รมว.กลาโหม รับยังห่วงใต้ ชี้พื้นที่เหตุแค่ 20% ยันพยายามแก้แต่ต้องส่งทหารลงก่อน ถ้ากำลังท้องถิ่นเข้มแข็งค่อยถอย ชม 93 แนวร่วมมอบตัวกล้าหาญ ชูสถานการณ์ดีขึ้น บอกทำได้ขนาดนี้ก็ดีใจแล้ว ระบุประชาธิปัตย์มาคุยก็คล้ายกัน ย้ำนโยบายถูกทาง เผยนายกฯ เคลียร์ตั้ง ศปก.กปต.แล้ว
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการหารือร่วมกับฝ่ายค้านและรัฐบาลถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เรื่องภาคใต้เป็นเรื่องที่ตนห่วงที่สุด เพราะเหตุการณ์เกิดมา 7-8 ปีแล้ว ในภาพรวมแล้วใน 3 จังหวัด กับ 4 อำเภอ จ.สงขลา ซึ่งมี 2 พันกว่าหมู่บ้านมีอยู่แค่ 300 หมู่บ้าน ที่เป็นข่าวว่าเกิดเหตุ คิดเป็น 20% ที่มีปัญหา ภาคใต้ถือว่าสงบ คนมาเลเซียยังมาเที่ยว ซึ่งรัฐบาลนี้พยายามแก้ไขปัญหา ขณะนี้กองทัพต้องลงไปก่อน เพราะเรามองว่าตำรวจที่มีอยู่ยังไม่เข้มแข็งพอจึงต้องนำทหารลงไปเพื่อหยุดความรุนแรง เหมือนไฟไหม้ที่ต้องไปดับไฟก่อน และค่อยตามไปแก้ไขว่า คนที่เผาคิดอย่างไร ซึ่งต้องไปแก้ที่ความคิด ถือเป็นเรื่องกระทรวงอื่นๆ ที่ดูแล วันนี้ทหารดูแลดับไฟให้สนิทก่อน วิธีการของเรา คือ เมื่อเราทำให้กำลังประจำถิ่นเข้มแข็งก็จะเอาทหารออกมา จากที่ทำงานในเชิงรับจะได้นำทหารไปทำงานเชิงรุกมากขึ้น ฝ่ายตรงข้ามจะได้ไม่มีเสรีในการปฏิบัติ
“ตอนนี้เขากำลังนั่งมองเราว่า ทำอะไรบ้าง ถ้าเราเผลอเขาก็กระทำกับเรา เพราะเรามีกำลังน้อยที่จะนำไปทำงานเชิงรุกไล่ล่าพวกนี้ เราจึงต้องกดดันให้ปัญหาน้อยลง ซึ่งถือว่าได้ผล เพราะมีการมามอบตัว ขอชมเชยทั้ง 93 คนที่มามอบตัวถือว่า มีความกล้าหาญ และเขาดูแล้วว่า การทำงานของเขาไม่สำเร็จจึงมาอยู่ข้างรัฐบาลดีกว่า ถือว่าเป็นเรื่องดีที่ได้คนเหล่านี้มาช่วยเรา ถ้าจะมีการมอบตัวเพิ่มอีกจะเป็นเรื่องดี แสดงว่าการทำงานได้ผล ต้องชมเชย พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่ร่วมกันทำงาน ทำให้เห็นว่าสถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น แม้จะดีขึ้นแต่อย่าไปหยุด เพื่อให้เหตุการณ์จบโดยเร็ว อย่าให้เหมือนปัญหาในติมอร์ตะวันออก ที่อินโดนีเซียต้องใช้เวลา 47 ปีในการแก้ไขปัญหา และต้องเสียติมอร์ฯ ไป หรือในไอร์แลนด์ ที่กลุ่มไออาร์เอ เขามียุทโธปกรณ์ เทคโนโลยีมหาศาล เรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อน ไม่ใช่เอาอาวุธไปเข่นฆ่าก็จบ 7 ปี แก้ไขกันได้ขนาดนี้ ผมดีใจแล้ว ผมยิ้มออกว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว” รมว.กลาโหมกล่าว
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์มาคุยกันก็มองเห็นแนวทางคล้ายๆกัน ถือเป็นสิ่งที่ดี ในระดับนโยบายต้องนิ่ง ฝ่ายปฏิบัติยุ่งยากต้องเข้าใจ เพราะมีหลายองค์กร หลายหน่วยอยู่ด้วยกัน ถ้านโยบายข้างบนไม่นิ่ง ข้างล่างก็นิ่งยาก ตอนนี้ถือว่า นโยบายถูกทาง และนิ่ง ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ถือเป็นวิธีการที่ดี ซึ่งทางแม่ทัพภาคที่ 4 ผบ.ทบ. ศอ.บต.ทราบดี เมื่อเข้ากันแล้ว ก็จะมีภาพที่ดี ส่วนกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง ศปก. กปต.นั้น นายกรัฐมนตรีได้อธิบายให้ พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจว่า เราไม่ต้องการให้สายการบังคับบัญชายาว เมื่อก่อนแม่ทัพภาค หรือ ทหารมีความเบ็ดเสร็จในการแก้ไขปัญหา สามารถย้ายผู้ว่าฯ พลเรือน ตำรวจ ได้หมด ผลดีคือเด็ดขาด แต่หน่วยงานไม่ค่อยชอบ วันนี้เรามี 2 แท่ง คือ กอ.รมน. และศอ.บต. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาทั้งสองส่วนที่ต้องทำงานไปด้วยกัน ส่วนของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ ตน เป็นแค่ตัวช่วยในการแก้ไขปัญหา แทนนายกรัฐมนตรี แต่ นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบอยู่แล้วตามกฎหมาย เพียงแต่เราต้องแบ่งเบาภาระเขา ในสองแท่งนี้ตนจะลงไปช่วยแก้ไข ถ้าภายใน 4 คนนี้แก้ไขปัญหาไม่ได้ ก็ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวถึงสถานการณ์ในประเทศไทยหลังมุสลิมต่อต้านภาพยนตร์ดูหมิ่นศาสนาอิสลามของสหรัฐอเมริกาว่า ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องของศาสนา ในประเทศไทยถือว่า ป็นเรื่องดีที่ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรมาก ซึ่งเราต้องให้ความปลอดภัยเขา เรื่องนี้เป็นแค่น้ำผึ้งหยดเดียวจริงๆ เราอย่าพูดมาก กระแสต่างๆ กำลังลดลงแล้ว อย่าให้ไปพูดอะไรให้มีปัญหากันอีก