“ชูวิทย์” โว รักประเทศไทยใจกว้าง แม้ไม่ได้โอกาสอภิปราย แต่ก็โหวตไม่ไว้วางใจ “ประชา” เพราะมีข้อมูลทุจริตการจัดซื้อของ ศปภ.เหน็บ ปชป.ใจแคบไม่แบ่งเวลาให้อภิปราย เตรียมคุย “ปุระชัย-สนธิ” จับมือตั้งกลุ่ม 7 เสียงเพิ่มพลังต่อรอง แฉพบ ก.เกษตรฯโยกงบป้องกันน้ำท่วมหลายจังหวัดไปสุพรรณฯ เตรียมยื่น ป.ป.ช.เล่นงาน
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรครักประเทศไทย เปิดเผยถึงการลงมติไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ประกาศจะไม่ร่วมแนวทางเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ จากเหตุที่ไม่ได้รับโอกาสในการร่วมอภิปราย ว่า มีความพยายามเชื่อมโยง ว่า ตนและพรรครักประเทศไทยเป็นพวกกลับไปกลับมา แต่จริงๆ แล้วพวกเรามีจุดยืน โดยเห็นได้จากการโหวตในทิศทางเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะตนใจกว้างมากพอ แม้ไม่ได้โอกาสในการอภิปรายก็ไม่ได้ติดใจ
อย่างไรก็ตาม การโหวตไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา นั้น ไม่ได้เป็นเพราะสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ นำมาอภิปรายมีเหตุมีผล เพราะเป็นเพียงการนำข้อมูลจากสื่อมวลชนและในเว็บไซต์ยูทูป ซึ่งประชาชนคนรับทราบข้อมูลหมดแล้วมานำเสนอใหม่ ถือว่าไม่มีหมัดเด็ดอะไรเลย ในขณะเดียวกันข้อมูลของตนซึ่งดีกว่า แต่ไม่ได้รับโอกาสร่วมอภิปราย
“ครั้งนี้ต้องถือว่าพรรคประชาธิปัตย์อภิปรายแย่ที่สุด นำเรื่องที่ประชาชนเป็นล้านคนเห็นแล้วรู้แล้ว เพราะใช้ข่าวของช่อง 3 5 7 9 และในยูทูปมาตัดต่อ จึงยิ่งรู้สึกเสียหายข้อมูลของผมที่ไม่ได้อภิปราย”
นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนมีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องในการบริการงานศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ที่ชัดเจนกว่าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งเรื่องการจัดซื้อเต็นท์ และการจัดซื้อบิ๊กแบ็กที่ราคาสูงเกินจริง หากพรรคประชาธิปัตย์แบ่งเวลาให้ตนเพียงแค่ 15-20 นาที จะมีประโยชน์มากกว่าไปประท้วงกันเป็นชั่วโมง ซึ่งประชาชนไม่ได้ประโยชน์
ทั้งนี้ ในกรณีของ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์สันติ และ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ลงมติงดออกเสียง อาจเป็นเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความใจกว้าง และไม่ให้เกียรติ จึงส่งผลให้การทำงานในฝ่ายค้านไม่เป็นเอกภาพ เนื่องจากที่ผ่านมาแม้แต่การประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) ฝ่ายค้าน ก็ยังไม่เคยเชิญพวกตนเข้าร่วมเลย
“เป็นพรรคใหญ่อย่าใจแคบ ไม่ต้องกลัวผมจะไปเด่นกว่า การทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองต้องใจกว้าง เมื่อวานนี้ผมไปคุยกับทั้ง นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอเวลาในการอภิปราย แต่กลับใจมด โดยนายจุรินทร์ บอกให้ไปคุยกับ นายนริศ ขำนุรักษ์ เลขานุการวิปฝ่ายค้าน แต่สุดท้ายก็ได้รับการปฏิเสธ ซึ่งหลังจากนี้ผมจะหารือกับ ร.ต.อ.ปุระชัย และ พล.อ.สนธิ เพื่อร่วมกลุ่มให้ได้ ส.ส. 7 เสียง ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้ได้ง่ายขึ้น”
นายชูวิทย์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ตนยังมีข้อมูลเพิ่มเติมในการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณปี 54 ของกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในเรื่องการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งมีการโยกงบประมาณจาก จ.ชัยนาท ชลบุรี และอีกหลายจังหวัด นำไปมอบให้ จ.สุพรรณบุรี ทั้งที่ จ.สุพรรณบุรี ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมน้อยมาก โดยข้อมูลนี้ตนจะนำยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรครักประเทศไทย ได้มีมติให้ ส.ส.ของพรรคลงมติไม่ไว้วางใจ พล.ต.อ.ประชา แต่เมื่อถึงเวลาลงคะแนน ปรากฏว่า นายชูวิทย์ และ นายนายพงษ์ศักดิ์ เรือนเงิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงมติไม่ไว้วางใจ แต่ นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงคะแนนไว้วางใจ ซึ่งอ้างว่าเกิดจากความเข้าใจผิด ขณะที่ นายโปรดปราน โต๊ะราหนี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลาป่วยไม่ได้เข้าร่วมการประชุม
