โฆษก ปชป.จวก รบ.ไม่มีปัญญาระบายข้าว หลังดิ้นขอใช้ดอนเมืองค่ายทหารเก็บข้าว ชี้ขายข้าวหมดยังขาดทุน 176,000 ล้าน ยกรายงานวิชาการเผย ถึงชาวนา 50,000 ล้าน ส่วน 120,000 ล้าน โกงกันแหลก ท้าจริงใจแจกเงินขาดทุนให้ชาวนาไม่ต้องรองบถูกเขมือบ-อัดนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ ทำเกษตรปลูกปาล์มย่ำแย่ แถมราคาน้ำมันปาล์มดิบกลับสูงสวนทาง
วันนี้ (14 ต.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลว่า ขณะนี้สต๊อกข้าวของรัฐบาลพุ่งขึ้นสูงจนไม่มีที่เก็บข้าว จนต้องมีความพยายามใช้คลังสินค้าของสนามบินดอนเมือง หรือสถานที่เก็บสินค้าของทหารและเอกชนเป็นที่เก็บข้าว จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่สามารถระบายข้าวในสต๊อกออกได้ และตัวเลขการส่งออกก็ขอประณาม เพราะไม่มีการส่งออกข้าวให้ประเทศใดๆ ในรูปแบบจีทูจี แต่มีตัวเลขที่อาจจะชี้ให้เห็นว่าถ้าเราไม่มีโครงการรับจำนำข้าว แต่เอาเงินที่ขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวไปแจกให้เกษตรกรโดยตรงจะได้เท่าไหร่นั้น ขณะนี้มีตัวเลขโดยประเมินเมื่อฤดูกาลผลิตที่ผ่านมาที่ใช้เงินกว่า 4 แสนล้านบาท ถ้าข้าวทุกตันของรัฐบาลสามารถระบายไปสู่ตลาดโลกได้ในราคา 16,300 บาทต่อตัน รัฐบาลจะขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวในฤดูกาลที่ผ่านมา 176,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว ตามรายงานของสถาบันศึกษา เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หรือสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เงินที่ถึงเกษตรกรอย่างแท้จริงจะมากที่สุดแค่ 50,000 ล้านบาท และจะถึงมือเกษตรกร 1 ล้านครัวเรือน ในครัวเรือนละ 50,000 บาท แต่เงินกว่า 120,000 ล้านบาทกลับถูกโกงกินคอร์รัปชันโดยพ่อค้าคนกลาง นักการเมือง และโรงสี
“ผมขอท้ารัฐบาลว่าเงิน 176,000 ล้านบาท ท่านแจกโดยตรงไปยังเกษตรกร 1 ล้านครัวเรือน จะทำให้เกษตรกรได้รับเงินโดยตรง 176,000 บาทต่อครัวเรือน แต่ข้อเท็จจริงประเทศไทยมีเกษตรกรกว่า 4 ล้านครัวเรือน ถ้ารัฐบาลมีความจริงใจเอาเงิน 176,000ล้านบาท แจกเกษตรกร 4 ล้านครัวเรือนก็จะได้ครัวเรือนละ 44,000 บาท เท่ากับชาวนาทั้งประเทศจะได้เงินจากโครงการรับจำนำข้าวโดยไม่ต้องปลูกข้าว และถ้ารัฐบาลมีความจริงใจก็นำผลการขาดทุนทั้งหมดในปีหน้าแจกให้เกษตรกรโดยตรงในทุกครัวเรือน” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า ขณะนี้เกษตรชาวสวนปาล์มที่ภาคใต้กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเพราะผลผลิตปาล์มราคาตกต่ำ โดยราคาปาล์มทะลายในขณะนี้ ผลปาล์มสดรับซื้อแค่กิโลกรัมละ 3 บาท ทั้งที่สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เคยมีราคาสูงถึง 7-8 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งราคาที่ตกต่ำเนื่องจากรัฐบาลนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 4 หมื่นตันจากประเทศอินโดนีเซีย ที่แม้ขณะนี้จะนำเข้ามาเพียง 1 หมื่นตันและกำลังจะนำเข้าอีก 1 หมื่นตัน ก็เป็นการส่งสัญญาณในการกดราคาน้ำมันปาล์มในประเทศ ซึ่งไม่อยากให้เกษตรกรสวนปาล์มต้องออกมาปิดถนนประท้วงหรือเดินทางมาประท้วงรัฐบาลที่กรุงเทพมหานคร จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนด้วย โดยการตัดสินใจระงับการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเพื่อมากดราคาของเกษตรกร
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า แต่มีเรื่องแปลกใจ คือการที่รัฐบาลระบุว่านำเข้าน้ำมันปาล์มเพื่อทำให้น้ำมันปาล์มดิบในประเทศถูกลง แต่ปรากฏว่าขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศก็ไม่ได้ถูกลง โดยมีราคาขวดละ 42-45 บาท ซึ่งไม่ได้แตกต่างกับช่วงที่ราคาผลผลิตปาล์มมีราคา 7-8 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ อยากถามรัฐบาลว่าเมื่อสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ ราคาผลปาล์ม 7-8 บาทก็ควบคุมราคาน้ำมันปาล์มให้อยู่ในราคาขวดละ 45 บาท แต่ทำไมพวกท่านจงใจนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบเข้ามาเพื่อกระชากราคาน้ำมันปาล์มในประเทศลดลง จนผลผลิตมีราคาเหลือ 3 บาท แต่ทำไมราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มแต่ละขวดไม่ได้ลดลงตามราคาผลปาล์มที่เหลือ 3 บาท และหากเปรียบเทียบว่าราคาผลผลิตปาล์ม ราคา 3 บาท น้ำมันปาล์มก็จะเหลือขวดละ 20 บาท