xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กจิน-อดุลย์” เดินสายพบ รมว.กห.-ผบ.เหล่าทัพ ถกความมั่นคง-ดับไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง (แฟ้มภาพ)
“ประจิน-อดุลย์” เดินสายพบ “รมว.กลาโหม-ผบ.เหล่าทัพ” สานสัมพันธ์ทหาร ตำรวจ แน่นแฟ้นพร้อมหารือดับไฟใต้ ยันทหารเป็นปึกแผ่นช่วยรัฐบาลให้เข้มแข็ง ด้าน “ไพบูลย์” รับมอบเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ย้ำป้องสถาบัน ไม่ยอมให้ใครทำลาย บอกเลิกพูดเรื่องปฏิวัติ ปล่อยบ้านเมืองเดินหน้า หนุนรัฐบาลเต็มที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. วันนี้ (2 ต.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หลังเข้ารับตำแหน่งใหม่เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งได้มีการพูดคุยหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงทั่วไป และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

จากนั้น พล.อ.อ.ประจิน และพล.ต.อ.อดุลย์ ได้เดินทางไปยังกองทัพเรือ เพื่อพูดคุยกับ พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ก่อนที่ทั้ง พล.อ.อ.ประจิน และ พล.ต.อ.อดุลย์ จะเดินทางมาพบ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม และพล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่กระทรวงกลาโหม จากนั้นได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่กองบัญชาการกองทัพไทยต่อไป

โดย พล.อ.อ.ประจินกล่าวภายหลังการเข้าพบ พล.อ.อ.สุกำพลว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้รับหน้าที่ ผบ.ทอ. จึงเดินทางเข้าพบ รมว.กลาโหม ซึ่งถือป็นการเดินทางมาเข้าพบตามปกติ และเป็นธรรมเนียมของทหารที่จะเดินทางมาพบผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดย รมว.กลาโหมให้กำลังใจ และให้ดูแลภารกิจของกองทัพอย่างเต็มที่ บูรณาการร่วมกันกับภาคส่วนอื่นๆ รวมถึงอยากให้เหล่าทัพมีความรัก ความสามัคคี และร่วมพลังทำงาน รวมถึงดำรงขีดความสามารถของกองทัพในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

ทั้งนี้ รมว.กลาโหมยินดีที่จะเห็นการทำงานร่วมกันของเหล่าทัพ หน่วยงานความมั่นคง และตำรวจ ซึ่ง รมว.กลาโหมตั้งความหวังว่า การทำงานของทุกหน่วย เพื่อทำให้เกิดความสงบสุข และให้ประชาชนเกิดความมั่นใจมากขึ้น ส่วนอากาศยานที่สนับสนุนภารกิจในภาคใต้นั้น เรามีทั้งเครื่องบิน ซี 130 ที่ใช้ในภารกิจส่งกำลังบำรุง ผลัดเปลี่ยนกำลังพล ยุทโธปกรณ์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องบิน เอยู 23 ส่วนหนึ่งไปลาดตระเวน รวมถึงเครื่องบิน ไดมอนด์พร้อมติดกล้อง

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ส่วนกรณีที่นาซ่าจะเข้ามาขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภานั้น ในส่วนเส้นทางการบิน ทางกองทัพอากาศกับสถานีการบินจะร่วมรับผิดชอบ ส่วนรัฐบาลจะลงมาช่วยให้คำแนะนำ ทั้งนี้ทางกองทัพอากาศจะช่วยดูแลให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด ส่วนที่รัฐบาลอาจจะมองว่า การเป็นปึกแผ่นของกองทัพอาจทำให้เกิดการปฏิวัตินั้น ต้องดูว่าหน่วยงานของราชการเป็นปึกแผ่นที่จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ทำให้รัฐบาลเกิดความเข้มแข็งและทำประโยชน์กับประชาชน ถือเป็นประโยชน์ในภาพรวม

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์กล่าวว่า ทางตำรวจเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงจึงได้มารายงานตัวเพื่อทำงานร่วมกันทั้งในพื้นที่ภาคใต้ ปัญหายาเสพติด ซึ่ง รมว.กลาโหมและ ผบ.ทบ.ได้เน้นการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ซึ่งจากการพูดคุยกัน ต้องมีการปรับแก้อะไรบางอย่าง แต่ที่ผ่านมาถือว่าดีแล้ว ส่วนนำทหารเกณฑ์มาเป็นตำรวจเพี่อลงไปในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คงมีการเปิดรับสมัครในเดือนหน้า และจะมีการฝึกเลย โดยใช้เวลาฝึก 4-5 เดือน ก็จะสามารถปฏิบัติงานได้ ซึ่งกำลังที่จะเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 5,000 ก็ถือว่าโอเค ส่วนการเข้าพบครั้งนี้เพราะตนมีความแน่นแฟ้นกับกองทัพอยู่แล้ว ซึ่งในฐานะที่เราต่างเป็นเพื่อนพี่น้องกัน คงช่วยกันทำงานแน่นอน

วันเดียวกัน ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เสนาธิการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ได้ประกอบพิธีส่งมอบหน้าที่แม่ทัพภาคที่ 1 ให้กับ พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1

โดย พล.ท.ไพบูลย์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้วางกรอบการทำงานชัดเจน แต่เรื่องสำคัญ คือ ผู้บังคับหน่วยรองจะต้องนำไปสู่ปฏิบัติให้ได้ถือเป็นโจทย์สำคัญในการบริหารจัดการ ซึ่งงานทั้งหมดต้องเดินด้วยผู้บังคับกองพันเป็นหลัก ดังนั้นต้องคัดเลือกผู้บังคับกองพันให้ดี ส่วนการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อุดมเดช ได้ประกาศชัดเจนว่า สถาบันทหารยอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาละเมิด หรือทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

ส่วนบางสถานการณ์ที่กองทัพภาคที่ 1 จะต้องเข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยนั้น กองทัพภาคที่ 1 คงไม่สามารถดำเนินการได้เอง แต่เป็นเรื่องที่ผู้บัญชาการทหารบกจะเป็นผู้สั่งการ และรัฐบาลจะต้องประเมินว่า จำเป็นจะต้องใช้หน่วยงานทหารอย่างไร หากประเมินว่าจำเป็นก็จะต้องมีการร้องขอมายังกองทัพบก ซึ่งการที่กองทัพภาคที่ 1 ใกล้กับศูนย์อำนาจ และเหตุการณ์ความไม่สงบในเรื่องราวต่างๆ ทำให้กองทัพภาคที่ 1 มักเข้าไปเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ คำขวัญของกองทัพบก คือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน แต่สุดท้ายแล้ว คือ จะต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชน อีกทั้ง ผบ.ทบ.พูดเสมอว่ากองทัพบกต้องเป็น

หน่วยงานแรกที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนไม่ต้องสั่งการอะไร จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทันทีหากเกิดพิบัติภัย ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ลำบากใจหรือไม่ในฐานะที่กองทัพภาคที่ 1 เป็นหน่วยคุมกำลังหลัก เพราะการเมืองอาจจะเปลี่ยนผันจนส่งผลการปฏิวัติรัฐประหาร พล.ท.ไพบูลย์กล่าวว่า ไม่หนักใจอะไร ตนเคยเป็นผู้บังคับการ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) และอยู่ในเหตุการณ์ทางการเมืองมาตลอด จนกระทั่งมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ตนค่อนข้างมีประสบการณ์เรื่องนี้ และคิดว่า การที่ ผบ.ทบ. บอกว่า ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร มันน่าจะพอได้แล้ว มันควรจะพูดได้ว่าวันนี้บ้านเมืองควรจะเดินหน้าไปอย่างไร วันนี้ไม่ใช่คิดว่า เราได้ตำแหน่งนี้แล้วเราจะอยู่ในตำแหน่งให้มันหมดไปวันๆ โดยไม่คิดว่าเราจะทำอะไร ถามว่า อีก 5-10 ปีข้างหน้าจะเรียบร้อยอย่างไร ไม่อย่างนั้นลูกหลานคงจะมาตำหนิพวกเรา ดังนั้นเราต้องดูแลบ้านเมืองให้เรียบร้อย กองทัพภาคที่ 1 ถือเป็นปัจจัยส่วนหนึ่งของรัฐบาล ดังนั้นจะต้องสนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร เราจะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อนำไปสู่ความเรียบร้อย
กำลังโหลดความคิดเห็น