xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : เสียงเพรียกหาความชอบธรรม ...“พันธมิตรฯ” ไม่มีสิทธิปกป้องบ้านตัวเองหรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหตุการณ์เสื้อแดงบุกมาทำลายข้าวของและทำร้ายพันธมิตรฯ ถึงที่ตั้งสวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ภายในเทศบาลนครอุดรธานี( 24 ก.ค.51)
อมรรัตน์ ล้อถิรธร....รายงาน

ภาพแห่งความโหดร้ายป่าเถื่อนของคนเสื้อแดงที่เป็นสมาชิก “ชมรมคนรักอุดร” ของนายขวัญชัย ไพรพนา ที่บุกทำร้ายพันธมิตรฯ อุดรฯ ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ภายในเทศบาลนครอุดรธานี เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ย้อนกลับมาตอกย้ำความทรงจำของหลายคนอีกครั้ง เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาคดีนี้ เสื้อแดงนับสิบคนลิงโลด เมื่อศาลยกฟ้อง ขณะที่อีกหลายคนคงดีใจที่ศาลรอลงอาญา แต่ใครจะคิดว่า พันธมิตรฯ ที่ถูกทำร้ายปางตายในวันนั้น กลับมีความผิดเช่นกัน อย่าได้แปลกใจ หากมีคำถามว่า...ความชอบธรรมอยู่ที่ไหน?

คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายงานพิเศษ : เสียงเพรียกหาความชอบธรรม ...“พันธมิตรฯ” ไม่มีสิทธิปกป้องบ้านตัวเองหรือ?

ย้อนกลับไปเมื่อ 24 ก.ค.2551 ขณะที่พันธมิตรฯ อุดรธานีกำลังเตรียมเปิดเวทีปราศรัยภายในหนองประจักษ์ศิลปาคม เทศบาลนครอุดรธานี ทางกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งเป็นกลุ่มคนรักอุดรของนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน และรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ และนายขวัญชัย ไพรพนา หรือสาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดร และสมาชิกกว่า 700 คน ที่นัดมารวมตัวกันที่สนามทุ่งศรีเมือง หน้าศาลากลางจังหวัดอุดรฯ ได้เดินเท้าฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อบุกเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯ จากนั้นได้ใช้อาวุธทั้งไม้และเหล็กรุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรอย่างบ้าคลั่ง พันธมิตรฯ บางคนที่หนีไม่พ้นได้ถูกรุมตีและกระทืบที่ลำตัวและศีรษะ บางคนถึงกับสลบแน่นิ่งต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแม้จะมีรถฉุกเฉินเข้ามารับคนเจ็บ แต่ม็อบเสื้อแดงก็ยังป่าเถื่อนไม่เลิก โดยได้เข้าทุบกระจกรถจนแตก ไม่เท่านั้นยังรื้อทำลายและเผาเวทีของพันธมิตรจนย่อยยับ ก่อนแยกย้ายกันหนีไป

เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ชาวบ้านกลุ่มพันธมิตรได้รับบาดเจ็บถึง 13 ราย มีทั้งหญิงและชาย บางรายอาการสาหัส ขณะที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แกนนำพันธมิตรฯ ได้ออกแถลงการณ์ประณามพฤติกรรมของม็อบที่ทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าประชาชนที่ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ในหลายจังหวัด พร้อมเชื่อว่า การกระทำที่เหี้ยมโหด ทารุณ ป่าเถื่อนดังกล่าว มีรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐคอยบงการและสนับสนุนในการทำร้ายประชาชน พันธมิตรฯ ยังแสดงความเสียใจและให้กำลังใจผู้ที่ถูกทำร้าย พร้อมขอให้ผู้บาดเจ็บดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลจนถึงที่สุด

แถลงการณ์พันธมิตรฯ ยังประณามรัฐบาลหุ่นเชิด โดยเฉพาะนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทย ที่ได้ให้กลุ่มบริวารทำร้ายประชาชน พร้อมเรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการวางเฉย เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป จะเกิดการนองเลือดทั่วประเทศ เพราะฝ่ายที่ถูกกระทำอาจจะต้องลุกขึ้นสู้ในที่สุด และว่า พันธมิตรฯ จะเป็นตัวแทนดำเนินคดีเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบในทุกกรณี และมีมติจะยื่นฟ้องทั้งต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติต่อไป

เป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างแถลงข่าว แกนนำพันธมิตรฯ ได้เปิดวีดิโอบันทึกภาพนายอุทัย แสนแก้ว แกนนำกลุ่มคนรักอุดร น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน และรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ กำลังปราศรัยบนรถกระจายเสียงระหว่างที่ม็อบเสื้อแดงกำลังรุมทำร้ายพันธมิตรฯ ให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย

ด้านนายธีระชัย แสนแก้ว รีบออกมาปฏิเสธว่า ตนไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบที่ทำร้ายพันธมิตรฯ แถมโทษว่าเป็นความผิดของพันธมิตรฯ เพราะถ้าพันธมิตรฯ ไม่ไปตั้งเวทีปราศรัย ชาวอุดรธานีก็คงไม่ทำอะไร ขณะที่นายขวัญชัย ไพรพนา หรือสาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดร พร้อมสมาชิกกว่า 700 คนยังคงเปิดเวทีปราศรัยในวันต่อมา(25 ก.ค.) หลังยกพวกไปรุมทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ โดยนายขวัญชัย ขู่ด้วยว่า หากพันธมิตรฯ จัดปราศรัยอีก 10 ครั้ง ตนก็จะต่อต้านทั้ง 10 ครั้ง ด้านผู้ว่าฯ อุดรธานี นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ก็อ้างว่า ทางจังหวัดทำดีที่สุดแล้ว และตำรวจก็ได้ทำเต็มที่แล้ว ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทย ก็ให้ท้ายม็อบเสื้อแดงที่รุมตีพันธมิตรฯ โดยบอกว่า ถ้าพันธมิตรฯ หยุดเคลื่อนไหว ทุกอย่างก็จบ

ต่อมาวันที่ 28 ก.ค.แกนนำพันธมิตรฯ ได้นำผู้บาดเจ็บบางรายจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาเปิดแถลงต่อสื่อมวลชนที่บ้านพระอาทิตย์ ก่อนนำผู้บาดเจ็บไปร้องสำนักงานสหประชาชาติ เพื่อให้ตรวจสอบเหตุการณ์ม็อบกลุ่มคนรักอุดรบุกทำร้ายพันธมิตรฯ ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ โดยพันธมิตรฯ ได้มอบวีซีดีภาพเหตุการณ์ดังกล่าวให้ผู้แทนข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทยที่เป็นผู้รับเรื่องด้วย

ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีศึกษาธิการในขณะนั้น ได้ออกมายืนยันว่า พรรคพลังประชาชนไม่ได้อยู่เบื้องหลังม็อบเสื้อแดง ในจังหวัดต่างๆ และว่า แม้จะมีคนของพรรคไปปรากฏตัวอยู่ด้วย แต่ก็เป็นเรื่องส่วนตัว นายสมชาย ยังอ้างด้วยว่า การที่พันธมิตรฯ นำผู้บาดเจ็บไปร้องสหประชาชาติ นอกจากจะทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลเสียหายแล้ว ยังส่งผลกระทบถึงประเทศไทยด้วย

ทั้งนี้ นอกจากพันธมิตรฯ จะนำผู้บาดเจ็บร้องต่อสหประชาชาติแล้ว ยังได้นำผู้บาดเจ็บอีก 2 คนร้องต่อ ป.ป.ช.(30 ก.ค.) เพื่อขอให้ถอดถอนและดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรวม 10 คน ประกอบด้วย 1.นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม 2.ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีมหาดไทย 3.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. 4.ผู้ว่าฯ มหาสารคาม(กรณีม็อบต้านพันธมิตรฯ ทำร้ายร่างกายฝ่ายพันธมิตรฯ ที่ จ.มหาสารคาม) 5.ผู้บังคับการตำรวจภูธรมหาสารคาม 6.ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรท้องที่ที่เกิดเหตุ 7.ผู้ว่าฯ จ.อุดรธานี 8.ผู้บังคับการตำรวจภูธรอุดรธานี 9.ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรท้องที่ที่เกิดเหตุ และ 10.นายขวัญชัย ไพรพนา หรือสาราคำ

ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า นายขวัญชัย นอกจากจะมีบทบาทในการปลุกระดมผ่านวิทยุชุมชนให้คนทำร้ายพันธมิตรฯ แล้ว นายขวัญชัยยังได้รับแต่งตั้งจาก ครม.นายสมัครให้เป็นข้าราชการการเมือง สังกัดสำนักเลขาธิการนายกฯ ด้วย ซึ่งเทียบเท่ากับข้าราชการซี-8 ได้รับเงินเดือนเกือบ 3 หมื่นบาท ซึ่งหลังจากก่อเหตุนำม็อบบุกทำร้ายพันธมิตรฯ ที่อุดรฯ แล้ว นายขวัญชัยได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง พร้อมบอกว่า ถึงไม่มีตำแหน่งดังกล่าว ตนก็สู้พันธมิตรฯ ได้

ด้านผู้ว่าฯ จ.อุดรธานี นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ จับมือผู้บังคับการตำรวจภูธรอุดรธานี พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ เปิดแถลงข่าว(28 ก.ค.)การดำเนินคดีกับกลุ่มคนรักอุดรที่ทำร้ายพันธมิตรฯ โดยบอกว่า พบผู้กระทำผิดชัดเจน 2 คน คือ นายขวัญชัย ไพรพนา หรือสาราคำ และนายอุทัย แสนแก้ว แกนนำชมรมคนรักอุดร ส่วนคนอื่นๆ จะออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป ทั้งนี้ หลังการแถลงดังกล่าว นายขวัญชัยและนายอุทัย ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา โดยตำรวจตั้งข้อหาอย่างเบา 2 ข้อหา คือ 1.เป็นหัวหน้าหรือผู้นำในการสั่งการให้มีการมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป 2.เป็นผู้ประกาศให้ผู้เข้าร่วมชุมนุม ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญ หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายให้เกิดการต่อสู้กันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ทำให้มีผู้ได้รับอันตราย เกิดการชุลมุน ด้านนายขวัญชัยและนายอุทัยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้นตำรวจได้ปล่อยตัวชั่วคราว

เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนเข้ารับทราบข้อกล่าวหา นายขวัญชัยได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ตนได้พูดเชิญชวนให้มีการทำร้ายแกนนำพันธมิตรฯ จริง โดยนายขวัญชัยบอกว่า “ที่บอกว่า หากใครสามารถตีนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรอุดรธานี จะได้ 1 หมื่น และตี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้รับ 2 หมื่นนั้น ยอมรับได้พูดจริง ไม่ขอปฏิเสธ”

ต่อมาวันที่ 30 ก.ค.ตำรวจอุดรฯ ได้จับกุมผู้ที่ทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ อีก 1 ราย คือ นายประดิษฐ์ รามระเริง อายุ 21 ปี เป็นชาวอุดรฯ โดยเจ้าตัวสารภาพว่าได้ร่วมเดินทางไปกับชมรมคนรักอุดรเพื่อไปทำร้ายกลุ่มพันธมิตรฯ จริง โดยบอกว่า มีผู้มาชักชวนไปพร้อมกับเพื่อนวัยรุ่นในหมู่บ้าน 10 คน และว่า หลังจากก่อเหตุแล้ว ได้กลับมาดื่มเหล้าฉลองภายในหมู่บ้านและต่างคุยกันว่าได้ตีคนไหนบ้าง

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายฝ่ายในสังคมได้ออกมารุมประณามการกระทำที่ป่าเถื่อนของม็อบกลุ่มคนรักอุดรฯ ที่รุมทำร้ายพันธมิตรฯ ขณะที่นักวิชาการ 145 คนจากหลายสถาบัน ได้ออกแถลงการณ์(28 ก.ค.) ประณามการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และว่า การทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นถือเป็นพฤติกรรมที่ป่าเถื่อนอำมหิตไม่ต่างจากเหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 แถลงการณ์ของ 145 นักวิชาการยังประณามเจ้าหน้าที่รัฐที่เพิกเฉยต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐจัดการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงและเจ้าหน้าที่ที่ละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เพียงดำเนินคดีสมาชิกเสื้อแดงที่ทำร้ายพันธมิตรฯ แต่ยังดำเนินคดีพันธมิตรฯ อุดรฯ ด้วย 2 คน คือ นายรัตนชัย ทองสุข และนางธันยนันท์ จรัสจริยวงศ์ ทั้งที่ทั้งสองถูกคนเสื้อแดงทำร้ายบาดเจ็บ โดยตำรวจตั้งข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง และทะเลาะวิวาท ซึ่งศาลจังหวัดอุดรธานีได้พิพากษาเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2553 ให้จำคุกคนเสื้อแดง คือ นางกุหลาบ ยศอ่อน หรือ ดีเจหงส์ทอง 1 ปี 8 เดือน และจำคุกสมาชิกคนเสื้อแดงอีก 32 คน คนละ 8 เดือน ส่วนพันธมิตรฯ อุดรฯ ทั้งสองคน ศาลตัดสินจำคุกคนละ 8 เดือน

ขณะที่นายขวัญชัย ไพรพนา หรือสาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดร ซึ่งถูกพันธมิตรอุดรฯ ฟ้องฐานพยายามฆ่า ร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนได้รับอันตราย และร่วมกันทำลายทรัพย์สิน ถูกศาลจังหวัดอุดรธานี พิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2554 ให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานทำร้ายร่างกาย แต่จำเลยสารภาพ ศาลจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือ 2 ปี 8 เดือน ปรับ 350,000 บาท ส่วนข้อหาพยายามฆ่านั้น ศาลยกฟ้อง หลังจากนั้นนายขวัญชัย ได้ใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินยื่นขอประกันตัววงเงิน 300,000 บาท พร้อมยืนยัน จะยื่นอุทธรณ์คดี ส่วนนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว นั้น สามารถตกลงไกล่เกลี่ยกับโจทก์ได้

ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2555 ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในส่วนของสมาชิกเสื้อแดงและพันธมิตรฯ ที่ถูกดำเนินคดี โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกนางกุหลาบ ยศอ่อน หรือ ดีเจหงส์ทอง เป็นเวลา 1 ปี 8 เดือน ส่วนสมาชิกเสื้อแดงอีก 32 คนนั้น ศาลยกฟ้อง 8 คน ส่วนอีก 24 คน นำโดยนายประสิทธิ์ วิชัยรัตน์ หรือดีเจจอใจเดียว และ ดร.ณัฐยศ ผาจวง ที่ปรึกษานายก อบจ.อุดรธานี กับพวกสมาชิกชมรมคนรักอุดร ศาลพิพากษาจำคุกคนละ 8 เดือน ปรับ 4,000 บาท เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ อุดรฯ 2 คน ถูกศาลพิพากษาจำคุกคนละ 8 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาทเช่นกัน โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี

หลังฟังคำพิพากษา ปรากฏว่า ทั้งฝ่ายเสื้อแดงที่บุกทำร้ายพันธมิตรฯ และฝ่ายพันธมิตรฯ อุดรฯ ที่ถูกเสื้อแดงทำร้ายบาดเจ็บ ได้เตรียมสู้ต่อในชั้นฎีกา โดยนายรัตนชัย ทองสุข 1 ใน 2 พันธมิตรฯ อุดรฯ เผยเหตุผลที่ต้องฎีกาว่า เพราะพันธมิตรฯ เป็นฝ่ายถูกกระทำ โดยชุมนุมอยู่ในที่ตั้ง และได้รับอนุญาตจากเทศบาลนครอุดรธานีอย่างถูกต้อง แต่กลับถูกกลุ่มเสื้อแดงบุกมาทำร้าย ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ช่วยเหลือแล้ว ยังไม่ห้ามปรามกลุ่มเสื้อแดงแต่อย่างใด จนฝ่ายพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บ แต่พันธมิตรอุดรฯ กลับถูกตัดสินว่ามีความผิดด้วย จึงรับไม่ได้ และอยากได้ความเป็นธรรมมากกว่านี้ นายรัตนชัย ยังเล่าถึงเหตุการณ์วันที่ม็อบเสื้อแดงบุกมาทำร้ายพันธมิตรฯ ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ฯ ซึ่งอยู่ภายในเทศบาลนครอุดรธานีให้ฟังด้วย

“คือวันที่ผมโดนทำร้ายเนี่ย ตอนนั้นผมอยู่จุดข้างหน้าประตู ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็บอกว่าถอยๆ ถอยกัน ผมก็ถอยมา ก็มีข้างหลังมาล็อกเอาไว้ ก็ล็อกผมเอาไว้ พอล็อกปั๊บ ก็รุมเลย จำได้ ผมก็ปิดหน้าไว้ ปิดหน้างอตัวไว้ ตอนนั้นตำรวจอยู่ใกล้ๆ ผมเยอะแยะเลย แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยอะไร อย่างน้อยๆ ถ้าเขาเดินเข้ามาห้าม หรือเดินเข้ามาขวางหน่อยหนึ่งเนี่ย ผมว่าก็คงไม่มีใครกล้าทำอะไร ขนาดเพื่อนผมที่เป็นการ์ดด้วยกัน บอก พี่! ทำไมไม่ห้ามเขาเลยอ่ะ? นายสั่งมา น้อง นายสั่งมา! โอ้โห! เพื่อนผมนี่แบบ ไม่ไหวเลยอ่ะ”

“คราวนี้ตอนที่ฟังคำพิพากษาปั๊บ ตอนนั้นคิดว่าต้องยกฟ้อง(เรา)แล้วล่ะ คือรอลงอาญา ตอนนั้นไม่ได้คิดเลย คิดว่าต้องยกฟ้องอย่างเดียว ในความคิดผมนะ ส่วนฝ่ายนั้น(เสื้อแดง)เนี่ย รอลงอาญา ก็คือหรูของเขาแล้ว เพราะเขาทำผิดจริง ทีนี้ตอนที่ฟังคำพิพากษา เขาพูดออกมาเลย จำเลยที่....(เสื้อแดง 8 คน) ยกฟ้อง ส่วนผมเนี่ย รอลงอาญา ผม โห! ทำไมวะ ผมไม่เข้าใจว่าทำไม ก็คือฝ่ายที่กระทำผม เป็นฝ่ายที่ผิด ฝ่ายผมซึ่งเป็นฝ่ายโดนกระทำ เป็นรอลงอาญา คือเจ็บใจที่สุด ก็คือตอนที่ฝ่ายนั้นพูด บอก เห็นมั้ย! บอกแล้วเราไม่ผิด ที่ผมเจ็บแค้นมากคือ โห! ไม่ผิดตรงไหนวะเนี่ย คือคุณเดินเท้ามา 3 ก.ม. เพื่อที่จะมาทำผม ขณะที่ผมอยู่ในบ้านตัวเองแท้ๆ คือหนองประจักษ์ก็เหมือนกับ เราขออนุญาตเทศบาลไว้เพื่อที่จะจัดงาน ก็เหมือนเป็นบ้านเราถูกมั้ย? แล้วเราไม่มีสิทธิดูแลไม่มีสิทธิปกป้องเหรอครับ”


ต้องลุ้นกันต่อไปว่า ที่สุดแล้ว ศาลฎีกาจะพิพากษาคดีคนเสื้อแดงทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ เมื่อใด? และพันธมิตรอุดรฯ จะได้รับความเป็นธรรมตามที่คาดหวังหรือไม่? รวมถึงคดีในส่วนของนายขวัญชัย ไพรพนา หรือสาราคำ ที่เป็นแกนนำในการยั่วยุให้คนเสื้อแดงบุกทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จะออกมาอย่างไร จะยืนตามศาลชั้นต้นที่พิพากษาจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญาหรือไม่?


สมาชิกเสื้อแดงพร้อมอาวุธ


นายขวัญชัย ไพรพนา และนายอุทัย แสนแก้ว แกนนำคนรักอุดร ที่ปลุกระดมยั่วยุให้คนเสื้อแดงทำร้ายพันธมิตรฯ
1 ในพันธมิตรฯ ที่ถูกเสื้อแดงทำร้ายบาดเจ็บ(24 ก.ค.51)
นางธันยนันท์ จรัสจริยวงศ์ 1 ในพันธมิตรฯ ที่ถูกเสื้อแดงทำร้ายบาดเจ็บจนต้องแกล้งตาย จึงรอด แต่ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดเช่นกัน
ภาพข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอในช่วงนั้น

กำลังโหลดความคิดเห็น