xs
xsm
sm
md
lg

จับสัญญาณ “จีทูจี” สะพัดบริษัท “ส.” เปาเกาฮั้วนักการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะพัด! วงการค้าข้าว ลือหึ่งปิดข้อมูลขายข้าว “จีทูจี” บริษัท “ส.” พัวพันนักการเมืองเอี่ยวผลประโยชน์ “เปาเกา” ข้าว บางสัญญาฮั้วนักการเมืองนอกโกง ปชป.ชี้ยอดข้าวค้างส่ง 2.8 ล้านตันสูงผิดปกติ ตั้ง 2 ปมโรงสีบางรายแอบขาย-สต๊อกลม?

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ต.ค.) สำนักข่าวอิศรา อ้างแหล่งข่าวจากวงการส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าผู้ประกอบการในวงการค้าข้าวมีการตั้งข้อสังเกตว่า เหตุผลที่รัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวในส่วนสต็อกรัฐบาลแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี จำนวน 7.3 ล้านตัน ให้สาธารณะชนรับทราบ อาจเป็นเพราะบริษัทเอกชนในประเทศไทย ที่ได้รับการแต่งตั้งจากต่างประเทศหลายรายให้เป็นผู้ทำการปรับปรุงข้าว (เปาเกา) เพื่อส่งออก มีรายชื่อบริษัทตัวย่อว่า ส.ที่เคยถูกตรวจสอบพบว่ามีเกี่ยวโยงกับบริษัทค้าข้าวรายใหญ่ในอดีต ที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวไม่ยอมชดใช้หนี้ในการทำธุรกิจข้าว ซึ่งเป็นคดีใหญ่โตเมื่อหลายปีก่อน และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักการเมืองรายหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เชื่อ “จีทูจี” บางฉบับไม่ได้ซื้อขายกันจริง

แหล่งข่าวกล่าวว่า ผู้ส่งออกข้าวหลายรายเชื่อว่า การระบายข้าวแบบจีทูจี บางประเทศที่ถูกระบุชื่อมา อาจไม่ได้มีการติดต่อซื้อขายกันเกิดขึ้นจริง บริษัทค้าข้าวบางรายที่มีเส้นสายทางการเมือง รู้จักนักการเมืองในต่างประเทศ ไปขอความร่วมมือให้ช่วยออกใบสั่งซื้อข้าวให้ และนำมาแสดงกับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อจะได้ดำเนินการซื้อข้าวแบบจีทูจี ซึ่งมีข้อดีอยู่ที่การไม่ต้องเปิดประมูล สามารถซื้อข้าวได้โดยตรง ทำให้สามารถคุมราคาและปริมาณในการซื้อข้าวได้

“วิธีการแบบนี้เขาอาจจะได้ข้าวดีไปขายราคาถูกเพื่อทำกำไร เพราะเขาเลือกข้าวได้เอง ส่วนข้าวที่ไม่ดี ไม่ได้ส่งออกจริง ก็สามารถนำมาวนเข้าร่วมโครงการรับจำนำรัฐบาลต่อไป ส่วนบริษัทผู้ซื้อในต่างประเทศ ซึ่งอาจจะมีสถานะเป็นเพียงรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ก็จะได้รับส่วนแบ่งไปด้วย ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งไปคืนรัฐบาล เพื่อนำเงินมาลงทุนทำโครงการใหม่ก็ได้”

ปริศนาซื้อข้าวจีทูจีแบบหน้าคลัง

แหล่งข่าวกล่าวว่า เหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ผู้ส่งออกหลายรายไม่เชื่อว่ามีการระบายข้าวแบบจีทูจีเกิดขึ้นจริง เป็นเพราะการระบายข้าวครั้งนี้ มีการกำหนดเงื่อนไขเรื่องการซื้อหน้าคลัง แทนที่จะเป็นการซื้อขาย ณ ท่าเรือ เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

“การซื้อขายแบบจีทูจีในอดีตที่ทำกันมา ส่วนใหญ่จะเป็นซื้อแบบหน้าท่าเรือ เพราะสะดวก สามารถคุมเรื่องมาตรฐานและราคาข้าวได้ ขณะที่การซื้อหน้าคลังจะต้องมาเสียเวลาในการแจ้งบริษัทเอกชนมาปรับปรุงข้าวเพื่อส่งออก เสียค่าขนส่งเอง คุ้มเรื่องสินค้าได้ยาก คงไม่มีรัฐบาลต่างประเทศแห่งไหนที่มีมุมมองการทำธุรกิจเสียเปรียบแบบนี้ ถ้าจะซื้อขายไปกินจริง เพราะไม่เช่นนั้นคงจะถูกประชาชนในประเทศของตนเองต่อต้านอย่างแน่นอน” แหล่งข่าวระบุ

แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกเหนือจากการปรากฏรายชื่อเป็นตัวแทนต่างประเทศในการทำสัญญาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทยแล้ว ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า บริษัทค้าข้าวรายนี้ยังเข้ามาติดต่อรับซื้อข้าวจากโรงสีหลายแห่งที่ยังไม่ได้ส่งมอบข้าวให้กับรัฐบาล โดยอ้างถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับฝ่ายการเมืองในรัฐบาลว่าสามารถดำเนินการเรื่องนี้ได้ด้วย

ปชป.โวย ส.ส.รัฐบาลไม่รวมมือตรวจสอบ

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านกำลังประสบปัญหาการตรวจสอบข้อมูลการดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลอย่างมาก เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงพาณิชย์ในการส่งตัวแทนชี้แจงและส่งมอบข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และไม่สามารถใช้มติที่ประชุมออกคำสั่งให้กระทรวงพาณิชย์จัดส่งข้อมูลให้ได้ เนื่องจากจำนวน ส.ส.รัฐบาล ในกรรมาธิการ มีจำนวนมาก และไม่สนับสนุนแนวทางนี้

“กรณีปรากฏกระแสข่าวว่าบริษัทใกล้ชิดกับคนในรัฐบาลได้รับประโยชน์จากการเป็นตัวแทนต่างประเทศ ปรับปรุงข้าวเพื่อส่งออก เป็นเรื่องที่ถูกจับตามองอย่างมากในวงการค้าข้าว ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้ กระทรวงพาณิชย์ควรออกมาเปิดเผยข้อมูลให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด” นพ.วรงค์ระบุ

จี้เปิดสัญญาขายข้าวในประเทศ 5-6 ครั้ง

นพ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงพาณิชย์ควรเปิดเผยข้อมูลการระบายข้าวในประเทศ 5-6 ครั้ง ด้วยว่าการประมูลแต่ละครั้งมีบริษัทเอกชนรายใดได้ข้าวไปบ้าง และมีจำนวนข้าวเท่าไร เพราะเท่าที่ติดตามข้อมูลพบว่า มีเพียงแค่การประมูลข้าวครั้งที่ 2 และครั้งที่ 4 เท่านั้น ที่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการ ส่วนการประมูลครั้งอื่นไม่มีการเปิดเผยออกมา

“ผมเชื่อว่าการประมูลครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นปลายข้าวจำนวน 3.4 หมื่นตัน และการประมูลข้าวครั้งที่ 4 ซึ่งประกาศขายข้าวจำนวน 7.5 แสนตัน แต่ขายจริงได้แค่ 2.29 แสนตัน เป็นของจริง เอกชนมาแข่งขันซื้อข้าวจริง เพื่อแสดงให้สังคมเห็นว่าประมูลข้าวกันจริง แต่การประมูลครั้งอื่นที่ปิดเงียบ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทค้าขายรายใหญ่แห่งหนึ่งหรือไม่ จึงไม่กล้าเปิดเผยข้อมูลออกมา”

นพ.วรงค์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนข้าวที่เปิดประมูลไปแล้วจำนวน 2 แสนกว่าตัน จากข้าวที่เปิดประมูลทั้งหมด 7 แสนกว่าตัน ถือเป็นจำนวนที่น้อยมาก เป็นไปได้หรือไม่ ว่า ข้าวในโกดังกลางรัฐบาลส่วนใหญ่ มีปัญหาเรื่องเสื่อมสภาพ เอกชนจึงสนใจที่จะมาเข้าร่วมประมูลกันน้อย และอาจจะเชื่อมโยงไปถึงข้อสังเกตปัญหาการนำข้าวคุณภาพไม่ดี จากต่างประเทศมาสวมสิทธิ หรือการนำข้าวเก่ามาเวียนเทียนข้าวคุณภาพดีในโครงการก่อนหน้านี้

ชี้ยอดข้าวค้างส่ง 2.8 ล้านตัน สูงผิดปกติ

ส่วนกรณีการปรากฏข้อมูลว่ามียอดข้าวค้างส่งมอบในโครงการรับจำนำเป็นจำนวนถึง 2.8 ล้านตันนั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า เป็นตัวเลขยอดข้าวค้างส่งมอบที่สูงผิดปกติ เพราะตามเงื่อนไขการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว โรงสีจะต้องส่งมอบข้าวที่สีแปรสภาพเข้าโกดังกลางภายใน 7 วัน

“ถ้ากระบวนการดำเนินไปตามปกติ จำนวนข้าวค้างส่งมอบคงไม่สูงเป็นล้านตันแบบนี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า ข้าวค้างส่งมอบไม่มีอยู่จริงตั้งแต่ต้น ซึ่งมาจากการแจ้งตัวเลขปริมาณข้าวให้สูงเกินความเป็นจริง ตามที่มีการตั้งข้อสังเกตก่อนหน้านี้ ก่อนจะมีการออกใบประทวนปลอมให้เกษตรกร เพื่อรับเงินค่าข้าวจากรัฐบาลไป หรือข้าวไม่มีอยู่ เพราะในช่วงการรับจำนำข้าว หรืออาจจะมีโรงสีบางแห่ง แอบนำข้าวคุณภาพดีไปขาย และไม่สามารถหาข้าวมาสวมแทนได้ทัน จึงทำให้ไม่สามารถส่งมอบข้าวให้รัฐได้ทันตามกำหนด”

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่โกดังกลางอาจไม่มีที่รองรับข้าวเพียงพอ ทำให้โรงสีไม่สามารถส่งมอบข้าวได้ นพ.วรงค์กล่าวว่า “เรื่องนี้ต้องทำความเข้าใจว่า กระทรวงพาณิชย์ก็ยืนยันมาตลอดว่า โกดังกลางรัฐบาลสามารถรองรับปริมาณข้าวได้ ไม่จำเป็นต้องหาสถานที่รองรับข้าวเพิ่มเติมแต่อย่างใด ถ้าโกดังกลางรัฐบาลไม่มีปัญหาอะไร โรงสีก็ต้องสามารถส่งมอบข้าวได้ตามขั้นตอนปกติ”

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีการพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าวแต่ไม่สามารถติดต่อได้


กำลังโหลดความคิดเห็น