xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ ครม.หนีซักฟอก-แบ่งโควตากันในครอบครัว!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทักษิณ ชินวัตร
ผ่าประเด็นร้อน

แม้ว่านาทีนี้เท่าที่ได้รับข้อมูลมายังไม่อาจฟันธงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามีใครมาเป็นรัฐมนตรีคนใหม่ หรือมีใครถูกปรับออกไปบ้าง แต่ข้อมูลและการจับความเคลื่อนไหวล่าสุดทำให้รับรู้เหมือนกับว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในเร็ววันนี้

ตามข่าวมีการรายงานล่าสุดเพิ่มเติมว่าอาจจะมีการปรับส่งชื่อขึ้นไปภายในสัปดาห์นี้ แม้ตัวรัฐมนตรีจะยังไม่อาจฟันธงออกมาได้ เพราะทุกอย่างยังไม่เป็นทางการ แต่เท่าที่มีการรายงานรายชื่อออกมาเหมือนกับตาเห็น เช่น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายของ พจมาน ณ ป้อมเพชร อดีต“พี่เมีย”ของ ทักษิณ ชินวัตร ตามข่าวจะมานั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติและปราบปรามยาเสพติด พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล คนใกล้ชิดของทักษิณ จะมานั่งรองนายกฯ ควบเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะพ้นจากเก้าอี้รองนายกฯไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แม้ว่านาทีนี้คนอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม สามารถพยายามรับใช้ทั้งนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ และทักษิณ เป็นความพยายามในการ “หยั่งทั้งสองขา” แต่หากได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสำหรับเขา ที่ไม่ได้ลงทุนอะไรสักบาท ถือว่ามีแต่กำไรล้วนๆ

เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในยุคปัจจุบัน ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเพียงแค่กำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กรมราชทัณฑ์ เป็นต้น เพียงแค่นี้ก็ถือว่ามีอำนาจไม่เบา ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งก็ทำให้มองเห็นว่า การเข้ามานั่งในเก้าอี้รัฐมนตรียุติธรรมคราวนี้มี “ภารกิจพิเศษ” นั่นคือ การรับอาสาพาทักษิณกลับบ้าน ซึ่งที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิมก็ประกาศมาตลอดว่าจะเป็นคนเดินเครื่องเรื่องการเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดอง (ล้างผิด) รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยจะมีการ “ปรับเกม” ใหม่ใช้มวลชนเข้ามาร่วม มีการจะตั้งวงเสวนาในหลายจังหวัด โดยใช้กลไกรัฐที่เดินไปด้วยกันก็คือ มหาดไทย ตำรวจ และมวลชนคนเสื้อแดง

หากมองในมุมนี้ถือว่า บทบาทของ ร.ต.อ.เฉลิมก็ยังโดดเด่นมีความสำคัญทั้งต่อรัฐบาลและทักษิณ ชินวัตร เพียงแต่ว่าไม่ว่าด้วยวิธีการที่สรรหามาปฏิบัตินั้นยังมีโอกาสเป็นไปได้ยาก หากมองกันแบบนี้มันก็เหมือนกับว่านี่คือภารกิจของ เฉลิม ที่ถือว่าสำคัญต่ออนาคตของตัวเอง ในทำนองอดเปรี้ยวไว้กินหวาน ถ้าทำสำเร็จ ก็ต้องได้รับบำเหน็จอย่างงาม ขณะเดียวกันถ้ายังดำรงสถานะอยู่แบบนี้ต่อไป ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ยังโดดเด่นมีความสำคัญ มีแต่ได้กับได้

อีกคนหนึ่งที่น่าจับตากันก็คือ หากความเคลื่อนไหวเมื่อวานนี้ (25 ตุลาคม) เป็นจริง นั่นคือการถูกเรียกเข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาลและตามข่าวจะได้เลื่อนชั้นจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งนั่นก็หมายความว่าโควตารัฐมนตรีในส่วนของคนเสื้อแดงยังมีแค่เก้าอี้เดียว และแน่นอนว่าความหมายตรงๆก็คือ จตุพร พรหมพันธุ์ จะต้อง “แห้ว” จากเก้าอี้รัฐมนตรีต่อไป ถือว่าเสียหายหมดตัว เพราะเวลานี้ตัวเองพ้นจาก ส.ส. “ขาลอย” ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง ต้องเดินสายขึ้นศาลแทบจะรายวัน ขณะเดียวกันหากจะว่าไปแล้วทั้งสองคนแม้ว่าจะภาพภายนอกจากดูเหมือนเป็นเพื่อนรัก แต่ในทีถือว่ามีการแข่งขันกันอย่างชัดเจน เนื่องจากเส้นทางเดินทางการเมืองไปในแนวเดียวกัน

นี่ว่ากันเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีที่ถูกจับตา ซึ่งรวมไปถึง บุญทรง เตริยาภิรมย์ ที่ข่าวล่าสุดว่าจะพ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อต้องการให้ลดแรงกดดันจากพรรคฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจในวันที่ 31 ตุลาคมนี้และจะอภิปรายในราวกลางเดือนหน้า ทำให้มองว่าเป็นการปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อหนีการซักฟอก ลดแรงกดดันลงไป แต่ขณะเดียวกันหากมองอีกมุมหนึ่งหากมีการปรับรัฐมนตรีที่อื้อฉาว เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เรื่องจำนำข้าวออกไป ทำให้เป็นไปได้สูงว่าพรรคฝ่ายค้านจะต้องยื่นซักฟอกนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ เพียงคนเดียว ซึ่งนั่นเท่ากับเป็นความหายนะเหมือนกัน ทั้งในเรื่องตอบคำถาม การชี้แจงในสภาต้องกลายเป็นภาระของ นายกรัฐมนตรีคนเดียว ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล จะชิ่งหนีก็ลำบาก ต้องนั่งฟังและชี้แจง การหลบเลี่ยงหรือแม้แต่มอบหมายให้คนอื่นชี้แจงแทนมันก็ไม่มีทางชอบธรรม และด้วยศักยภาพที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรีทำให้เราพอจะคาดเดาเอาไว้จะเกิดหายนะแค่ไหน

อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน ยังไม่เป็นทางการ แต่เท่าที่เห็นการเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้คาดหมายได้ทันทีว่าการปรับคณะรัฐมนตรีหลายตำแหน่งกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า และก็ยังเชื่ออย่างมั่นใจว่าเป็นการปรับแบบแบ่งโควตากันในครอบครัว เพียงแต่คราวนี้มีคนในครอบครัว “ดามาพงศ์” เข้ามาแบ่งโควตาในตำแหน่งสำคัญ เพื่อรอเลื่อนชั้นรอจังหวะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งต่อไปในอนาคต ขณะเดียวกันการปรับคณะรัฐมนตรีหากเป็นการปรับก่อนการซักฟอก หรือหนีซักฟอก มันก็อาจกลายเป็นความเสี่ยงทำให้แรงกดดันพุ่งเข้ามาหา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพียงคนเดียว ทำให้มองได้ว่านี่คือ “แผนเชือด” จากใครบางคนในครอบครัว เพื่อดัน “พี่ชาย” ของตัวเองขึ้นมาเสียบเก้าอี้สำคัญหรือไม่

มันก็น่าคิดและเป็นไปได้เหมือนกัน!!
พจมาน ณ ป้อมเพ็ชร์
 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
พล.ต.อ.เพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์
กำลังโหลดความคิดเห็น