ผ่าประเด็นร้อน
กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันที่ 21-22 ตุลาคม ที่เกาะสมุย หากพิจารณาจากพื้นที่ จังหวัดและกำหนดการแต่ละวันล้วนแล้วแต่น่าติดตาม โดยเฉพาะความหมายใน “ทางการเมือง” ทั้งในเรื่องของการข่มขวัญ เยาะเย้ยฝ่ายตรงข้าม ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายฐานทางด้านมวลชนพร้อมกันไปในคราวเดียวกันด้วย
แน่นอนว่านี่คือมุมมองที่มองข้ามวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่พยายามเน้นย้ำประชาสัมพันธ์ให้เห็นความสำคัญตลอดเวลา แต่นั่นเพียงแค่ “หน้าฉาก” เท่านั้น เพราะไม่ว่ามองในมุมไหนมันก็เหมือน “ฉาบฉวย” หรือเป็นแค่โครงการในฝัน ไม่รู้ว่าชาติไหนจะได้เห็น ที่สำคัญต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาล จะเอามาจากไหน นอกจากกู้อย่างเดียว และเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบจากการอนุมัติสารพัดโครงการจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรทั้ง 6 ครั้งที่ผ่านมารวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท แต่ผ่านมาหลายเดือนแทบจะไม่เห็นเดินหน้าเป็นจริงเป็นจัง หรืออย่างมากก็แค่ “หยอด” เอาไว้แค่ไม่กี่ล้านบาท
นั่นว่ากันขนาดเป็นพื้นที่ฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย ยังทำกันได้ขนาดนี้ ไม่เห็นความคืบหน้าเป็นจริงเป็นจัง ดังนั้นเมื่อเป็นพื้นที่ภาคใต้ซึ่งไม่ใช่เป็นฐานเสียงหลัก อย่างมากมันก็เป็นแค่ “ยาหอม” หลอกต้มไปวันๆ เท่านั้น
ขณะเดียวกัน หลายโครงการหากพิจารณากันตามความเป็นจริงแล้วก็เป็นโครงการเก่าที่มีมีนำเสนอกันตามปกติ เช่น โครงการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็กที่เกาะเต่า การสร้างแหล่งกักเก็บน้ำในเกาะพงัน การปรับปรุงถนน ซึ่งก็ถือว่าไม่ต้องใช้งบประมาณมากมายอะไรนัก
มีเพียงโครงการก่อสร้าง “สนามบินดอนสัก” เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในเกาะสมุย เกาะพงัน รวมทั้งในพื้นที่ใกล้เคียง แต่ก็ยังเป็นเพียงโครงการในกระดาษ นาทีนี้ไม่อยากไปขัดคอว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไร อยากพัฒนาอย่างไรก็ทำไปเถอะหากคิดว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ และมีผลบวกทางเศรษฐกิจต่อพื้นที่และบ้านเมือง แต่ก็นั่นแหละพอมีโครงการอะไรขึ้นมาสักอย่าง มันก็ต้องมี “พวกกระสือ” การเมืองและทุนที่แนบชิดกับการเมืองเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ เพราะขนาดยังไม่เกิดเป็นแค่ความฝัน ก็เริ่มมีการกว้านซื้อที่ดินกันแล้วจากปัจจุบันราคาแค่ไร่ละ 4-5 หมื่นบาท เตรียมนำไปขายต่อไร่ละ 4-5 แสนบาท ถ้าทั้งโครงการจำนวน 2 พันไร่ ลองคิดดูแล้วกันว่าจะฟันพุงปลิ้นขนาดไหน
อีกทั้งถ้าบังเกิดว่าโครงการเป็นจริง เกิดการผลักดันจนมีการก่อสร้างขึ้นมา ก็ต้องมีกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเข้ามาเอี่ยว แต่เอาเถอะพูดมากไปก็เหมือนกับการขัดคอขัดขวางความจริงพวกขี้อิจฉา ติดะไปหมด แต่เท่าที่เห็นบรรยากาศในพื้นที่มันเป็นอย่างว่าจริงๆ โดยเฉพาะกลุ่มทุนการเมืองที่แนบชิดกับ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ที่ถือว่าเป็นระดับ “ขาใหญ่” อีกกลุ่มหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่น่าจับตาก็คือการวิ่งเต้นผ่านทาง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อย่างไรก็ดีก็ให้ติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปว่าจะเป็นจริงอย่างที่ดักคอไว้ล่วงหน้าหรือไม่
แต่สิ่งที่เห็นเฉพาะหน้าในวันนี้สำหรับการลงประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งที่ 7 ที่ อำเภอเกาะสมุย วันที่ 21-22 ตุลาคม หากพิจารณาในแง่มุมการเมือง พูดกันแบบรู้ทันก็ต้องบอกว่านี่คือการบุกมา “เหยียบจมูก” เยาะเย้ยฝ่ายตรงข้าม ซึ่งในที่นี้ก็คือ ประชาธิปัตย์นั่นแหละ แถมยังได้มาผักผ่อน “กินฟรี-โชว์ออฟ” อีกต่างหาก เป็นใครจะไม่ชอบ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่ในวงประชุมคราวนี้จะมีบรรดาพวกแกนนำแดงและกลุ่มก๊วนการเมืองที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ต่างได้รับการโปรโมตหรือ “เสนอตัว” อาสารับใช้กันไม่น้อย
แน่นอนว่าในทางการเมืองย่อมมองออกได้ไม่ยากว่าการลงมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในภาคใต้ตอนบน โดยเลือกเอาเกาะสมุยมาเป็นสถานที่ประชุมนั้นหากมองผ่านในเรื่องการฉวยโอกาสมาพักผ่อนท่องเที่ยว “โชว์เพาฯ” มีรถนำขบวนให้ชาวบ้านข้างทางหมั่นไส้แล้ว แต่ขณะเดียวกันต้องไม่ลืมว่าพื้นที่ สุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราชเป็นฐานที่มั่นดุจ “เมืองหลวง” ของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากกำหนดการเดินสายของ นายกรัฐมนตรีหลายพื้นที่แล้วยังเป็นการเปิดทางเปิดตัว “ขุนพล” ทางภาคใต้คนใหม่ของพรรคเพื่อไทยอีกด้วย แม้ว่าจะไม่ใช่เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่กำหนดการของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเดินทางไปบ้านของ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปพบปะชาวบ้านในแบบการรับฟังความคิดเห็นแม้ว่าใช้เวลาแต่ชั่วอึดใจเดียว แต่หากมองในมุมการเมืองนี่คือการให้ความสำคัญแบบ “นอกหมาย” ที่ไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกัน การเดินทางไปในตัวจังหวัดร่วมงานบุญที่วัดพระธาตุเมืองนครศรีธรรมราช เป็นการพบปะกับมวลชนในวงกว้าง แต่ในภาพรวมถือว่านี่คือการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของฝ่ายตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัดที่สุด แม้ว่าในระยะสั้นเฉพาะหน้าจะยังไม่เห็นผลชัดเจนนัก แต่อย่างน้อยเป็นการเปิดเกมเอาจริงเอาจังมากขึ้นแล้ว
ดังนั้นถ้าพิจารณาความเคลื่อนไหวของคณะรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยตั้งแต่ต้นก็พอมองเห็นได้ว่าเนื้อหาสาระจากผลการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อดูจากเนื้องานก็คงไม่มีอะไรให้น่าสนใจมากนัก แต่เป้าหมายในทางการเมืองถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องเน้นมากกว่า โดยเฉพาะการบุกเข้าเยาะเย้ยฝ่ายตรงกันข้ามอย่างพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างมีนัยสำคัญ รวมไปถึงการได้เน้นให้ความสำคัญกับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหมือนกับการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ ส่วนจะได้ผลหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!!