รัฐมนตรีกลาโหมยันกองทัพดูแลน้ำท่วมเต็มที่ ไม่สั่งบิ๊กท็อปบูตเพิ่ม อ้างรัฐบอกไม่ท่วมไม่ใช่ไม่มีเลยแต่ต้องท่วมบางจุด เผยทัพเรือขอซื้อฟริเกตแค่ลำเดียว โวรบได้ 3 มิติ โยนกองทัพเลือกซื้อชาติไหน ปัดอนุมัติปลอบใจไม่ได้ซื้อเรือดำน้ำ ยันยังมีโครงการอยู่
วันนี้ (20 ก.ย.) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการดูแลสถานการณ์น้ำท่วมว่า ทางกองทัพดูแลเต็มที่ มีการตั้ง ศปก.ดูแลประชาชนทุกที่ที่มีภัยพิบัติ พร้อมทั้งเตรียมการ โดยตนได้บอกไปถึง ผบ.เหล่าทัพแล้ว ซึ่งสบายใจได้ เพราะไม่ต้องสั่งการอะไรบ้าง เพราะเขารู้ และแบ่งงานกันตามพื้นที่ แต่ละกองทัพภาคก็ดูแลพื้นที่ของตัวเองไป ส่วนกองทัพภาคที่ 1 และ 3 ถือว่าหนักหน่อย ต้องทำให้เต็มที่ ซึ่งการที่รัฐบาลการันตีว่าน้ำไม่ท่วมนั้นไม่ใช่ว่าจะไม่ท่วมเลย แต่จะท่วมบางจุดที่เคยท่วมทุกๆ ปี ตั้งแต่สมัยโบราณ ทางทหารถือว่าทำเต็มที่แล้วในเรื่องการบรรเทาสาธารณภัย อย่างไรก็ตาม ถ้าหากกองทัพภาคใดกำลังไม่พอก็สามารถดึงกองทัพภาคต่างๆ ที่ว่างมาช่วยได้ ในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทยมีหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และมีหน่วยงานอื่นมาสนับสนุน ทาง พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ท่านทำทั้งหมด ตนแทบไม่ต้องดูแลอะไร น้องๆ ของตนทุกคนทำงานได้เฉียบขาดและทำได้เต็มที่ ไม่ต้องไปดูอะไรมาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กองทัพเรือจัดหาเรือฟริเกตสมรรถสูงเข้าประจำการว่า กองทัพเรือได้ขอจัดซื้อเรือฟริเกตแค่ 1 ลำ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ไม่ได้ซื้อ 2 ลำตามที่เป็นข่าว ส่วนที่ต้องนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะวงเงินดังกล่าวต้องผูกพันงบประมาณหลายปี เป็นไปตามกฎหมาย และเงินดังกล่าวเป็นเงินที่กองทัพเรือได้รับประจำปีของเขา ไม่ใช่เงินที่รัฐบาลให้พิเศษมา สำหรับเรือฟริเกตเป็นเรือขนาดใหญ่ประมาณ 4 พันตัน ที่กองทัพเรือมีความต้องการจึงได้มีการจัดซื้อ เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดที่กองทัพเรือมี ยกเว้นเรือจักรีนฤเบศร ทำการรบได้ 3 มิติ คือ การต่อต้านอากาศยาน เรือรบผิวน้ำ และเรือใต้น้ำได้ ความจริงกองทัพเรือมีความต้องการหลายลำ แต่ปัจจุบันมีประจำการแล้ว 4 ลำ ซึ่งใน 4 ลำอายุ 30 กว่าปี 2 ลำ อีก 3 ปีก็จะปลดประจำการแล้ว ซึ่งจะเหลือแค่ 2 ลำ จึงได้ซื้อใหม่ 1 ลำ ทั้งนี้เรือที่มีอยู่ 2 ลำ คือ เรือนเรศวร และเรือตากสิน ซึ่งอายุ 17-18 ปีก็ต้องได้รับการปรับปรุงด้วย
รมว.กลาโหมยังกล่าวถึงการล็อกสเปกซื้อจากประเทศจีนว่า เรื่องการเลือกแบบเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือในการเลือก จะซื้อจากที่ไหนยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ใบเสร็จ ซึ่งทางกองทัพเรือต้องไปพิจารณาเองว่าเรือแบบไหนที่เหมาะกับเขาและอยู่ในวงเงินนี้ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการที่รัฐบาลอนุมัติโครงการนี้ไม่ได้ปลอบใจเพื่อทดแทนที่ไม่ได้ซื้อเรือดำน้ำ เพราะตรงนี้เป็นเงินของกองทัพเรือเองที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเรือดำน้ำยังหาไม่ได้ ก็ต้องซื้อเรือฟริเกตไปก่อน สำหรับโครงการซื้อเรือดำน้ำจะมีต่อหรือไม่นั้น ทางกองทัพเรือก็ยังมีอยู่ แต่การหาเรือดำน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาที่จะหาเรือดำน้ำที่เหมาะสม