เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้กองทัพเรือจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงเข้าประจำการว่า กองทัพเรือได้ขอจัดซื้อเรือฟริเกต แค่ 1 ลำ วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ไม่ได้ซื้อ 2 ลำ ตามที่เป็นข่าว
ส่วนที่ต้องนำเข้าที่ประชุมครม. เพราะวงเงินดังกล่าวต้องผูกพันงบประมาณหลายปี เป็นไปตามกฎหมาย และเงินดังกล่าวเป็นเงินที่กองทัพเรือได้รับประจำปีของเขา ไม่ใช่เงินที่รัฐบาลให้พิเศษมา
สำหรับเรือฟริเกต ที่จะซื้อเป็นเรือขนาดใหญ่ระวางขับน้ำประมาณ 4 พันตัน ที่กองทัพเรือมีความต้องการ จึงได้มีการจัดซื้อ เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดที่กองทัพเรือมี ยกเว้นเรือจักรีนฤเบศร์ ทำการรบได้ 3 มิติ คือ การต่อต้านอากาศยาน รบผิวน้ำ และใต้น้ำได้ ความจริงกองทัพเรือมีความต้องการหลายลำ แต่ปัจจุบันมีประจำการแล้ว 4 ลำ ซึ่งใน 4 ลำ อายุ 30 กว่าปี 2 ลำ อีก 3 ปี ก็จะปลดประจำการแล้ว ซึ่งจะเหลือแค่ 2 ลำ จึงได้ซื้อใหม่ 1 ลำ ทั้งนี้ เรือที่มีอยู่ 2 ลำ คือ เรือนเรศวร และเรือตากสิน ซึ่งอายุ 17-18 ปี ก็ต้องได้รับการปรับปรุงด้วย
รมว.กลาโหม ยังกล่าวถึงการล็อกสเปกซื้อจากประเทศจีนว่า เรื่องการเลือกแบบเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือในการเลือก จะซื้อจากที่ไหน ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ใบเสร็จ ซึ่งทางกองทัพเรือต้องไปพิจารณาเองว่า เรือแบบไหนที่เหมาะกับเขา และอยู่ในวงเงินนี้ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการที่รัฐบาลอนุมัติโครงการนี้ ไม่ได้เป็นการปลอบใจ เพื่อทดแทนที่ไม่ได้ซื้อเรือดำน้ำ เพราะตรงนี้เป็นเงินของกองทัพเรือเองที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเรือดำน้ำยังหาไม่ได้ ก็ต้องซื้อเรือฟรีเกตไปก่อน สำหรับโครงการซื้อเรือดำน้ำ จะมีต่อหรือไม่นั้น ทางกองทัพเรือก็ยังมีอยู่ แต่การหาเรือดำน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาที่จะหาเรือดำน้ำที่เหมาะสม
พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงผู้มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ว่า ปลัดกระทรวงกลาโหม และคนที่เข้ามาใหม่ เป็นคนที่ตนต้องมาทำงานร่วมกัน ต้องมีความมั่นใจซึ่งกันและกันในการทำงาน จะเป็นใครไม่สำคัญ แต่ให้ทำงานด้วยกันได้ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า ได้เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านยังกังวลเรื่องปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่ได้กังวลอะไร เวลาเดินก็ต้องสะดุดบ้าง ก็ลุกขึ้นมาเดินต่อไป และก็จะไม่ย้อนมาพูดเรื่องสะดุด ส่วนเรื่องโผทหารนั้น ไม่มีการพูด อย่าเอาท่านมายุ่ง อย่าไปคิดว่าท่านจะมายุ่ง โผไหนก็ไม่มี ตนดูแลกองทัพได้ มีทีมงาน มีน้องดีๆที่ดูแลอยู่ ซึ่งตนทำได้ และก็ดูแลได้ ใครแนะนำมา ตนก็ฟัง
ส่วนที่ต้องนำเข้าที่ประชุมครม. เพราะวงเงินดังกล่าวต้องผูกพันงบประมาณหลายปี เป็นไปตามกฎหมาย และเงินดังกล่าวเป็นเงินที่กองทัพเรือได้รับประจำปีของเขา ไม่ใช่เงินที่รัฐบาลให้พิเศษมา
สำหรับเรือฟริเกต ที่จะซื้อเป็นเรือขนาดใหญ่ระวางขับน้ำประมาณ 4 พันตัน ที่กองทัพเรือมีความต้องการ จึงได้มีการจัดซื้อ เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดที่กองทัพเรือมี ยกเว้นเรือจักรีนฤเบศร์ ทำการรบได้ 3 มิติ คือ การต่อต้านอากาศยาน รบผิวน้ำ และใต้น้ำได้ ความจริงกองทัพเรือมีความต้องการหลายลำ แต่ปัจจุบันมีประจำการแล้ว 4 ลำ ซึ่งใน 4 ลำ อายุ 30 กว่าปี 2 ลำ อีก 3 ปี ก็จะปลดประจำการแล้ว ซึ่งจะเหลือแค่ 2 ลำ จึงได้ซื้อใหม่ 1 ลำ ทั้งนี้ เรือที่มีอยู่ 2 ลำ คือ เรือนเรศวร และเรือตากสิน ซึ่งอายุ 17-18 ปี ก็ต้องได้รับการปรับปรุงด้วย
รมว.กลาโหม ยังกล่าวถึงการล็อกสเปกซื้อจากประเทศจีนว่า เรื่องการเลือกแบบเป็นหน้าที่ของกองทัพเรือในการเลือก จะซื้อจากที่ไหน ยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่ได้ใบเสร็จ ซึ่งทางกองทัพเรือต้องไปพิจารณาเองว่า เรือแบบไหนที่เหมาะกับเขา และอยู่ในวงเงินนี้ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าการที่รัฐบาลอนุมัติโครงการนี้ ไม่ได้เป็นการปลอบใจ เพื่อทดแทนที่ไม่ได้ซื้อเรือดำน้ำ เพราะตรงนี้เป็นเงินของกองทัพเรือเองที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเรือดำน้ำยังหาไม่ได้ ก็ต้องซื้อเรือฟรีเกตไปก่อน สำหรับโครงการซื้อเรือดำน้ำ จะมีต่อหรือไม่นั้น ทางกองทัพเรือก็ยังมีอยู่ แต่การหาเรือดำน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลาที่จะหาเรือดำน้ำที่เหมาะสม
พล.อ.อ.สุกำพล ยังกล่าวถึงผู้มาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ว่า ปลัดกระทรวงกลาโหม และคนที่เข้ามาใหม่ เป็นคนที่ตนต้องมาทำงานร่วมกัน ต้องมีความมั่นใจซึ่งกันและกันในการทำงาน จะเป็นใครไม่สำคัญ แต่ให้ทำงานด้วยกันได้ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อถามว่า ได้เดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ท่านยังกังวลเรื่องปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ไม่ได้กังวลอะไร เวลาเดินก็ต้องสะดุดบ้าง ก็ลุกขึ้นมาเดินต่อไป และก็จะไม่ย้อนมาพูดเรื่องสะดุด ส่วนเรื่องโผทหารนั้น ไม่มีการพูด อย่าเอาท่านมายุ่ง อย่าไปคิดว่าท่านจะมายุ่ง โผไหนก็ไม่มี ตนดูแลกองทัพได้ มีทีมงาน มีน้องดีๆที่ดูแลอยู่ ซึ่งตนทำได้ และก็ดูแลได้ ใครแนะนำมา ตนก็ฟัง