เอกสิทธิ์ ส.ส.ถูกบิดเบือนจนกลายเป็นอภิสิทธิชน!!

ผ่าประเด็นร้อน

ที่ผ่านมาหากใครได้ยินบรรดา ส.ส.เสื้อแดงบางคน เช่น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาก่อการร้าย ออกมาพูดว่าจะขอสู้คดีตามกฎหมายโดยไม่ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองใดๆ ทั้งสิ้น

ได้ยินแล้วมันช่างแมน เท่ น่ายกย่องอะไรเช่นนี้ ใจถึงพึ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ!!

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณากันในรายละเอียดก็สามารถค้นพบความจริงได้ไม่ยากว่า นั่นเป็นเพียงแค่คำพูดที่นำมา “หลอกต้ม” ชาวบ้าน หรือมวลชนของตัวเอง ยกระดับให้ตัวเองให้ดูดีมีรสนิยมต่างหาก เพราะสิ่งที่เขาพูดนั้นสวนทางกับความเป็นจริง

คนอย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ พวกแกนนำที่เป็น ส.ส.ย่อมรู้อยู่เต็มอกแล้วว่า ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีวันที่จะถูกดำเนินคดีในช่วงเปิดสมัยประชุมอย่างเด็ดขาด แม้ว่าแสดงท่าทางให้เห็นว่า “พร้อมจะเข้าคุก” แค่ไหนก็ตาม

เพราะในรัฐธรรมนูญที่คนพวกนี้กล่าวหาว่ามาจากเผด็จการ มาจากอำมาตย์นี่แหละได้คุ้มครอง ส.ส.เอาไว้ไม่ให้ถูกดำเนินคดีในระหว่างสมัยประชุม และก็เป็นไปตามที่ว่าก็คือ ศาลได้เลื่อนการพิจารณาชี้ขาดคำสั่งถอนประกันพวกแกนนำเสื้อแดง ที่เป็น ส.ส.ทั้งหมด 5 คน นอกเหนือจาก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แล้ว ยังมี ก่อแก้ว พิกุลทอง นพ.เหวง โตจิราการ การุณ โหสกุล และ วิภูแถลง พัฒนภูมิไท ออกไปเป็นวันที่ 29 พฤศจิกายน เนื่องจากต้องรอให้ปิดสมัยประชุมสภาเสียก่อน เกรงครหาว่าก้าวล่วงฝ่ายนิติบัญญัติ

เมื่อย้อนกลับไปในอดีตก็ไม่เคยมีกรณีที่สภาอนุญาตให้ ส.ส.ถูกดำเนินคดีอาญาในระหว่างสมัยประชุม จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติปกติไปแล้ว

ทั้งที่จะว่าไปแล้วถือว่าเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์อย่างไร้ยางอายที่สุด เอาเปรียบ และนี่คือ “สองมาตรฐาน” ของแท้

เพราะหากพิจารณาถึงสาเหตุที่ต้องคุ้มครองไม่ให้ ส.ส.ถูกดำเนินคดีระหว่างสมัยประชุม เนื่องจากเกรงว่า ส.ส.ผู้นั้นจะถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายรัฐบาล อย่างเช่น กำลังจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เป็นต้น แต่แล้วจู่ๆ ส.ส.ฝ่ายค้านคนนั้นดันถูกตำรวจมาลากคอไปขังหรือยัดข้อหาดำเนินคดีหน้าตาเฉย ความหมายก็คือเป็นเรื่องการเมือง

เป็นการป้องกันถูกกลั่นแกล้ง และเป็นผลประโยชน์ของประชาชน แต่นี่กลายเป็นว่า ส.ส.ถูกดำเนินคดีในข้อหาฆ่าคนตาย มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน หรือกรณีของ พวกหัวโจกคนเสื้อแดงที่เป็น ส.ส.จำนวน 5 คน ถูกดำเนินคดีก่อการร้าย เผาบ้านเผาเมือง แถมยังเป็นฝ่ายรัฐบาลด้วยกัน ไม่เห็นจะมีเรื่องถูกกลั่นแกล้งมาเกี่ยวข้องตรงไหน

อย่างไรก็ดี สิ่งที่อยากจะชี้ให้เห็นก็คือ การใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผิดเพี้ยน ทำลายเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ที่ต้องการป้องกัน ส.ส.ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายรัฐบาลที่ใช้อำนาจรัฐมาจับกุมคุมขังเพื่อปิดปากในระหว่างสมัยประชุม แต่นี่กลายเป็นว่า สภาใช้เอกสิทธิ์มาป้องกัน ส.ส.แบบมั่วซั่วไปหมด เหมือนกับว่าหากเป็น ส.ส.แล้วจะมีอภิสิทธิ์เหนือชาวบ้านเกือบทุกเรื่อง แม้กระทั่ง ฆ่าคนตาย ก่อจลาจลเผาเมือง หรือก่อคดีอาญาก็สามารถยื้อคดี หนีไปตั้งหลักได้ชั่วคราวอย่างนั้นหรือ

ขณะเดียวกันก็ต้องสมควรประณามเจตนารมณ์ที่ผิดเพี้ยนดังกล่าว ซึ่งสภาน่าจะต้องหันมาทบทวนในเรื่องการให้ “เอกสิทธิ์” คุ้มครอง ส.ส. อย่างน้อยก็ต้องมีการอภิปรายถกเถียงกันอย่างมีสาระเป็นเหตุเป็นผลกันเสียที เพราะถ้ายังขืนปล่อยเอาไว้อย่างนี้ต่อไป บางครั้งมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกกล่าวหาว่าเป็นแหล่งปกป้องโจร ปกป้องผู้ก่อการร้าย ย่ำยีความรู้สึกของชาวบ้าน และที่สำคัญมันไม่ยุติธรรมต่อคนทั่วไปอย่างร้ายกาจที่สุด!!