รองโฆษกรัฐบาลเผยมติที่ประชุม ครม.ตั้ง 9 กก.ผู้ทรงคุณวุฒิใน กก.คดีพิเศษ “ชัยเกษม-สุชาติ” โผล่ด้วย - รับทราบรายงาน กก.ปาล์มพบปริมาณเหลือแค่ 1.2 แสนตัน ต่ำกว่าวิกฤต อนุมัติงบกลาง 24 ล้านชดเชย อคส.นำเข้า 3 หมื่นตัน - จ่อชง กมธ.งบปี 56 ของบเพิ่มอีก 7.3 หมื่นล้าน เห็นชอบแผนงานอีสาน 8 จว.รวม 1.2 แสนล้าน
วันนี้ (30 ก.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ประชุมมีมติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคดีพิเศษ 9 ราย เพื่อทำหน้าที่แทนกรรมการชุดเดิมที่จะหมดวาระลงในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ดังนี้ 1. นายไกรสร บารมีอวยชัย ด้านกฎหมายและบริหารงานยุติธรรม 2. นายชัยเกษม นิติสิริ ด้านกฎหมายและกระบวนการดำเนินคดีอาญา 3. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ ด้านกฎหมายและการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ 4. นายประดิษฐ์ เอกมณี ด้านกฎหมายและการพิจารณาพิพากษาคดี 5. นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินการธนาคาร 6. นายมหิดล จันทรางกูร ด้านการเงินการธนาคารและเทคโนโลยีสารสนเทศ 7. นพ.เรวัต วิศรุตเวช ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข 8. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ด้านกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา และ 9. นายอนุพร อรุณรัตน์ ด้านกฎหมายและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. พ.ศ. 2555
ด้าน นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับมาตรการชดเชยราคานำเข้าน้ำมันปาล์มว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานของ คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่ได้กำหนดระดับสต๊อกของน้ำมันปาล์มที่ปลอดภัยไว้ที่ 200,000 ตัน และระดับเตือนภัยที่ 168,000 ตัน ขณะที่ระดับวิกฤตอยู่ที่ 135,000 ตัน โดยล่าสุดจากการตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มทุกชนิดทั้งระบบเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าปริมาณน้ำมันปาล์มสำหรับการบริโภคเหลือเพียง 124,000 ตัน ซึ่งต่ำกว่าระดับวิกฤตที่กำหนดไว้ ที่ประชุมจึงได้อนุมัติงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายฉุกเฉิน จำนวน 24 ล้านบาท เพื่อชดเชยผลการขาดทุนของ องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในการนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จำนวน 30,000 ตันในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้ โดยจะจ่ายตามผลขาดทุนที่เกิดขึ้นจริง
ขณะที่ นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สำนักงานประมาณได้เสนอ ครม.เพื่อขอเพิ่มการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 สภาผู้แทนราษฎร อีกจำนวน 73,088.5 ล้านบาท จากที่หน่วยงานต่างๆได้เสนอเข้ามาทั้งสิ้น 311,666.5 ล้านบาท โดยมีรายการที่น่าสนใจ อาทิ งบกลางขอเพิ่ม 6,735 ล้านบาท กระทรวงการคลังขอเพิ่ม 5,190.9 ล้านบาท กระทรวงคมนาคมขอเพิ่ม 11,549.5 ล้านบาท กระทรวงมหาดไทยขอเพิ่ม 10,033.2 ล้านบาท กระทรวงศึกษาธิการ ขอเพิ่ม 7,015.5 ล้านบาท และรัฐวิสาหกิจขอเพิ่ม 12,726.2 ล้านบาท เป็นต้น โดยเมื่อผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วจะนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณฯในวันที่ 31 ก.ค.นี้
นายชลิตรัตน์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้เห็นชอบสาระสำคัญข้อเสนอแผนงานและโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) และตอนล่าง 2 (อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร) รวม 8 จังหวัด จำนวน 402 โครงการ วงเงินรวม 123,662.44 ล้านบาท ทั้งนี้แบ่งเป็นแผนงานและโครงการด้านการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 241 โครงการ วงเงิน 17,739.50 ล้านบาท แผนงานโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ จำนวน 100 โครงการ วงเงิน 84,434.46 ล้านบาท โครงการด้านเศรษฐกิจ จำนวน 11 โครงการ วงเงิน 3,817.24 ล้านบาท แผนงานด้านสังคม จำนวน 47 โครงการ วงเงิน 12,644.25 ล้านบาท และโครงการด้านความมั่นคง จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 26.99 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากจำแนกเป็นรายจังหวัดจะสรุปได้ ดังนี้ จ.นครราชสีมา จำนวน 53 โครงการ วงเงิน 68,893.04 ล้านบาท จ.ชัยภูมิ จำนวน 11 โครงการ วงเงิน 6,565.07 ล้านบาท จ.บุรีรัมย์ จำนวน 21 โครงการ วงเงิน 2,179.62 ล้านบาท จ.สุรินทร์ จำนวน 234 โครงการ วงเงิน 10,495.38 ล้านบาท จ.อุบลราชธานี จำนวน 17 โครงการ วงเงิน 14,426.33 ล้านบาท จ.อำนาจเจริญ จำนวน 22 โครงการ วงเงิน 2,873.03 ล้านบาท จ.ศรีสะเกษ จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 7,305.87 ล้านบาท และ จ.ยโสธร จำนวน 6 โครงการ วงเงิน 2,725 ล้านบาท