อดีต สนช. ยันไม่รู้เรื่องไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้าน ไม่ได้ติดต่อ ภตช. เย้ย “เพื่อแม้ว” ร้อนตัวปูดจ้องล้ม รบ. กลบเกลื่อนทุจริตอื้อซ่า เชื่อไม่นาน ปชช.ลุกฮือทวงอำนาจคืน ระบุทำงานยืนเบื้องหน้าต้านโกง ไม่ได้เป็นอีแอบเหมือนคนหนีคุกสั่งการอยู่นอกประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ผ่านรายการ “ตีแสกหน้า” ออกอากาศทางสถานี ASTV ถึงกรณีมีคนแอบอ้างชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการให้ข้อมูล นักการเมืองไซฟ่อนเงิน1.6 หมื่นล้านบาท ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่รู้เรื่อง ตนไม่เคยติดต่อนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ และไม่เคยให้คำแนะนำอะไร ไม่รู้ว่านายมงคลกิตติ์เอาข้อมูลมาจากไหน
ส่วนประเด็นมีชื่อเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับ พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ ผู้ก่อตั้งภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.) นั้น เมื่อหลายเดือนมาแล้ว พล.อ.กิตติศักดิ์เคยเชิญตนไปบรรยายเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองที่สโมสรทหารบก ร่วมกับ พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ประธานคลังสมอง วปอ.เพื่อสังคม และนายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากนั้น พล.อ.กิตติศักดิ์บอกว่าจะตั้งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันขึ้นมา ขอให้ตนไปเป็นที่ปรึกษา ซึ่งตนก็ได้บอกปัดว่าไม่มีเวลา แต่กระนั้นก็ยังตื๊อขอให้ตนเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ตนก็เลยบอกถ้าหากมีเวลา มีข้อมูลก็จะให้คำปรึกษาแต่จะดูเป็นเรื่องๆไป แล้วจากนั้นก็ไม่เคยให้คำปรึกษาหรือเข้าร่วมประชุมอีกเลย จนกระทั่งมารู้ข่าวว่า พล.อ.กิตติศักดิ์ลาออกจาก ภตช.
น.ต.ประสงค์กล่าวถึงกรณีคนของรัฐบาลระบุมีกลุ่มอำนาจเก่าจ้องล้มรัฐบาลว่า เป็นอาการร้อนตัวของนักการเมือง จากพฤติกรรมต่างๆ ที่ทำไว้ ทั้งทุจริตในนโยบาย น้ำท่วม จำนำข้าว 3จี จนประชาชนส่วนใหญ่เขารับไม่ได้ นักการเมืองพวกนี้ลืมตัวคิดว่าอำนาจรัฐเป็นของตัว ทั้งที่จริงตัวเองเป็นเพียงตัวแทนยืมอำนาจจากประชาชนไปใช้ รัฐบาลเลวๆ จะล้มหรือไม่ล้มเกิดจาการกระทำของตัวเอง ในเมื่อคุณเอาอำนาจเขาไปใช้ในทางไม่ถูกต้อง อำนาจของประชาชนนี่แหละจะเป็นผู้ล้มรัฐบาลชั่ว ไม่ใช่อำนาจเก่าอย่างที่พวกเห่าหอนออกมาพูด และตนเชื่อภายในเร็วๆ นี้ประชาชนจะออกมาทวงอำนาจคืนอย่างถึงที่สุด คำว่าเร็วๆ ของตนก็คือไม่ช้า ปีใหม่มันไกลไป
อดีต สนช.กล่าวทิ้งท้ายถึงกรณีมีนักการเมืองบางคนกล่าวหาว่าเป็นอีแอบอยู่เบื้องหลัง ว่า จุดยืนต่อต้านสิ่งที่นักการเมืองทำไม่ดีต่อบ้านเมือง หรือบริหารงานไม่เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว หากจะคิดทำอะไรก็เปิดเผยตลอด และอยู่ด้านหน้า ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง คนที่เป็นอีแอบตัวจริง คือ คนหนีคุกจุ้นจ้านสั่งการอยู่นอกประเทศ