“ธนะศักดิ์” ยัน ทหาร-ตำรวจ เป็นหนึ่งเดียวพร้อมทำงานแก้ไขวิกฤตชาติ ชี้เหตุคนเขมรไม่พอใจนักข่าวช่อง 3 ไม่กระทบความสัมพันธ์ ไทย-เขมร เพราะเป็นเรื่องเข้าใจผิด เชื่อมือตำรวจดูแลไฟใต้ เตรียมเชิญ “สหรัฐฯ – จีน” ร่วมฝึก เอชเอดีอาร์ ปี 57 ชี้ยังไม่ได้ข้อสรุปสหรัฐฯ เชิญพม่าฝึกคอบร้าโกลด์ปีหน้า
วันนี้ (19 ต.ค.) ที่กองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เป็นประธานมอบเครื่องหมายความสามารถต่อต้านการก่อการร้าย ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) หลังจากนั้นได้การประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1 / 2556 ทั้งนี้พล.อ.ธนะศักดิ์ได้กล่าวเน้นย้ำและให้แนวทางการดำเนินงานของกองทัพไทย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์ป้องกันประเทศกระทรวงกลาโหม ทั้งการเตรียมความพร้อมในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ มุ่งเน้นการรักษาความมั่นคงของชาติตามแนวชายแดนทั้งทางบกและทะเล การปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ การพัฒนาประเทศ และการช่วยเหลือประชาชน การช่วยเหลือสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ โดยในการดำเนินการให้คำนึงถึงการสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวของทุกเหล่าทัพและตำรวจ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญความร่วมมือและความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการปฏิบัติการทางทหารที่ไม่ใช่สงคราม ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมของกองทัพในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
“ทหาร 3 เหล่าทัพ และตำรวจเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ถ้าเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ สามารถแก้ไขปัญหา เราเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และยึดหลักประชาธิปไตย พร้อมที่จะแก้ไขวิกฤตการณ์ของประเทศชาติ และช่วยเหลือประชาชน ส่วนการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้ง3 เหล่าทัพและตำรวจมีความพร้อมเช่นกัน ยืนยันว่าเหล่าทัพและตำรวจมีความเป็นเอกภาพในการทำงาน เพราะเป็นหน่วยที่มีวินัย และยึดระเบียบขอบเขตความรับผิดชอบ ส่วนผบ.ทอ.และผบ.ตร.คนใหม่ ทางเหล่าทัพก็มีความสนิทสนมกันดี และเคยทำงานร่วมกันมาก่อน จึงมั่นใจได้ว่า ผบ.เหล่าทัพทุกคนคือหนึ่งเดียว ส่วนกรณีทีประชาชนชาวกัมพูชาไม่พอใจผู้สื่อข่าวช่อง 3 นั้นก็ไม่น่าจะมีปัญหา และไมน่าจะกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกฯ และรมว.กลาโหมจะเดินทางไปเคารพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ ที่สำคัญทางด้านการทหารยิ่งมีความแน่นแฟ้น เนื่องจากมีการพูดคุยกันตลอด ดังนั้นใครที่พยายามสร้างความเข้าใจผิดนั้นคือผู้หวังดี” ผบ.สส. กล่าว
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมในการดูแลสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ผบ.ตร.คนใหม่ก็ทำงานในพื้นที่มานานแล้ว ส่วนเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นต้องใช้กลไกของภาครัฐทั้งหมด โดยเฉพาะ 17 กระทรวง 66 หน่วยงาน ซึ่งกองทัพเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปแก้ไขปัญหา ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้ให้อำนาจและบูรณาการกับ ผบ.ทบ. หากเราแข็งแรงเราก็สามารถเดินเร็ว ซึ่งทุกคนต้องพยายามฟิตร่างกายเพื่อให้เดินเท่าๆ กัน โดยเฉพาะตามกฎ กติกา เมื่อหัวดีแล้วก็มั่นใจว่าทุกอย่างจะออกมาดี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะคนจ้องทำกับคนไม่จ้องทำนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อแนวทางของทหารและตำรวจออกมาในทิศทางที่ดีก็ขอให้มั่นใจ เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา
ต่อมาเวลา 13.00 น. พล.อ.ธนะศักดิ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (เอชเอดีอาร์) ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี ซึ่งการจะทำอะไรต้องมีการทดลองฝึกให้ เพื่อให้รู้ว่าเป็นอย่างไรก่อนที่จะพัฒนา ซึ่งปี 2557 ไทยจะเป็นเจ้าภาพฝึก เอชเอดีอาร์ ในอาเซียน 10 ประเทศ โดยจะเชิญสหรัฐอเมริกาและจีนเข้ามาร่วมการฝึกด้วย ถ้าทุกประเทศร่วมมือกันก็จะเป็นประโยชน์ที่ดี ทั้งนี้ทหารฝึกเพื่อความพร้อมทุกรูปแบบ ส่วนการที่สหรัฐฯ มุ่งมาที่ทะเลจีนใต้ ทางผบ.เหล่าทัพจกเป็ฯต้องหารือกันหรือไม่นั้น ต้องมีการทบทวนหารือเรื่องการถ่วงดุลอำนาจ เพราะการที่สหรัฐฯเข้ามา เนื่องจากเห็นว่าในภูมิภาคนี้มีความสนิทสนมและคุ้นเคยกัน โดยเฉพาะไทยมีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯมา 180 ปี ถือเป็นพันธมิตรที่ยาวนาน จากเดิมที่ไปโฟกัสเรื่องตะวันออกกลางหรือเรื่องการก่อการร้าย แต่ตอนนี้เห็นว่ามีความจำเป็นในเรื่องนี้ จึงทำให้ขณะนี้สหรัฐฯและจีนมีความร่วมมือเรื่องนี้กันมาก ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าสหรัฐฯ เชิญประเทศพม่าเข้าไปหนึ่งในการฝึกคอบบร้าโกลล์ในปีหน้านั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป จะต้องมีการหารืออีกครั้งหนึ่ง โดยจะมีการประชุมร่วมกันประมาณสิ้นเดือน ต.ค.นี้