดา ก็ไม่ยอมฟัง เสื้อแดงไม่ได้แตกแยก จึงคิดว่าควรเปลี่ยนประธานนปช.เป็น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แทนได้แล้ว” พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าว
นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีพ.ต.ต.เสงี่ยม เข้ายื่นหนังสือถึงประธานสภาฯเพื่อขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงประเด็นที่ตนและนพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เดินทางไปยื่นเรื่องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี)กรณีการสลายการชุมนุมนปช.และไอซีซี รับเรื่องพิจารณาแล้ว เป็นการหลอกคนเสื้อแดง ว่า ไม่เป็นไร ความจริงอย่างไร ข้อมูลเราเปิดเผยสามารถดูตรวจสอบในบล็อค นปช.ได้ กระบวนการ ขั้นตอนในนั้นหมดแล้ว ซึ่งเราได้ดำเนินการทุกทาง ในเรื่องต่างๆเปิดเผยหมด
"ทั้งนี้ยืนยันว่าเวลาจะยื่นต้องไปยื่นที่ไอซีซี เหมือนไปยื่นแผนกทะเบียน เหมือนเป็นตะกร้าแรก และจะดูว่ารับพิจารณาหรือไม่ ถ้าไม่รับก็จะผ่านไป แต่เราก็ผ่านตะกร้าแรกแล้ว และจะมีการพิจารณาต่อไป ใครพูดถูกก็ดูที่ข้อมูลจริงหรือไม่ ส่วนรายละเอียดอยากให้ไปสอบถาม น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย "
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวถึง การหารือกับตัวแทนศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ไอซีซี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนตัวมองว่าคดีฆ่าตัดตอนการปราบปรามยาเสพติดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่เข้าข่ายที่ไอซีซีจะรับคดีไว้พิจารณา เนื่องจากไอซีซีจะรับร้องเรียน 4 เรื่อง ได้แก่ อาชญากรรมมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม รุกราน และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อย่างไรก็ตามได้ให้ไอซีซี สรุปรายละเอียดมาให้อีกครั้ง และจะแถลงต่อสื่อมวลชนที่กระทรวงการต่างประเทศในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ หลังจากเดินทางกลับจากการประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 9 ระหว่างวันที่ 5 - 6 พฤศจิกายน 2555 ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชน (สปป.ลาว) พร้อมนายกรัฐมนตรี
น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีสื่อบางสื่อได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กรณีศาลอาญาระหว่า’ประเทศ จะเข้ามาทำการสืบสวนเบื้องต้นที่เรียกว่า primary examination และก็มีบางกลุ่มที่ออกมาบอกว่าศาลอาญาระหว่างประเทศ(ไอซีซี) จะมากระทบอธิปไตยของประเทศไทยนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นจริงเช่นนั้น เพราะในทางข้อกฎหมายของทางธรรมนูญกรุงโรม การเปิดสอบสวนเบื้องต้น เป็นการทำงานในเชิงวิชาการเท่านั้น เข้ามารวบรวมข้อเท็จจริงในด้านข้อมูล ดังนั้น ประเทศไทย ไม่ต้องแก้กฎหมายอะไรใดๆ ทั้งสิ้น และเป็นการประกาศฝ่ายเดียวจากประเทศไทย ที่เรียกว่า Unilateral declaration เพราะฉะนั้นการประกาศฝ่ายเดียว ไม่เข้ามาตรา 190 ว่าจะเป็นสนธิสัญญาที่จะต้องผ่านเข้าการพิจารณาของสภา
“ขอยืนยันว่า เมื่อไม่มีการต้องแก้ไขข้อกฎหมายใดๆ ในประเทศไทย ดังนั้น จึงไม่ถือเป็นการกระทบกับอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย” น.ส.จารุพรรณกล่าว
อีกด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ว่าที่โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคเพื่อไทยในลักษณะของการทำกิจกรรมผ่านองค์กรเสียงประชาชน(สปช.) โดยมุ่งเน้นที่จะโค่นล้มนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยว่า ตนได้ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่สมาชิกทุกคนได้เข้ามามีส่วนรวม โดยล่าสุดก็ได้มีการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอกกต.รับรอง ดังนั้นเชื่อว่าข่าวดังกล่าวนั้นน่าจะถูกปล่อยจากมือที่ 3 เพื่อหวังเสี้ยมให้พรรคเพื่อไทยแตกความสามัคคีและส่งผลกระทบไปถึงรัฐบาลก่อนที่จะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีความสามัคคีเป็นปึกแผ่น ไม่มีกลุ่ม ก๊กต่างๆ มีเพียงมุ้งเดียวคือมุ้งเพื่อไทย ที่เน้นทำประโยชน์เพื่อประชาชน ไม่ฝักใฝ่เผด็จการ และไม่ขนม็อบ แช่แข็งประชาธิปไตย
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังการประชุมมอบนโยบายไปยังผวจ.ทั่วประเทศผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เร็นซ์ครั้งแรก ภายหลังการรับตำแหน่งรมว.มหาดไทยว่า ได้มีการตั้งข้อครหาจากหลายฝ่ายว่าเป็นกระทรวงเสื้อแดงนั้น เห็นว่า เป็นข้อกล่าวหาที่สามารถกล่าวได้ แต่ทราบดี ทุกคนต้องการให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้า เหมือนอย่างที่ตนมอบนโยบายไปแล้วว่า สิงห์ไม่ว่าสีไหนก็ตามขอให้ทำงานสัมฤทธิ์ผล และขอตั้งคำถามว่าคนที่กล่าวหาเป็นกระทรวงเสื้อแดงนั้น เป็นการหวังดีต่อประเทศชาติจริงหรือ
"ผมก็คือผม คือคนที่ต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า อย่างที่มีการมอบนโยบายไป จะแดงจะเหลืองนั่นแหละผม นี่ต้องศอกกลับไปนะ แตกไม่แตกไม่รู้ไปเย็บกันเอาเอง ถ้าเราต้องการเข้าสู่การปรองดองแล้วมากล่าวว่าคนนั้นแดงคนนี้เหลือง มันจะปรองดองกันได้อย่างไร" นายจารุพงศ์กล่าว