xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ลั่นจากนี้ไปเดินหน้าเอาอัยการติดคุก แนะวิธีทวงคืน ปตท.“งดปันผล-ขึ้นค่าท่อ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” ลั่นจากนี้ไปพันธมิตรฯจะเดินหน้าเล่นงาน “จุลสิงห์-ชัยเกษม” ต้องเอาติดคุกให้ได้ เชื่อวันใดหมดอำนาจก็เหมือนหมาแก่ๆ ตัวหนึ่ง พร้อมแนะคลังทวงคืน ปตท.กลับเป็นของแผ่นดิน โดยการใช้อำนาจของผู้ถือหุ้นใหญ่ประกาศงดปันผล 5 ปี และขึ้นค่าเช่าท่อก๊าซ 10 เท่า เพื่อกดให้หุ้นตกลงเรื่อยๆ จนสามารถซื้อคืนได้


วันนี้ (12 ต.ค.) เมื่อเวลา 20.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV ตอนหนึ่ง ว่า กรณีอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องคดี 7 ตุลา เรามีคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ 3509/2549 เป็นบรรทัดฐานที่จะสามารถเล่นงานอัยการได้ คดีนี้เกิดขึ้นจากการที่มีผู้พิพากษาท่านหนึ่งถูกชนท้ายรถ และถูกคู่กรณีชกหน้า แต่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ลงข่าวว่า ผู้พิพากษาเป็นฝ่ายผิด ผู้พิพากษาท่านนี้จึงฟ้องเดลินิวส์ แต่ตำรวจกับอัยการไม่สั่งฟ้อง ท่านจึงฟ้องต่อศาลเอง สรุปศาลทุกชั้นตัดสินให้อัยการผิด และนี่จะเป็นบรรทัดฐานว่าต้องเอาอัยการติดคุกให้ได้ ก่อนหน้านี้อัยการนี่ไม่เคยโดนลุย จากนี้ไปพันธมิตรฯ จะลุยอัยการ จะฟ้องอัยการทุกคดี

พวกเราต้องเช็กบิล ปล่อยไปไม่ได้ และวันใดที่ นายนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด และนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด หมดอำนาจลง วันนั้นพันธมิตรฯจะเริ่มเช็กบิลย้อนหลัง คุณเคยเห็นหรือไม่ ผู้บัญชาการทหารบก หรือตำรวจบางคน ใหญ่มาก พอเกษียณอายุแล้ว หลังจากนั้น 5 ปี เดินเหมือนหมาแก่ๆ ตัวหนึ่ง อีกหน่อยก็จะเห็นอัยการบางคนเดินเหมือนหมาแก่ๆ และขี้เรื้อนด้วย

จากนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวถึง ปตท.ว่า ทางที่ดีที่สุดในการจัดการกับ ปตท.คือ ต้องทวงคืนกลับมาเป็นของประเทศ จะผิดตรงไหนในเมื่อรัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ต้องประชุมผู้ถือหุ้น แล้วก็บอกว่า ปตท.จากนี้ไป 5 ปี จะไม่ปันผล หุ้น ปตท.ก็จะตก แล้วท่อส่งก๊าซที่เช่าจากกระทรวงการคลัง ต้องขึ้นค่าเช่า 10 เท่า พอหุ้นตกลงเรื่อยๆ จนถึงราคาที่เราพอซื้อได้ก็ซื้อคืน แต่ถ้าไม่ยอมขายก็ขึ้นราคาค่าเช่าท่อไปทุกปี ไม่ปันผลต่อไปเรื่อยๆ แล้วก็เอาเงินที่ได้นี้ไปพัฒนาพลังงานทางเลือกและระบบขนส่งมวลชน ต้องเอามันคืนด้วยวิธีนี้ ในเมื่ออ้างว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ก็ต้องใช้วิธีตามตลาดหลักทรัพย์ เพราะก็มีหลายบริษัทที่เขาไม่ปันผลกัน

ส่วนกรณี นายเทพไท ไปทานข้าวกับ นายอริสมันต์ และ นายชวนนท์ ร่วมกินเลี้ยงกับ นายโภคิณ นายสนธิ กล่าวว่า นายชวนนท์ นั้น ตนรู้จักกับพ่อเขามานาน เห็นเขาตั้งแต่ยังเด็ก ก็ได้โทร.มาหาตน และบอกว่า ได้ไปทานข้าวกับพวกเพื่อไทยจริง แต่เป็นงานของพระปกเกล้า ตนก็ได้บอกไปว่า ต้องรู้สถานภาพตัวเองว่าวันนี้เป็นใคร ถ้าเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เฉยๆ ไปกินข้าวด้วยกันในฐานะเคยเรียนพระปกเกล้าด้วยกัน ไม่เป็นไร แต่นี่มาออกบลูสกายทีวี เป็นโฆษกของประชาธิปัตย์ ออกมาประณามพวกเพื่อไทยมากมาย แล้วประชาชนที่เขาไม่รู้เรื่องพอเห็นไปนั่งชนไวน์กับพวกพรรคเพื่อไทย ในใจเขาจะคิดอย่างไร ประชาชนก็จะมองว่าด้านหนึ่งออกมาด่า อีกด้านหนึ่งแอบชนแก้วไวน์กัน ซึ่งนายชวนนท์ก็ยอมรับ และบอกจากนี้ไปจะระวังตัว

ส่วนนายเทพไทนั้น ในที่สุดก็ยอมรับว่าไปจริง แต่ก็ยังกั๊กว่านั่งกันคนละโต๊ะไม่ได้คุยกัน ตนเลยอยากถามกลับบรรดาพวกแมลงสาบ ว่า คุณอยากเห็นการเมืองที่สะอาดใช่หรือไม่ ถ้าอยาก คุณเทพไท ไม่ควรที่จะไปเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากการไปครั้งนี้เป็นการใช้งบประมาณเพื่อไปเที่ยวลาสเวกัส แล้วไปดูงานอะไรที่ลาสเวกัส อีกทั้งก่อนไปก็ต้องรู้ว่ามีใครไปด้วย ถ้ามีชื่ออริสมันต์แล้วไปทำไม

นายสนธิ กล่าวต่อว่า แม่ยกประชาธิปัตย์หาว่าตนจะไม่เอามิตรแล้วใช่หรือไม่ ตนไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร แต่เราเป็นศัตรูกับความชั่ว ไม่ว่าความชั่วนั้นจะมาชั่วแบบโจ่งแจ้ง หรือแอบชั่ว เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้พวกพรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าใจตรงนี้ ไม่ใช่ตนไม่เอาแล้วจะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไป

ตนพูดชัดเจนมาตั้งนานแล้ว ที่ไม่เอาประชาธิปัตย์ เพราะไม่เคยมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่เคยมีความซื่อสัตย์ต่อประชาชน บางคนก็บอกว่าตนไม่ชอบนายสุเทพ ทำไมไม่เล่นงานนายสุเทพคนเดียว ตนอยากตอบว่าทุกวันนี้นายสุเทพ ก็ยังเชิดหน้าชูตาอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ แต่มาทำเป็นบอกว่า นายชวน นายบัญญัติ ไม่เอานายสุเทพแล้ว นี่ยิ่งแสดงว่า พรรคประชาธิปัตย์หน้าไหว้หลังหลอก ถ้าพรรคไม่เอานายสุเทพจริง ทำไมไม่ดำเนินการซักล้าง แต่นี่ยังโอบอุ้มเขาอยู่เหมือนเดิม

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า สามวันที่แล้ว มีข่าว นายอภิสิทธิ์ จี้ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ตนอยากถามว่า ทำไมตอนประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำ เข้าใจหรือยังพวกสาวกพรรคประชาธิปัตย์ เวลาว่าคนอื่นไม่เคยดูตัวพวกคุณเอง ที่ตนรับไม่ได้ และจะไม่มีวันรับเป็นอันขาด ถ้าพวกคุณยังมีสันดานเลวๆ แบบนี้ต่อ เมื่อไหร่จะยอมรับสักทีว่า ถ้าเพียงยอมรับผิดในอดีต ขอโทษประชา ชน ตนจะให้โอกาส แต่ชีวิตพวกคุณไม่เคยผิด พอตนพูดเรื่องไปคุยกับอริสมันต์ ก็มาโวยวาย แต่ทีมาหาว่าตนรับเงินนายทักษิณไม่รู้สึกกันบ้างหรือ

ข้อกล่าวหานี้มันเริ่มตอนที่เราเริ่มกระบวนการโหวตโน เพื่อทำลายความชอบธรรมโหวตโน ประกอบกับจะให้ข้อกล่าวหานี้มายุให้ตนออกไป ซึ่งวันที่ชุมนุมหน้าสภาตนก็ออก แต่พวกที่ร้องให้ชาวบ้านออกไปชุมนุม ไม่ว่าจะเป็น น.ส.อัญชลี ไพรีรัก นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หรือนายจิตกร บุษบา ทำไมที่กองปราบคุณไม่โผล่หน้าไป ที่หน้ารัฐสภาก็ไม่ไป ตนรำคาญพวกพรรคประชาธิปัตย์ คือ มันโง่ได้ใจ โง่ตรงที่ว่าตนเองผิด แต่ไม่เคยเห็นความผิดตนเอง แล้วไปเที่ยวป้ายร้ายป้ายสีคนอื่น และนี่ก็คือสันดานที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์

ตนไม่ได้เกลียดใคร แต่เห็นว่าใช้ไม่ได้ทั้งสองพรรค แล้วทำไมต้องไปจับมือประชาธิปัตย์เพื่อล้มทักษิณ ทำไมไม่ล้มเอง ในเมื่อมีทีวีตั้ง 3 ช่อง บลูสกาย ทีนิวส์ ไทยทีวีดี แล้วเงินที่เอามาทำทีวีเอามาจากไหน ตนขอท้าให้หงายบัญชีมาดู นายสุเทพ บอกว่า ได้เงินมาจากคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ค่าเช่าดาวเทียมเดือนนึงเป็นล้าน สามช่องก็ 3 ล้าน บวกค่าพนักงานสามช่อง เดือนนึงเกือบ 10 ล้านบาท ตนกล้าฟันธงได้เลยว่าเงินได้มาจากบางแห่งซึ่งอธิบายไม่ได้




คำต่อคำ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ศุกร์ที่ 12 ต.ค. 2555

รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ออกอากาศทางเอเอสทีวี วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม 2555 เวลา 20.00-22.30 น. ดำเนินรายการโดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล, นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ และ นายเติมศักดิ์ จารุปราณ ร่วมดำเนินรายการ

จินดารัตน์- สวัสดีคุณผู้ชมคะ ขอต้อนรับคุณผู้ชมเข้าสู่รายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ วันนี้แอนรับหน้าที่เป็นพิธีกรรับเชิญอีกหนึ่งครั้ง คุณเติมศักดิ์ จารุปราณ กำลังตามมา จะมาคุยกันเรื่องหลักๆ ที่บ้านเมืองเรากำลังให้ความสนใจ เพราะว่าความฉิบหายมันจะมาเยือนเร็วๆ นี้แล้วคะ คุณสนธิได้วิเคราะห์หลายเรื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นข่าวเป็นคราวนะคะคุณผู้ชม สัปดาห์นี้มีหลากหลายคำถามเข้ามา เห็นบอกว่า 300-400 คำถาม ตอบไม่หมดแน่นอน เลยคัดเอามาเฉพาะที่เห็นว่า มันเป็นเหตุการณ์บ้านเมือง และเรื่องสำคัญที่คุณผู้ชมอยากจะทราบ พี่น้องพันธมิตรฯ อยากจะทราบ คัดมาให้คุณผู้ชมได้รับคำตอบกันในวันนี้ ในช่วงท้ายรายการ ที่สำคัญเราจะเปิดสายคุยกันด้วย เพราะว่าครั้งที่แล้วเขาบอกว่า แหมติดใจ ดีใจมากเลยที่ได้คุยกับคุณสนธิ เราไม่เสียเวลาคะ เรามาพบกับเจ้าของรายการกันเลยดีกว่านะคะ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล สวัสดีคะคุณสนธิคะ

สนธิ- สวัสดีครับ แอนครับ

จินดารัตน์- เห็นบอกว่า อาทิตย์ที่แล้วนั่งตอบคำถามตลอดทั้งสัปดาห์เลยหรอคะ

สนธิ- พยายามตอบครับคุณแอน แต่ว่าจะเลือกตอบเฉพาะคำถามที่ เขาต้องการคำตอบจริงๆ แต่เห็นใจหลายๆ คน ส่วนใหญ่จะส่งข้อความเป็นการให้กำลังใจมา ขอบคุณเขาไป แรกๆ ตอบเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเป็นคนซึ่งพิมพ์ภาษาอังกฤษ คล่องกว่าภาษาไทย เพราะภาษาไทยพิมพ์ช้า มีคนติดตามรายการ คนอื่นท่านถามเรื่องเกี่ยวกับเรื่องการนั่งสมาธิ เลยตอบเป็นภาษาอังกฤษ ท่านตอบบอกว่า ขอเป็นภาษาไทยได้ไหมคะ ปรากฏว่าแฟนรายการคนหนึ่งแปลให้เสร็จเลย แปลให้เสร็จเรียบร้อย คุณสนธิบอกอย่างนี้ ถามอย่างนี้บอกว่า การนั่งสมาธิผมใช้แนวของใคร และใครสอน จริงๆ แล้วผมบอกว่า การนั่งสมาธิไม่จำเป็นจะต้องมีรูปแบบ ถ้าเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์จะบอกว่า ให้เอาเท้าขวาทับเท้าซ้าย นั่งตัวตรง และเอามือขวาวางทับมือซ้าย แล้วก็กำหนดจิต แต่สำหรับผมแล้ว ผมเคยคุยกับพ่อแม่ครูอาจารย์หลายองค์ ท่านก็พูดมาบอกว่าสมาธิแท้ที่จริงคือการทำจิตให้สงบ ทำจิตให้นิ่ง เพราะฉะนั้นการจิตให้นิ่งก็คือว่า เรานั่งท่าไหนก็ได้ ท่านี้ก็ได้ ขอให้จิตมันนิ่งเท่านั้น

จินดารัตน์- จะยืน จะนั่ง จะอยู่ในท่าไหนก็ได้

สนธิ- ได้หมด นอน เอน บนโซฟาก็ได้ แต่พอเอนไปสักพักมันก็จะหลับ แต่ถ้าสมมุติว่าเอนแล้วเรารู้ตัวว่าเรากำลังเอนอยู่บนโซฟา เรารู้ว่าเรากำลังหายใจเข้า หายใจออก หายใจเข้า หายใจออก เรารู้ลมหายใจเราอยู่ตรงไหน แล้วจิตสงบ เหมือนกับบางครั้งผมนั่งอยู่ริม ตรงที่คุณแอนนั่ง ตาผมก็ดูออกไปข้างนอกเห็นต้นไม้ ปรากฏว่าจิตของเราจับอยู่ที่ใบไม้ ไม่ได้ไปไหนนะ นิ่งอยู่ตรงนั้น ว่างหมด เห็นแต่ใบไม้อย่างเดียว ก็เป็นการเริ่มสมาธิแบบหนึ่ง

การเริ่มสมาธิ นั่งสมาธิ ออกจากสมาธิ ยังไม่สำคัญเท่ากับการมีสติตลอดเวลา คุณแอนเคยไหม ผมเคยทดลองดูนะ ผมเคยพยายามไม่ลืม เวลาเดินเท้าซ้ายก้าว ผมเรียกพุทธ พอลงเท้าขวาก็โธ แอนเชื่อมั้ยพุทโธ พุทโธ อย่างนี้นะ เท้าซ้ายลง พุทธ เท้าขวาลง โธ หนึ่งไม่เคยเดินสะดุด สองไม่เคยหกล้ม ไม่เคยอะไรทั้งสิ้น คล้ายๆ ว่าจิตไปอยู่ที่เท้า

จินดารัตน์- อย่างนั้นถือว่า เรียกว่าเป็นสมาธิ

สนธิ แต่ว่าคนที่จะทำอย่างนี้ได้ต้องฝึกหนัก เพราะว่าจะต้องรู้ เขาถึงบอกว่าพยายามให้รู้ปัจจุบัน คำว่ารู้ปัจจุบัน ขณะที่ผมรู้ว่าผมกำลังพูดอยู่ ผมทำมืออยู่ และผมดู คุย ตาผมจับดูแอนอยู่ หูผมกำลังฟัง จิตผมกำลังคิดถึงเรื่องที่ผมจะพูด ก็คือรู้ทุกสภาวะที่เรากำลังเป็นอยู่ ผมคิดว่ามีสติอย่างนี้ก็โอเค

การมีสติรู้ว่ากำลังโกรธ รู้ว่ากำลังหิว รู้ว่ากำลังโลภ รู้ว่ากำลังหลงนะครับ ถ้าเรามีตัวรู้มากขึ้น สถานภาพทางจิตเราจะดีขึ้น บางคนบอกว่า ผมไปปฏิบัติธรรมมา นั่งสมาธิดีไหม นิ่งครับ พอออกจากสมาธิแล้ว เม้งเลย คือไม่สามารถจะควบคุมตัวเองได้ ในมุมกลับคนที่รู้ตัวเองตลอดเวลา รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องนั่งสมาธิ ดีกว่าคนซึ่งไปนั่งสมาธิ ออกมาแล้วไม่รู้ถึงตัวเองไม่รู้เรื่องปัจจุบัน นั้นคือสิ่งที่ผมพยายามอธิบายให้ฟัง คำถามมีเยอะครับ แต่ว่าผมรวบรวมคำถาม เป็นหลายหมวดหลายหมู่ แล้วหัวข้อที่จะพูดวันนี้ จะเป็นการตอบคำถามของคนที่ถามมาหลายๆ คน ในเรื่องของ ปตท. ในเรื่องของการจำนำข้าว และในเรื่องของหลักๆ จะถามว่า ประเทศไทยจะเดินไปอย่างไงจากนี้ไป เมื่อวานซืนรู้สึกไปทานข้าวเที่ยงที่ครัวเฮียบุ๊ง ไปเจอนงวดี ผมบอกนง นงใช้เวลาอาทิตย์หนึ่ง นงไปศึกษามา ว่าปัญหาเศรษฐกิจเป็นอะไรบ้าง มีอะไรบ้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เรามาคุยกันสักวันหนึ่งวันศุกร์ นงใช้เวลา 1 ชั่วโมงเลย นงถามผมให้เต็มที่ว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจจะปรับกันอย่างไร ทำอย่างไรที่จะให้เศรษฐกิจมันเดินได้ต่อไป ทำอย่างไรที่จะให้มีเกิดความยุติธรรมเกิดขึ้น แอนต้องเข้าใจว่า คำว่ายุติธรรม กับความเป็นธรรมไม่เหมือนกันนะ แอนไม่เข้าใจใช่ไหม

จินดารัตน์- ไม่เข้าใจ

สนธิ- มันไม่เหมือนกัน สมมุติว่า พันธมิตรฯ เรามีจัดงานจัดงานหนึ่ง แล้วมีพันธมิตรฯ เข้ามาร่วมงาน มีที่นั่งอยู่จำกัด ความยุติธรรมของเรา เราต้องให้พันธมิตรฯที่มาช่วยงานเราตลอด ที่มาบริจาคเราตลอด ที่มาช่วยให้กำลังใจเราตลอด ช่วยมาส่งของ ช่วยมาขายของช่วยโน้นช่วยนี้ ต้องให้เขาก่อน ให้สิทธิ์เขาก่อน แล้วหลังจากนั้นคนอื่นเข้ามา นี่คือความยุติธรรม ถ้าจะเอาระดับของประเทศชาติมาเทียบ เรามาเทียบได้ ว่าถ้าคนไทยคนไหน กลุ่มไหนขยันทำมาหากิน เราต้องช่วยเขา ถูกไหมถูก ไม่ใช่เราต้องช่วยคนไทยทุกคนพร้อมกันหมด เพราะคนจะมีประเภทหนึ่ง ตั้งใจทำมาหากิน ซื่อสัตย์สุจริต อีกประเภทหนึ่งคือ นั่งแบมือรอรับเรื่องประชานิยม

จินดารัตน์- หรือไม่ก็รอโกงอย่างเดียว

สนธิ- รอโกง เพราะฉะนั้นแล้ว เราต้องให้คนทำมาหากินก่อน เราต้องช่วยเขาทุกเรื่อง ถ้าเรามีปัญญาที่จะให้เงินกู้เขา ในจำนวนที่ไม่สูงนัก 2-3 แสนบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเอาเงินก้อนนี้ไปทำมาค้าขาย เราต้องช่วยเขา แต่คนซึ่งมัวแต่รอรับ 300 500 หรือรอรับกองทุนหมู่บ้าน รอรับกองทุนเอสเอ็มแอลอย่าไปยุ่งเขา นี่คือความยุติธรรมไง คนที่ช่วยตัวเองขยันทำมาหากิน เราต้องเข้าไปช่วยเขา ช่วยเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยเผื่อแผ่ไปคนอื่น ความยุติธรรมต้องเกิดขึ้นก่อน ถึงจะเกิดความเป็นธรรมที่หลัง ทุกคนมีสิทธิ์ไม่เท่าเทียมกัน แอนจำคำนี้ไว้ ไม่เท่าเทียมกัน คนในบริษัทคนหนึ่งขยัน อีก 9 คนไม่ขยัน เช้าชามเย็นชาม แอนจะให้ความยุติธรรมใครก่อน

จินดารัตน์- ต้องคนขยัน

สนธิ- ต้องคนขยันก่อน ฉันท์ใดฉันท์นั้น จากหน่วยเล็กขยายเป็นหน่วยกลาง ขยายเป็นหน่วยใหญ่ ขยายเป็นชาติบ้านเมืองก็ต้องเป็นแบบนั้นนะครับ

จินดารัตน์- เมื่อสัปดาห์ที่แล้วคุยกันหลายเรื่อง แต่เรื่องที่ฮอตฮิตมากเลยนะคะ เห็นจะเป็นเรื่องคุณเทพไท เสนพงศ์

สนธิ- แล้วไง แล้วคุณชวนนท์

จินดารัตน์- แล้วคุณชวนนท์ แต่เดี๋ยวเรื่องนี้เอาไว้ช่วงท้ายเบรก แอนขอเรื่องคนใกล้ตัวเราก่อน มีหลายคนถามถึงน้องแอ้ม สโรชา

สนธิ- แอ้ม เขาทำรายการ เป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์แทน TAN เขาเรียกว่า Thai Asean News Network จริงๆ มันก็คือแปลสภาพจากชื่อช่อง TOC Thailand Outlook Channel แทนนี่เป็นการลงทุนของพวกเรา ที่เราทำมานานแล้ว แต่ตอนหลังเราเงินไม่ค่อยมี เราเลยต้องปิดช่องนี้ไป ที่นี้น้องแอ้มกับทีม โชคดีที่คุณหมอประเสริฐ ปราสาททองโอสถ อยากจะทำโทรทัศน์ช่องภาษาอังกฤษช่องหนึ่ง ซึ่งเป็นช่องเกี่ยวกับข่าวสารเรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาหารการกิน ชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนสุขภาพ เลยเอาทีมของน้องแอ้มทั้งทีมไปร่วมทำที่นั้น เมื่อเข้าไปแล้วทางผมคิดว่า น้องแอ้มเขาเสียสละมาก น้องแอ้มเขาขอไป เราไม่ต้องให้น้องแอ้มออกแล้วจ่ายเงินค่าชดเชยน้องแอ้มเขายกทีมไปเลย ทั้งทีม แอ้มอยู่ตรงนั้นครับ แอ้มไม่ได้ไปไหน เป็นเพียงแต่ว่า เนื่องจากว่าเขาไปที่นั้นแล้ว ทางเจ้าของใหม่เขามีผู้อำนวยการเขา เขามีผู้จัดการเขา น้องแอ้มเลยกลายเป็นคนทำงานอยู่เบื้องหลัง แต่น้องแอ้มยังจิตใจเหมือนกับพวกเราอยู่ เหมือนพวกเราตลอดเวลา แฟนน้องแอ้ม คุณโก้ รัชชพล ยังคงอยู่กับเรา ช่อง Ebiz แต่ว่า ไม่ได้เป็นช่องที่ออกโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม แต่เป็นช่องที่ออกอินเทอร์เน็ต

จินดารัตน์- ยังมารับจ็อบเคาะไข่ใส่ข่าวอยู่บ่อยๆ

สนธิ- มีใช่ไหมครับ

จินดารัตน์- สตีฟ รับจ็อบ มาโผล่หน้าอยู่บ้าง แอ้มยังโทรคุยกัน นัดทานข้าวกันอยู่

สนธิ- คิดถึงนะครับ เขาก็ส่งสักพักหนึ่งเขาส่งอีเมล์มาให้ว่า คิดถึง บางครั้งพยายามถ้าว่างจะนัดทานข้าวกัน เพียงแต่ว่าช่วงนี้แกยุ่งเท่านั้นเอง

จินดารัตน์- จากเรื่องแอ้ม ไปเรื่องคนที่กร่างที่สุดในประเทศก่อนดีไหมคะ

สนธิ- เฉลิม อยู่บำรุง

จินดารัตน์- ใช่คะ ไม่มีใคร แล้วล่ะค่ะ เป็นไปได้แล้วสำหรับคนนี้

สนธิ- ผมจะพูดถึงเฉลิมยังไงดี ผมเหมือนจะรู้จักเขามากที่สุดคนหนึ่งในประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้จักเขาเลย

จินดารัตน์- ทำไมล่ะคะ

สนธิ- คือ คุณเฉลิมนี่ผมเรียนให้ทราบก่อนนะ เขามีเชื้อสายแขกปาทาน นะ แต่การที่เขาบอกเขามีเชื้อแขก แล้วเขาเป็นคนไม่ดีนี่เป็นการพูดจาไม่ถูกต้อง เพราะว่าระหว่างคุณเฉลิม กับแฮมเมอร์ แฮมเมอร์นี่ก็แขกปาทาน แต่แฮมเมอร์เป็นคนที่ดีมาก แฮมเมอร์เป็นเพื่อนพวกเรา แฮมเมอร์รักชาติรักแผ่นดิน แฮมเมอร์รักพระเจ้าอยู่หัว ทำทุกอย่างเพื่อมวลชน เวลาเราจัดงานที่ไหน จะอันตรายแค่ไหนก็ตาม แฮมเมอร์ก็จะมาร่วม แฮมเมอร์จะไม่หนีไปเลย

เฉลิม อยู่บำรุง ผมทั้งสมเพชและสงสารเขา นี่เรื่องจริง ไม่ได้พูดเล่น จริงๆ แล้วเฉลิมเป็นคนที่ ผมว่าเขาทำงานไม่เป็น เขาเก่งแต่ปาก ที่ผมเสียดายเขา ตรงที่ว่า คุณจะสังเกตอย่างหนึ่ง เฉลิมจะชอบใช้เสียง ทีนี้คุณเฉลิมแกไม่รู้หรอกว่ามุกที่แกใช้ทุกวันนี้ มายุคนี้สมัยนี้มันใช้ไม่ได้แล้ว

จินดารัตน์- มุกแป้กเหรอคะ

สนธิ- มุกแป้ก "ผิดตรงไหน ไปติดยศ ผมไม่เห็นจะผิดตรงไหนเลย ถอดยศอะไรกัน ทักษิณ มีแต่จะเพิ่มยศให้เป็นพลตำรวจเอก" คือเฉลิมสมัยก่อนนั้น ตอนที่ทักษิณยังไม่มา ยังพอที่จะเป็นคนที่จะมีจุดยืนพอสมควร มีความกล้าหาญ ประวัติเฉลิมนี่เป็นสารวัตรกองปราบ เดิมทีในอดีตเขาเป็นแค่นายสิบ สารวัตรทหาร แล้วก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ฝากเข้าตำรวจ ก็สอบเข้าโรงเรียนนายร้อย ก็สอบเทียบนายร้อยได้ และเขาก็ว่าตอนที่สอบเทียบนายร้อยนี่เป็นรุ่นเดียวกับทักษิณ คือนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 26

เฉลิมสมัยก่อนเขามี คือถ้าใครเป็นเจ้านายเขา ถ้าสั่งอะไรให้เขาทำ เขาทำ จะต้องเผชิญอิทธิพลอะไรก็ตาม เขาไม่กลัว คุณรู้มั้ยเฉลิมเป็นคนแรกที่จับเมียนายห้างชิน โสภณพนิช เล่นไพ่นกกระจอก นี่เรื่องจริง นี่คนไม่รู้ตำนานนี้ จับเลยนะ คุณเอ๊ย หนวดกระดิกเลย แบงก์กรุงเทพ นายห้างชิน โสภณพนิช ชาตรี โสภณพนิช จับแม่ชาตรีข้อหาเล่นไพ่นกกระจอก เล่นไพ่นกกระจอกแล้วไปจับเขา ผลก็ปรากฏว่าตอนนั้นยุค พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ เป็นอธิบดีกรมตำรวจ โดนย้าย 24 ชั่วโมง ไปทางภาคใต้ ไปจ่ายยา

จินดารัตน์- ไปจ่ายยา?

สนธิ- ครับ แผนกจ่ายยา แล้วตอนหลังก็ได้เส้นสายของทหาร คือ พล.ท.ยศ เทพหัสดิน ย้ายกลับมาได้ คือถ้ามองลักษณะเขา ถ้าใครใช้เขาเป็น เขาจะมีความกล้าหาญ เหมือนสมัยที่เขาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อยู่กับ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ

พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ โกรธไทยรัฐ เพราะไทยรัฐ แคทลียา ไปเขียนข่าวซุบซิบถึงเมียน้อย พล.อ.ชาติชาย ชื่อยัยตุ่น พล.อ.ชาติชาย โกรธมาก บ่นกับเฉลิม เฉลิมก็บอก อาชาติ เดี๋ยวผมจัดการเอง ตอนนั้นเผอิญไทยรัฐไปทำธุรกิจดิสโก้เธค ที่ชื่อเดอะพาเลส เฉลิมก็พาตำรวจหน่วยเฉพาะกิจไปปิดเดอะพาเลส โอ๊ย ไทยรัฐตอนนั้นใครไปแตะไม่ได้เลย ยิ่งใหญ่มาก แต่เฉลิมไปแตะ นี่คือลักษณะเขาไง

จินดารัตน์- สนองนายได้

สนธิ- สนองนายได้ แต่ถ้านายให้ทำในเรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองมันจะดีไง คุณเข้าใจหรือยัง แต่ความที่เขากล้าไปปิดไทยรัฐ แสดงว่าคนๆ นี้ถ้าผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ ดูแลเขา แล้วให้เขาไปทำในสิ่งที่ดี เขาก็จะกล้าทำ แล้วต่อมาก็ทะเลาะกับไทยรัฐนะ ไม่เผาผีกันเลย แล้วในที่สุดพอเฉลิมรู้ว่า ตอนนั้นรุ่น 5 คือรุ่น พล.อ.สุจินดา คราประยูร จะปฏิวัติ ก็เลยเอารถโมบายล์ของ อสมทฯ ไปดักฟังโทรศัพท์ โดนจับได้ การที่เฉลิมกล้าทำเช่นนี้ เขาทำให้ พล.อ.ชาติชาย

ทีนี้เฉลิมโชคร้าย สมัยที่เฉลิมดีที่สุด คุณรู้ไหมช่วงไหน ช่วงที่เขาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เหตุผลหนึ่งซึ่งเฉลิมสนิทสนมกับผู้พิพากษาและอัยการ เพราะว่าสมัยนั้นเขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมัยนั้นผมยังสนิทกับเขาอยู่ และผมเองเป็นคนบอกว่า ถ้ามีตำแหน่งยื่นมา อย่าไปรับตำแหน่งไหน ให้รับกระทรวงยุติธรรม เพราะกระทรวงยุติธรรม ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทย ไม่ใช่กระทรวงอุตสาหกรรม ไม่มีเงินไม่มีทอง ใช้ฝีมือพัฒนา ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ดีที่สุดของชีวิตเขา หลังจากนั้นแล้วชีวิตเขาตกต่ำหมดเลย เพราะเขาไปจมปลักอยู่กับพื้นที่ที่เป็นที่อโคจร ช่วงนั้นเฉลิมเขาถึงรู้จักผู้พิพากษาและเขาสนิทกับอัยการมาก

จินดารัตน์- มิน่า หน้าห้องตอนนี้เป็นอัยการมาจากอัยการเยอะแยะเลย

สนธิ- นานมาแล้ว ก็จุลสิงห์ วสันตสิงห์ ไง อัยการสูงสุดคนนี้ นั่งอยู่หน้าห้องเฉลิม เพราะสมัยก่อนนั้นเฉลิมเขามีรุ่นพี่ที่เขาสนิทมาก ชื่ออัยการสงวน เป็นอดีตรองอัยการสูงสุด เพราะฉะนั้นไม่ประหลาดใจว่า คดีอะไรของเฉลิม ทะลุทะลวงได้หมด เขาสนิทกับอดีตอธิบดีผู้พิพากษา อธิบดีศาลอาญา ท่านไพฑูรย์ เนติโพธิ์ อธิบดีศาลอาญา อุปมาอุปมัยเหมือนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพราะว่าศาลอาญานี่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และทำทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้นท่านไพฑูรย์ เนติโพธิ์ สนิทกับเฉลิม รักกันมาก งั้นก็ต่อจากท่านไพฑูรย์ ต่อไปคนโน้นคนนี้ เขาถึงรู้จักคนเยอะไง คนถึงรู้จักคนในวงการศาลเยอะ เขาเริ่มเป๋ตั้งแต่พอหลังจากเขาไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแล้ว พอตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เขาขอไปเป็น มท.2 มท.3 เฉลิมนี่ใฝ่ฝันมาก เขาอยากจะดูแลตำรวจ เขามีความรู้สึกว่าเขาเท่ เฉลิมกับคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เขามีที่มาที่ไปกันในอดีต ทำไมเฉลิมถึงสนับสนุนคำรณวิทย์ และทำไมคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ถึงฟังเฉลิม

เหตุผลที่เขาฟังเฉลิม และเฉลิมปกป้องคำรณวิทย์ เพราะว่าครั้งหนึ่งตอนที่สล้าง บุนนาค ออกไปจับคนที่ค้ายา เอเย่นต์ค้ายาใหญ่ชื่อ โจ ด่านช้าง ที่สุพรรณบุรี โจ ด่านช้าง เป็นลูกน้องของอัศวิน ขวัญเมือง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง คือพวกตำรวจใหญ่จะเลี้ยงโจรเป็นสาย ตั้งแต่สมัย ชลอ เกิดเทศ ไล่มาทุกคนเอ๋ยชื่อได้เลย โจรผู้ร้ายในประเทศไทยที่โหดเหี้ยมอำมหิต ส่วนหนึ่งเป็นสายของตำรวจทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นตำรวจไทยถึงเก่งไง เวลามีเรื่องจะรู้ทันที เพราะจะเลี่ยงอย่างเช่น เขามีเรื่องอะไรมีมือปืนใครยิงใคร เขาจะเรียกไอ้โจ ด่านช้างเข้ามาสมมุติ เฮ้ยโจมึงได้ข่าวไหม ใครยิงใคร ไอ้โจมันรู้มันกินเหล้ากัน ไอ้นี่เป็นคนสั่งไอ้นี่ เขารู้หมด แต่ว่าการใช้โจรพวกนี้ มันต้องมีผลตอบแทนให้ด้วย คือว่าถ้าโจรไปปล้นใคร ไปฆ่าใครต้องหรี่ตาไว้ข้างหนึ่ง ต้องเก็บมันเอาไว้เป็นสายไง ที่นี่วันนั้นคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รู้สึกจะเป็นผู้กำกับสืบสวน ผู้กำกับสืบสวนใหญ่ตอนนั้น เดินเข้าไปที่บ้าน

จินดารัตน์- กระท่อม

สนธิ- กระท่อม จับโจ ด่านช้าง เขากะที่จะยิงโจ ด่านช้างทิ้งในบ้านหลังนั้นเลย ปรากฏว่าใส่กุญแจมือพาออกมา สล้างโกรธ ใครให้มึงเอาออกมา เอาเข้าไป จัดการให้จบ พอเอาเข้าไป ก็ปุ้งปั้งปุ้งปั้ง โจ ด่านช้างกับพรรคพวกตายหมด 5-6 คน ไปดูข่าวเก่าได้เลย ปรากฏข่าวนี้พ่อแม่โจ ด่านช้าง ครอบครัวมันร้อง ว่าวิสามัญลูกมันทั้งที่ใส่กุญแจมือ เรื่องวุ่นวายไปหมดเลย ปรากฏว่าอะไรรู้ไหม ต้องเจรจาเพื่อให้พ่อแม่ของทางโจ ด่านช้าง ยอมความ ต้องใช้เงิน 3 ล้านบาทประมาณนั้น เฉลิมเป็นคนแอดวานซ์ให้คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง กี่ปีแล้วแอน เขารู้จักกันมาตั้งนาน เขาเลี้ยงดูปูเสื่อกันมาตลอดเวลา

จินดารัตน์- เป็นหนี้บุญคุณกันมา

สนธิ- เป็นหนี้บุญคุณตลอดเวลา เขาถึงต้องตั้งขึ้นมา คำรณวิทย์ถึงฟังเฉลิมหมด และวันนี้เฉลิมมาอยู่ใต้ทักษิณ เลยฟังทักษิณใช่ไหมครับ ทีนี้ถ้าทักษิณเป็นคนดี ทักษิณใช้เฉลิมไปในทางที่ลูกนักเลง เข้าไปแตะบริเวณที่มีอิทธิพล และไม่มีใครกล้าแตะ อันนี้เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุด แต่เผชิญทักษิณมาใช้เฉลิมในทางที่ทำลายประชาชน ทำลายกระบวนการประชาชนอันโน้นอันนี้ คือผมสงสารก็ตรงนี้ เขาเล่นการเมืองมาตลอดชีวิต แล้วเฉลิมเป็นทะเยอทะยาน ตอนเป็นสารวัตรกองปราบ เข้าร่วมคณะปฏิวัติกับเขาด้วย กับ พล.ต.มนูญกฤต รูปขจรไง แล้วไม่สำเร็จแล้วถูกจับไง ที่อยู่ในคุกพอออกมาเลยเล่นการเมือง เลยเล่นการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ได้ไม่นานต้องลาออก เพราะลักษณะเฉลิม เฉลิมกับสุเทพอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหน้าไหว้หลังหลอก ส่วนเฉลิมนี่เป็นคนที่ลิงหลอกเจ้า คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก คนหนึ่งลิงหลอกเจ้า หลอกด้วยกันทั้งคู่ เลยอยู่ไม่ได้ใช่ไหมครับ เมื่ออยู่ไม่ได้เขาเลยมาอยู่ด้วยตัวเขาเอง ที่นี้ความซึ่งเขาเป็นคนปากกล้า เขาเป็นคนมีความจำดี แอนไอ้ที่ชาร์ตที่มาชี้ในสภาฯ เขาเป็นคนแรกที่ทำนะ ใครสอนให้เขาทำรู้ไหม

จินดารัตน์- อย่าบอกนะคะ

สนธิ- ผมเคยหวังว่า คนๆ นี้ ถ้าให้การศึกษาที่ดี ให้คำแนะนำที่ดีจะไปได้ดี แต่พอผมเห็นเขาทะเยอทะยานแล้ว ผมถอย ผมตัดเขาทิ้งไปเลย

จินดารัตน์- คิดว่ากู่ไม่กลับแล้ว

สนธิ- เหตุผลเพราะตั้งแต่วันที่เขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พอตั้งรัฐบาลใหม่ เขาอยากเป็นมหาดไทย ผมอุตส่าห์บอกอย่าไปเป็นมหาดไทย ให้อยู่ยุติธรรมต่อดีกว่า เขาไม่เชื่อ เขาอยากเข้าไป บอกว่าจะให้กูสั่งตำรวจได้

จินดารัตน์- กระเหี้ยน กระหือรือ

สนธิ- กระเหี้ยน กระหือรืองั้นไปเลย งั้นมึงกับกูก็ ไม่ต้องมาเข้าบ้านกู เลิกกัน เลิกคบกันไปเลยนะ จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมว่าต้องมี 20 ปีแล้วมั้ง ไม่ได้เจอกันเลย ผมเห็นลูกเขาตั้งเล็ก ไอ้โต้ง ไอ้หนุ่ม ไอ้ชาย มันเรียกผมลุง เฉลิมนี้เกิดปีเดียวกับผม 64 เหมือนกัน 64 เต็มย่าง 65 ใช่ไหมครับ ปรากฏว่า เสร็จเรียบร้อยแล้วตอนหลังเฉลิมไม่มีทางเลือก เพราะว่าทักษิณมาผูกขาดอำนาจต่างๆ เฉลิมมาเริ่มดังจริงๆ ตอนไหน ตอนที่ทักษิณหลุดออกไปอยู่ต่างประเทศ แล้วไม่มีใครที่จะใช้ นอกจากสมัคร นอกจากเฉลิม นอกจากพวกคนพวกนี้ และเฉลิมเป็นคนซึ่ง พูดจาแล้วรู้สึกว่าจะมีทำให้ทักษิณมีความหวัง ผมจะเอาทักษิณกลับมา

จินดารัตน์- โปรยยาหอมตลอด

สนธิ- โปรยยาหอมตลอด แต่ลึกๆ ไม่อยากให้กลับ ผมทำไมจะไม่รู้

จินดารัตน์- หวังดีประสงค์ร้าย

สนธิ- หวังดีประสงค์ร้าย เรื่องที่ฮ่องกง ผมอยากจะฝากบอกไปที่เฉลิม ผมคิดว่าเขาดูรายการนี้ ผมอยากจะบอกว่า ในเมื่อคุณเองเป็นคนบอกกับสังคม บอกว่าไม่เห็นมันผิดตรงไหนที่คำรณวิทย์ จะไปให้ทักษิณติดยศ เมื่อคุณพูดอย่างนี้ และมันจะผิดตรงนั้นถ้าใช้มาตรฐานคุณ ถ้าจะยอมรับคุณไปพบทักษิณ ถูกไม่ถูก

จินดารัตน์- ใช่คะ

สนธิ- เพราะฉะนั้นแล้ว นัยหนึ่งคุณกลัวว่า เขาหาว่าคุณไปพบทักษิณ แต่ในมุมกลับ คุณดันไปส่งเสริมให้คำรณวิทย์บอกว่า ไปพบทักษิณได้ไม่ผิด จริงๆ ผิดทั้งคู่ เรื่องที่ผมจะพูดถึงเฉลิม จะกลายเป็นเรื่องในทำนองเดียวกันที่ผมจะพูดถึงเทพไท และชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต แอนสิ่งที่เฉลิมทำ ถามว่าควรหรือไม่ควรทำ คำตอบคือ ไม่ควรทำ สิ่งที่คำรณวิทย์ทำ ถามว่าควรหรือไม่ควรทำ ไม่ควรทำ สำหรับคำรณวิทย์แล้ว นอกจากไม่ควร ยังผิดกฎหมายอีก เฉลิมไม่ควรแล้วผิดกฎหมาย เพราะตนเองเป็นรองนายกฯ ดูแลฝ่ายความมั่นคง ดูแลตำรวจ และวันนี้เฉลิมพูดออกมาชัดเจน ตำรวจเป็นพวกพรรคเพื่อไทย ทุกอย่างเป็นหมด

ผมอยากจะถามเฉลิม เฉลิมปีนี้ 64 แล้วผมดูแล้วสุขภาพไม่ดี เขาน่าจะมีโรคเกียวกับหัวใจ เผลอๆ อาจจะเป็นมะเร็ง ชีวิตเขาอีกไม่นาน ถ้าคนเราไม่หมั่นทำคุณงามความดีไว้ มีแต่กรรมเข้ามาสร้างเรื่อยๆ วันที่เขาตายไป เขาจะเสียใจที่สุด แอนรู้ไหมเพราะอะไร เมื่อเขามองย้อนหลังกลับไป เขาไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้ชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว และเขาจะตายไปท่ามกลางคนสาปแช่ง หรือว่าดีอกดีใจที่เขาตายได้เสียที ผมเสียดายเวลาที่เขาไปจับเมียนายห้างชิน ไปปิดพาเลซ เอารถโมบายไปดักฟังโทรศัพท์ของสุจินดา คราประยูร รุ่น 5 นี่คือความกล้าหาญที่เขาควรจะมาใช้ให้ถูกต้อง กับอำนาจอิทธิพลที่อยู่ในสังคมไทย แต่เขาไม่ทำ เขาไม่ทำ

จินดารัตน์- หมดโอกาส

สนธิ- หมดโอกาส แล้วเขาลืมไปว่า ทุกอย่างในโลกนี้อนิจจังทั้งนั้น น้าชาติ อาชาติที่เขาเคารพนับถือ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ผมยังไม่รู้ว่า อาชาติอยู่สวรรค์ หรืออยู่นรก แนวโน้มอยู่นรกมากกว่า อยู่ขุมไหนยังไม่รู้ นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ นะครับ คนเราเวลามีอำนาจแล้วลืมตัวทุกที ลืมตัว แล้วสำคัญเฉลิมเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า เล่นคำ เล่นมุก ไม่มีสาระอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วผมจะเตือนเฉลิมเรื่องหนึ่งนะ เรื่องลูกเรือจีนที่ถูกยิงตายสิบกว่าคน ที่บอกว่าจับหน่อคำได้ หน่อคำมันไปให้การที่ศาลจีนว่ามันถูกบังคับให้พูด แล้วจีนเขารู้หมดเลยว่าใครยิงบ้าง

เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องยิงลูกเรือจีน 13 คนนี่นะ มันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง และผมจะเรียนให้ทราบ และผมจะเตือนไปถึงคุณเฉลิมด้วยว่า ประเทศจีนในทางลึกเขารู้หมดแล้ว เพียงแต่เขายังไม่แสดงอาการ คดีนี้รองรัฐมนตรีว่าการความมั่นคง คือความมั่นคงของจีนมันใหญ่กว่าเมืองไทยเยอะนะ เพราะตำรวจที่ดูแลเป็นสิบๆ ล้านคนนะ มันบินมาด้วยตัวเอง มาดูเหตุการณ์ มันเอาตำรวจมา มันเอาคนผ่าศพมา มันถ่ายรูป มันคลิป มันซื้อคลิปวิดีโอไว้หมดแล้ว อยู่ในมือมัน รอว่าเมื่อไรนรกจะแตกเท่านั้นเอง ผมจะบอกให้รู้ เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือเรื่องของคุณเฉลิม คือผมเสียดายในตัวเขา ผมเสียดาย ผมไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะว่าผมรู้จักเขาดี แต่ขณะเดียวกันพอมาถึงวันนี้แล้ว เหมือนกับว่าผมไม่รู้จักเขาเลยแม้แต่นิดเดียว

จินดารัตน์- แต่เวลาเขาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว

สนธิ- น้อยๆ คือคนเราเวลามีอำนาจ แปลกไง ทุกคนเลย นึกว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพัน มีแต่ขึ้น ไม่มีลง บางคนคิดว่าไม่มีหรอก ผมจัดการประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เรียบร้อยแล้ว นายผมจัดการเรียบร้อยแล้ว จะจัดการด้วยวิธีไหนผมไม่รู้ แต่เขาบอกจัดการแล้ว ทหารอยู่ในโอวาท ทุกอย่าง ทุกคนอยู่ในโอวาทหมด ผมจะต้องเป็นรองนายกฯ ต่อไป โอกาสผมจะเป็น มท.1 ถ้าภาวนาดีๆ ทักษิณกลับมาไม่ได้ ปูหกล้ม ผมก็อาจจะได้เป็นนายกฯ คืออะไรก็ตาม ถ้ามันเริ่มจากความทะเยอทะยาน มันจะบดบัง ปิดสัจธรรรม ตาบอดหมดเลยคราวนี้ เขาเรียกว่าโมหะ .. โลภะ โทสะ โมหะ มันเข้าทางธรรมหมดเลย ไม่มีเหลือเลยแม้แต่นิดเดียว น่าสงสาร

จินดารัตน์- ก็ยังมีอีกกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเหมือนกัน ที่เขาเป็นเรื่องฮอตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่คุณสนธิเอ่ยอ้างถึง

สนธิ- เทพไท และชวนนท์

จินดารัตน์- งั้นขอพักก่อนได้ไหมคะ เพราะอากาศเริ่มร้อนแล้วค่ะ เพราะว่ากลับมาจะร้อนจัดกว่านี้ พักกันสักครู่ค่ะคุณผู้ชม เพราะว่ามีคนพาดพิงถึงเยอะมากนะคะ จากสัปดาห์ที่แล้วที่คุณสนธิพูดถึง 2 หนุ่มนี้ จากพรรคประชาธิปัตย์ พักกันสักครู่ก่อนค่ะ

ช่วงที่ 2

จินดารัตน์- สวัสดีค่ะ

เติมศักดิ์- สวัสดีครับ

จินดารัตน์- รีบบึ่งมาเลยนะคะ บึ่งมาพร้อมที่จะมารับฟังเรื่องของเทพไท เสนพงศ์ กับชวนนท์ ใช่มั้ยคะ

เติมศักดิ์- เป็นเรื่องควันหลงจากสัปดาห์ที่แล้วใช่ไหมครับ

จินดารัตน์- ค่ะ เพราะว่ามีคนฟาดงวงฟาดงา อาละวาดกันใหญ่เลยค่ะ อยู่ดีๆ เขาวิ่งออกมาเพ่นพ่านแล้วก็มาตำหนิติติงเรา ร้อนตัว คือแทนที่จะแก้ตัวเรื่องชวนนท์ กับเทพไท กลับมาหาว่าเราชอบผลักมิตรให้เป็นศัตรู จะไม่เอาพรรคไหนเลยใช่มั้ย

สนธิ- เดี๋ยวๆๆ ไอ้เรื่องที่แมลงสาบออกมาเพ่นพ่านประเดี๋ยวค่อยพูด เอาเรื่องเทพไท กับเรื่องชวนนท์ก่อน เรื่องนี้น่าสนใจมาก ผมรู้ว่าผมพูดไปก็ต้องมีคนออกมาโต้เถียงแทน ก็เกิดปรากฏการณ์บางประการขึ้นมา

ชวนนท์ ไอ้อ๊อฟ ซึ่งจริงๆ ก็มีศักดิ์เป็นหลานผม เพราะว่าพ่อเขา พี่แอ๊ด มานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต ก็รู้จักกันมา ผมเห็นไอ้อ๊อฟตั้งแต่ยังเรียนสาธิตจุฬาฯ ตัวแค่นี้ อ้วนปุ๊กลุก วิ่งอยู่ที่คอฟฟีช็อป ตรงโรงแรมเพรสซิเดนท์ อา อ๊อฟนะ เออว่าไงอ๊อฟ อาพูดถึงว่าอ๊อฟไปเจอโภคินน่ะ ไม่จริง อ๊อฟไม่ได้เจอนะ แล้วอ๊อฟไปกินข้าวกับเขาหรือเปล่า พวกเพื่อไทย ไป อ๊อฟไป แต่เป็นงานของพระปกเกล้า แล้วไง ก็เห็นชนไวน์กับพวกเพื่อไทยแล้วหัวเราะร่าเริงกัน บอก มันก็เป็นงานอย่างนี้ ผมบอก อ๊อฟ อ๊อฟต้องรู้สถานภาพอ๊อฟก่อน ว่าวันนี้อ๊อฟคือใคร ถ้าอ๊อฟเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เฉยๆ อ๊อฟไปกินกับเขาในฐานะเป็นคนที่เคยเรียนปกเกล้าด้วยกัน ไม่เป็นไร แต่อ๊อฟมาออกบลูสกาย อ๊อฟมาออกเป็นโฆษกของประชาธิปัตย์ ออกมาประณามเขา ว่าเขา อ๊อฟรับเขาไม่ได้ อย่างโน้นอย่างนี้ แล้วคนที่เขาไม่รู้เรื่อง เขาเห็นอ๊อฟมานั่งชนไวน์กับพวกพรรคเพื่อไทย ในใจเขาจะคิดยังไง ประชาชนเขามองการเมือง อานี่รู้มานานแล้วว่าไอ้พวกนักการเมืองมันเหี้ย เพราะว่ามันไม่เคยมีความจริงใจต่อสังคมไทย แต่ประชาชนเขาก็จะมองว่าอ๊อฟ ด้านหนึ่งออกมาด่า อีกด้านหนึ่งแอบชนแก้วไวน์กัน มันจะไปต่างอะไร เหมือนกับยกตัวอย่างคราวที่แล้ว น้องใสของเรา ออกมาขึ้นเวทีประณามจตุพร พรหมพันธุ์ แล้วไปออกทีวี แล้วเอิ๊กอ๊ากๆ กัน ว่าเคยรู้จักกันมานานแล้ว ไปที่บ้าน เยี่ยมกัน คนพันธมิตรฯ เขาบอก เฮ้ยแล้วสรุปที่มึงขึ้นมาบนเวที ว่ายังไง

ชวนนท์เขาบอกว่า โอเค อ๊อฟยอมรับ อ๊อฟจะระวังตัวจากนี้ไป นี่คือข้อเท็จจริง นี่คือข้อเท็จจริงที่นายชวนนท์โทรมาหาผม

เรื่องที่ 2 ผมก็จะดูว่าเทพไทเขาจะว่ายังไง ก็ปรากฏว่าในที่สุดก็ยอมรับไม่ใช่เหรอ ยอมรับว่าไปจริง แต่ก็ยังมีลูกเล่น กั๊กนิดหน่อย นั่งกันคนละโต๊ะ ไม่ได้คุยกัน คำถาม ผมก็เลยอยากจะถามกลับบรรดาพวกแมลงสาบทั้งหลาย ว่าคุณอยากเห็นการเมืองที่สะอาดใช่มั้ย ถ้าคุณอยากเห็นการเมืองที่สะอาด คุณเทพไท ไม่ควรที่จะไปเสียด้วยซ้ำ ทำไมถึงไม่ควรไป ถ้าคุณเทพไทมีจิตใจที่ทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมือง ต้องไม่ยอมเป็นเครื่องมือในการ ข้อแรก ใช้งบประมาณเพื่อไปเที่ยวลาสเวกัส คุณไปดูงานอะไรที่ลาสเวกัส เหมือนคุณไปดูนมสาวเต้นอยู่ในบ่อน เข้าใจมั้ย คุณเติมศักดิ์ นั่นข้อแรกที่ผิดแล้วนะ

ข้อที่ 2 เวลาไปก็ต้องรู้เหมือนกันว่าใครไปด้วย ใช่มั้ย ถ้ามีชื่ออริสมันต์แล้วคุณไปได้ยังไงล่ะ ก็คุณกับเขาจะฆ่ากันตายอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความขัดแย้งที่คุณบอกว่าคุณจะไม่ร่วมความชั่วกับเขา คือเขาเป็นขี้ คุณเป็นขี้ผสมข้าว อย่างน้อยคุณยังมีข้าว เขาเป็นขี้ทั้งกอง ส่วนไอ้ผมนี่ข้าวอย่างเดียว ไม่เอาขี้ผสมข้าว เข้าใจหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้วคุณต้องคิดเป็น

จินดารัตน์- ขออนุญาตคุณสนธินิดหนึ่งนะคะ คุณเทพไทเขาพูดอย่างนี้ เขาบอกว่า ในกรรมาธิการบางคนก็ขัดแย้งกันก็มี แต่เวลาไปก็เฉยๆ ก็ขัดแย้งกันในสภาฯ แต่พออยู่นอกสภาฯ ต่างคนต่างก็วางเฉย ไม่สร้างความขัดแย้งหรือขยายความขัดแย้งในกรรมาธิการ เป็นสปิริตของคณะกรรมาธิการอยู่แล้ว

เติมศักดิ์- อ่อ เป็นสปิริต

สนธิ- อ๋อ สปิริต จริงๆ มันเป็นสปิริตของนักการเมืองมากกว่า เพราะว่าลักษณะนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นรัฐบาลอยู่ สปิริตก็คือว่า แอบจับมือกัน เพื่อที่จะประนีประนอมปรองดองกัน เพื่อที่จะเล่นการเมืองกันต่อไป ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว มันจะมีการคุยกันหรือ ระหว่างนายกรัฐมนตรี กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ไปติดต่อ ใส่เสื้อแดง กรณ์ จาติกวณิช ไปติดต่อ ในระหว่างที่เขาเผาบ้านเผาเมืองอยู่ ไปแอบคุยกัน และในข้อเท็จจริงเทพไทก็ยอมรับว่าได้ทักทายกับอริสมันต์ นี่ใครโกหกใคร

เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่ผมคิดว่า จริงๆ นี่น่าจะเป็นการตอบคำถามที่เมื่อกี้แอนพูด บอกสรุปแล้วจะไม่เอามิตรแล้วใช่มั้ยจะเอามิตรทุกคนเป็นศัตรู ผมนี่ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร พันธมิตรฯ นะ คุณเติมศักดิ์ ไม่เคยเป็นศัตรูกับใคร เรา 1. เป็นศัตรูกับความชั่ว ไม่ว่าความชั่วนั้นจะมาชั่วแบบโจ่งแจ้ง หรือแอบชั่ว เราไม่เอาทั้งสิ้น

จินดารัตน์- ชั่วในมาดผู้ดีนี่ก็ไม่เอา

สนธิ- ชั่วในมาดผู้ดีเราก็ไม่เอา ชั่วในมาดโจรเราก็ไม่เอา เพราะฉะนั้นแล้วตรงนี้พวกแมลงสาบพรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน นี่คือจุดยืนของผม ไม่ใช่ผมไม่เอาแล้วจะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต่อไปง

สรุปก็คือ ง่ายๆ ว่า ทำไมผมจะต้องไปกินข้าวผสมขี้ล่ะ ผมพอใจจะกินข้าวน่ะ มีอะไรหรือเปล่า ผมพอใจจะกินข้าว วันนี้คุณ ดร.บุญเลิศ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขียนจดหมายมาหาผม ได้ดูรายการ ขอบใจมาก ขอบคุณมากที่คุณสนธิยังออกมาพูดเพื่อชาติ เพื่อบ้านเพื่อเมือง พวกผมอยู่ในสภาก็สู้เขาไม่ได้ เพิ่งรู้หรือ

ผมไม่รู้ว่า ใครก็ไม่รู้เขียนลงในเฟซบุ๊กแล้วส่งมาให้ผม ผมไม่ได้อ่าน ยัยพวกชีวิตอดีตนักร้องคาเฟ่ แล้วมาได้ดิบได้ดี มีนามสกุลผู้ดี ถามว่า ทำไมสนธิไม่บอกไปเลยว่าไม่เอาประชาธิปัตย์ แน่จริงก็พูดมา เอ๊ะแสดงว่าคุณนี่ไปหลงอยู่ในมุมไหน ในรูไหนของโลกนี้ แอน ผมเคยบอกมานานหรือยังว่าผมไม่เอาประชาธิปัตย์

จินดารัตน์- ใช่ค่ะ

สนธิ- นานแล้ว เติม ผมพูดชัดเจนมาตั้งนานแล้ว ที่ผมไม่เอาประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพราะว่าอะไรทั้งสิ้น ก็เพราะว่าประชาธิปัตย์ไม่เคยมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่เคยมีความซื่อสัตย์กับประชาชน และมีคอมเมนต์คนหนึ่งซึ่งเข้ามาในเฟซบุ๊กของรายการเรา ถ้าไม่ชอบสุเทพ ทำไมไม่เล่นงานสุเทพล่ะ ทำไมเล่นงานทั้งพรรค เปลี่ยนมิตรเป็นศัตรูได้ยังไงล่ะ ผมจำชื่อคุณคนนั้นไม่ได้แล้ว ผมให้โปรดิวเซอร์ของผม คุณใหม่ โมฮัมหมัด ใหม่ ผมให้เขาลองปรินท์ออกมาดู เขาหาไม่เจอ แต่ผมจะตอบเขาอย่างนี้ ทำไมผมจะต้องไปโจมตีสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณบอกว่าคนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่ชอบสุเทพ แต่ทำไมคุณสุเทพยังเชิดหน้าชูคออยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับคุณสุเทพ นี่ยิ่งแสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคหน้าไหว้หลังหลอก ถูกไหม ลับหลังก็บอกว่าคุณชวน พี่ญัติ เขาไม่เอาสุเทพแล้ว คุณสนธิอย่าไปว่าพี่ชวน กับพี่ญัติ กับคนอื่น เล่นสุเทพคนเดียว ถ้าคุณไม่เอาสุเทพ คุณคิดว่าสุเทพเป็นตัวทำลายพรรคคุณ ทำไมคุณไม่ดำเนินการซักล้าง ขัดสีฉวีวรรณพรรคคุณเสียเองก่อนล่ะ ให้ผมเห็นซะหน่อยได้มั้ยว่าคุณไม่เอาจริง เพราะสุเทพเป็นตัวทำลายพรรค นี่คุณยังโอบอุ้มเขาอยู่เหมือนเดิม แล้วคุณมาว่าผม ทำไมผมไม่โจมตีสุเทพคนเดียว ผมไปโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ ผมจะไปโจมตีสุเทพเขาทำไม ก็ในเมื่อสุเทพเขาเป็นส่วนหนึ่งของพรรคคุณ และพรรคคุณนี่แหละ คือคนซึ่งอุ้มสุเทพเอาไว้ ผมยังจำได้ คำพูดสุเทพทุกคำพูด ไม่มีเนวิน ไม่มีเราในวันนี้ ผมจำได้เขาไปพูดที่ชุมพรจำได้ไหม

จินดารัตน์- จำได้คะ

สนธิ- ที่เขาชุมนุมพวกเขา เขาบอกพวกเราคือตัวป่วนบ้านป่วนเมือง ผมจำได้ที่นายนายชำนิ ศักดิเศรษฐ์พูด ว่าการเมืองต้องเล่นกันในสภาฯ ไม่ใช่เล่นกันข้างถนน และผมยังจำได้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พูดในสภาฯ บอกทุกอย่างต้องจบในสภา

จินดารัตน์- ผมเชื่อมั่นในระบอบสภาฯ

สนธิ- และผมยังจำได้เมื่อ 3 วันที่แล้ว หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าว มีข่าวชิ้นหนึ่งอยู่ด้านล่าง อภิสิทธิ์บอกทำไมยิ่งลักษณ์ไม่ดำเนินการถอดถอนยศพี่ชายตนเอง และวันนี้สุเทพ เทือกสุบรรณ พูดถึงเฉลิมบอกว่า ทำไมไม่ถอดยศทักษิณ

เติมศักดิ์- แล้วทำไมตอนเป็นรัฐบาลไม่ถอด

สนธิ- นั้นละเติม น้องเอ๋ยพูดได้สะใจคนแก่คนนี้ แล้วทำไมเวลามึงเป็นนายกฯ มึงไม่ถอด ใช่เปล่าเติม แล้วอย่างนี้ผมจะไปรักมันได้อย่างไร ไอ้ข้าวผสมขี้ คุณเข้าใจหรือยัง พวกสาวกพรรคประชาธิปัตย์ เวลาคุณว่าคนอื่น คุณไม่เคยดูตัวพวกคุณเอง ที่ผมรับพวกคุณไม่ได้ และจะไม่มีวันรับพวกคุณเป็นอันขาด ถ้าพวกคุณยังมีสันดานเลวๆ แบบนี้ต่อ เมื่อไหร่คุณจะยอมรับสักทีว่า ถ้าเพียงว่าคุณยอมรับผิดในอดีต คุณไม่ได้ทำอันนี้ คุณไม่ได้ทำอันนี้ คุณขอโทษประชา ชน ขอให้โอกาสผมอีกครั้งหนึ่ง ผมจะให้โอกาสคุณ แต่ชีวิตพวกคุณไม่เคยผิด ชีวิตพวกคุณไม่เคยผิด พอคุณไปทักทายกับอริสมันต์ คุณมาโวยวายทันทีอย่างโน้นอย่างนี้ สาวกพรรค แล้วเวลาพวกคุณมึง หาว่ากูรับเงินทักษิณไม่รู้สึกกันบ้างเลยหรือ ทักษิณนี้คนชั่ว คนๆ นี้เป็นคนที่ทำลายชาติบ้านเมือง แต่ว่าประชาธิปัตย์ไม่ได้เลวน้อยกว่าทักษิณ เพราะมาทำร้ายคนอย่างผม ซึ่งสู้กับทักษิณ ซึ่งสู้ไม่มีวันหยุด แล้วมาใส่ความผม ใส่ร้ายผม จนกระทั่งวันนี้พอตัวเองโดน ตัวเองมาโวยวาย และที่คุณเผาผมมาตลอดเวลา ผ่านทั้งนายกรณ์ จาติกวณิช พูดออกมา โทรศัพท์มาขอโทษผมว่า พี่ไม่เอาอีกและ จบๆ และเรื่องแค่นี้ ทำไมพวกคุณไม่คิดกันบ้าง ไปไหน ไอ้พวกแมลงสาบไปไหน ไปไหน แหมเตรียมไบกอนมาโดยเฉพาะเลยงานนี้

เติมศักดิ์- เป็นไปได้ไหมครับ ผมลองตั้งข้อสังเกตดูนะครับว่า ข้อกล่าวหาว่า คุณสนธิรับเงินทักษิณ เป็นเพราะเขาต้องการเอาข้อกล่าวหานี้แปะไว้ เพื่อให้เราออกไปตายแทน ถ้าเราไม่ออกไปตายแทนแสดงว่ารับเงิน

สนธิ- คุณเติมพูดถูก แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่คุณเติมไม่ได้พูด ข้อกล่าวหานี้มันเริ่มตอนไหน มันเริ่มตอนที่เราเริ่มกระบวนการโหวตโน เพื่อทำลายความชอบธรรมว่า การที่ผมโหวตโน เพราะผมรับเงินทักษิณมา ถูกไหมถูก ประกอบกับข้อกล่าวหานี้ เพื่อมายุให้ผมออกไป เพื่อแก้ข้อกล่าวหาว่า ถ้าผมไป แล้วผมออกหรือเปล่าวันที่ไปชุมนุมหน้ารัฐสภา ผมออกหรือเปล่า แล้วพวกคุณที่คุณร้อง คุณอัญชลี ไพรีรักษ์ ที่คุณร้อง ทำไมที่กองปราบทำไมคุณเที่ยวเชียร์ให้คนโน้นคนนี้ไป ทำไมคุณไม่โผล่หน้าไป ทำไมคุณไม่โผล่หน้าไป และคุณมาบอกเอามิตรเป็นศัตรูใช่ไหม ใช่ไหม ใช่ไหม ที่หน้ารัฐสภา ผมไม่เห็นคุณออกเลย เห็นแต่ไอ้พวกมือปืนรับจ้างเช่น หมอตุลย์ ผมต้องเรียกหมอตุลย์ว่า มือปืนรับจ้างใช่ไหม แล้วเที่ยวเอาเสื้อสายล่อฟ้าให้เขาใส่ วันนี้ผมไม่อยาก คือผมรำคาญพวกพรรค สาวกพรรคประชาธิปัตย์ คือมันโง่ได้ใจ โง่จนอธิบายไม่ถูก โง่ตรงไหนรู้ไหม โง่ตรงที่ว่าตนเองผิด ไม่เคยเห็นความผิดตนเอง แล้วไปเที่ยวป้ายร้ายป้ายสีคนอื่นเขา แล้วจริงๆ นะเติม นี่จริงๆ นะ โดยพื้นฐานนี่คือสันดานที่แท้จริงของพรรคประชาธิปัตย์

จินดารัตน์- วันนี้เขากำลังเริ่มงานถนัดอีกครั้งหนึ่ง จากข่าวของเทพไท เสนพงศ์ ชวนนท์ เขาฟาดงวงฟาดงาเสร็จเขาบอกว่า ตกลงจะให้มิตรเป็นศัตรูทั้งหมดใช่ไหม และที่สำคัญเขาพูดประโยคทิ้งท้ายว่า ที่ทำแบบนี้เหมือนกับว่า อยากให้ทักษิณอยู่ในอำนาจนานๆ หรือ

สนธิ- ทำไมพวกคุณถึงไม่ถามตัวพวกคุณเอง 2 ปีกว่าที่คุณเป็นรัฐบาล พวกคุณนี่แหละแอบจับมือกับทักษิณ คุณไม่ทำอะไรเขาเลยแม้แต่นิดเดียว คุณนี่ทำลายสถาบันทหาร คุณทำลายพลังประชาชน พันธมิตรฯ คือความเข้มแข็งของประเทศ แทนที่คุณจะส่งเสริมให้ความเข้มแข็งอันนี้ เข้มแข็งมากต่อไปอีก เพื่อเอาไปต่อต้านทักษิณ คุณกับกลัว ว่าพลังของพันธมิตรฯ จะยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คุณจะควบคุมได้ เพราะคุณไม่เคยมีความจริงจังกับชาติบ้านเมือง คุณเพียงแต่อยากจะคุมผม คุณอยากให้สนธิเป็นเด็กในคาถาคุณ คุณอยากให้เติมศักดิ์ อยากให้จินดารัตน์ อยากให้อุษณีย์ เอก อยากให้คนเอเอสทีวี เป็นคนข่าวที่เทิดทูนบูชาคุณ แล้วด่าใครก็ได้ที่เป็นศัตรูคุณ แต่เผชิญเรากินข้าว เราไม่กินข้าวผสมขี้ คุณเลยไม่รู้จะทำอย่างไร คุณผิดหวัง คุณเลยได้คนอย่างอัญชลี ไพรีรักษ์ ไป เหมาะสมกันแล้ว สมควรที่สุด แล้วคุณได้คนอย่างพวกเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง จิตกร บุษบา ดีแล้วไง ถ้าคุณคิดว่า คุณเรียกมวลชนได้ ทำไมคุณอัญชลีไม่นำทัพ ทำไมคุณเจิมศักดิ์ไม่นำทัพ ทำไมคุณจิตกร บุษบาไม่นำทัพ ผมไม่เคยห้าม ผมไม่เคยห้ามพันธมิตรฯ ผมพูดตลอดเวลาถ้าอยากไปร่วมไปร่วมเลย ผมไม่ว่าทั้งสิ้น ทีหลังอย่านั่งพูดหน้าจอ เดินนำหน้าเสียหน่อย จะปักหลักพักค้างที่ไหนไปทำให้หน่อย อยู่สักเดือนหนึ่ง ถ้าผมเห็นว่าคุณจริงใจ งวดนี้ผมค่อยไปร่วม แต่อยู่ก่อนนะเดือนหนึ่งนะ

เติมศักดิ์ - ผมได้ยินข้ออ้างว่า ที่ไม่มีแกนนำ เพื่อต้องการให้เหมือนกับว่า คนมากันโดยเป็นธรรมชาติ มากันเองไม่มีแกนนำ เขาเลยไม่มา

จินดารัตน์- ที่กองปราบ

เติมศักดิ์- ไม่มีแกนนำ

สนธิ- โอ้ย ช่างมันเถอะ

จินดารัตน์- จริงๆ พรรคประชาธิปัตย์ คุณอภิสิทธิ์กับพรรคประชาธิปัตย์ ทำลายชีวิตคน 2 คนที่เรา

สนธิ- ผมอยากจะถาม อยากจะถามคุณอะไร

จินดารัตน์- คุณพนิชหรอคะ

สนธิ- คุณอะไรก็ตาม ที่เป็นแมลงสาบ ผมอยากจะถามว่า กรณีคุณวีระ คุณราตรี คุณตอบคำถามผมหน่อยได้ไหม ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ถึงทำร้ายชีวิตคนสองคน ทั้งๆ ที่สองคนนี้ เขายืนอยู่บนแผ่นดินไทย ยืนอยู่บนแผ่นดินไทย คุณไม่ได้ช่วยเขา แต่เมื่อคุณช่วย คุณช่วยเฉพาะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ คือคุณพนิชให้กลับมาคนเดียว ไอ้อย่างนี้ทำไมสาวกพรรคประชาธิปัตย์ไม่พูดบ้าง ใช่ไหม จะเป็นจะมาจากนามสกุลไฮโซ หรือว่าแม้กระทั่งคนอย่างคุณอัญชลี ไพรีรักษ์ จิตกร บุษบา หรือว่าเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ถามใช่คุณสิ ถ้าคุณยังมีความเป็นมนุษย์เหลืออยู่ ถามว่าคุณรู้สึกไหมเรื่องวีระ กับคุณราตรี และถ้าคุณรู้สึกถามว่า คุณโง่พอที่จะรู้ไหมว่า ใครเป็นคนทำให้เขาไปติดคุกอย่างนั้น ก็ถ้าไม่ใช่ไอ้พรรคที่คุณบอกว่า ตกลงจะไม่เอามิตรเลยใช่ไหม ถ้าพวกคุณเป็นอย่างนี้หรอ ผมไม่เอาพวกคุณหรอก แล้วผมไม่เอาพวกคุณมานานแล้ว ผมไม่เอาเพื่อไทย ผมจะอยู่ของผมอย่างนี้ มีอะไรหรือเปล่า คุณไปยกมือในสภาฯ กันสิ เหมือนกับที่ ดร.บุญเลิศ เขียนจดหมายมาถึงผมว่า เราไม่รู้จะไปสู้เขาอย่างไร ยกมือในสภาฯ ก็แพ้เขา ทำไมความรู้สึกคุณมันถึงช้าอย่างนี้

เติมศักดิ์- นักข่าวเอาคำปราศรัยคุณสนธิ เมื่อวันที่ 7 ตุลาฯ ไปถามคุณสุเทพ คุณสุเทพบอกว่า ถ้าจะให้กลับไปคุยกับนายสนธิอีกครั้ง คงไม่คุยแล้ว

สนธิ- อ่อ ไม่ต้องคุย ผมไม่อยากคุยกับคุณอยู่แล้ว คุณสุเทพ ชีวิตคุณเนี้ยะ ผมเชื่อว่าคุณกับผมถ้าตายพรุ่งนี้ คุณได้ตกนรก ผมขึ้นสวรรค์ เพราะคุณงามความดีที่ผมทำให้แผ่นดินนี้มากกว่าสิ่งที่คุณทำให้กับแผ่นดินนี้ คุณเล่นการเมืองมาตลอดชีวิต คุณเคยทำอะไรให้แผ่นดินนี้สูงขึ้นบ้าง น้ำมันปาล์มที่ขาดตลาด ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนไปทั่วประเทศไทยนี่ฝีมือ ถ้าไม่ใช้ฝีมือพรรคคุณ คุณไม่ต้องมาบอกคุณไม่ต้องมากลับมาคุยกับผมหรอก ถึงคุณจะกลับมาคุยกับผม ผมก็ไม่อยากคุยกับคุณ การที่ไม่ได้รู้จักคุณ หรือไม่ได้คบกับคุณ ผมถือว่าเป็นสิริมงคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม

จินดารัตน์- กองเชียร์ตบมือกันเกรียวเลยคะ งั้นเราปิดท้ายกันเรื่องแมลงสาบกันหน่อยดีไหมคะ ที่ไมอามี สหรัฐอเมริกาเขาจัดแข่งกันแมลงสาบ ปรากฏว่าคนที่ชนะเลิศได้รางวัล กินเข้าไปได้ไม่นานอายุ 32 ปี ล้มหงายทั้งเป็นเลยคะ และเสียชีวิตระหว่างทาง ปรากฏว่าหมอเช็กแล้วเช็กอีก หมอบอกว่า การกินแมลงสาบไม่น่าจะอันตรายต่อชีวิต แต่แมลงสาบบางชนิดกินเข้าไปแล้วมีเชื้อแบคทีเรีย และมีโรคปนเปื้อน

สนธิ- โดยเฉพาะแมลงสาบในเมืองไทย

จินดารัตน์- เลยตายได้ อันนี้เรื่องจริงนะคะ ข่าวที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

เติมศักดิ์- วันก่อนเมื่อวาน Media Monitor เขาทำการศึกษาทำวิจัยเรื่อง เฮดสปีดว่าสื่ออย่างพวกเรา ชอบพูดจาทำให้เกิดความเกลียดชัง

จินดารัตน์- ทำให้เกิดความแตกแยก

เติมศักดิ์- เขายกตัวอย่างด้วยว่า การไปเรียกพรรคๆ หนึ่งว่า แมลงสาบ มันไปกดเขาให้ต่ำ มันเป็นการไปสร้างความเกลียดชังอันนี้ เขาว่าอย่างนี้ อันนี้เป็นผลการศึกษาของเขา และเขาพูดถึงทีวีดาวเทียม ทีวีเสื้อเหลือง ทีวีเสื้อแดงมีส่วนในการยุยงปลุกปั่นให้คนเกลียดชังกัน ผมอยากจะแลกเปลี่ยนตรงนี้เหมือนกันว่า จริงๆ สิ่งที่เราพูด มันเป็นไม่ใช่ผลทำให้เกิดความเกลียดชัง ไม่ใช่เหตุทำให้เกิดความเกลียดชัง แต่มันเป็นผลจากพฤติกรรมของนักการเมืองมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมของระบอบทักษิณ พฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้เราต้องมาพูดในวันนี้ มันเป็นผลไม่ใช่เหตุ

สนธิ- คุณเติม เมื่อกี้ผมไปเรื่องถอดยศทักษิณ คุณอภิสิทธิก็พูด วันนี้คุณสุเทพก็พูด ผมฟังแล้วผมจะอาเจียน มันชัดเจน วันนี้ทั้งอภิสิทธิ์ทั้งสุเทพ เอาเรื่องถอดยศทักษิณมาเล่นการเมืองทันที เมื่อตนเองไม่ได้เป็นนายกฯ แต่ตอนตนเองเป็นนายกฯ ตนเองเป็นรองนายกฯ แล้วคุมตำรวจ ตนเองไม่เคยอธิบายว่า ทำไมตนเองไม่ทำ นี้คือชัดเจนจริงๆ แต่ผมอยากให้พรรคประชาธิปัตย์ ช่วยตอบตรงนี้หน่อยว่าทำไม นอกเหนือจากวีระ ราตรีแล้ว ว่าทำไมวีระ ราตรีถึงติดคุก แล้วทำไมคุณพนิชถึงหลุดออกมา ตรงนี้ผมถึงบอกว่า เป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด ไอ้โจรถ้ามันบุกเข้ามา และมันบอกตะโกนบอกว่า ไอ้เสืออาวา(***)ผมไม่เกลียดมันหรอก เพราะผมรู้มันจะปล้นผม ผมเตรียมสู้มัน แต่ไอ้ที่แต่งตัวดีพูดจาดี แล้วซ่อนปืนซ่อนมีดอยู่ในตัว ดันหรอกให้เราเปิดประตูเข้าบ้านเรา แล้วมาปล้นเรา ไอ้พวกนี้น่ารังเกียจที่สุด คือผมไม่รู้จะใช้คำพูดว่าอย่างไร ใช้คำว่า ขยะแขยงยังน้อยไป จริงๆ ใช้คำว่าขยะแขยงยังน้อยไป

จินดารัตน์- ถ้าเป็นภาษาเพื่อนกันต้องบอกว่า ใครจะไปรักมันลงวะ ใช่ไหมคะนาย

เติมศักดิ์- นี่คือคำตอบว่า คือคนชอบถามกันว่า ทำไมไปเปิดศึกกับประชาธิปัตย์

จินดารัตน์- ชอบผลักมิตรให้เป็นศัตรู

เติมศักดิ์- เฉพาะหน้าเราต้องจับมือกันก่อน จับมือต่อสู้กับทักษิณก่อน ถ้าไปเปิดศึกกับประชาธิปัตย์ เดี๋ยวระบอบทักษิณเข้มแข็งขึ้นมาอีก ผมไม่ได้เกลียด ผมไม่ได้เกลียดทักษิณ หรือว่าเกลียดประชาธิปัตย์ แต่ผมคิดว่า ทั้งสองพรรคใช้ไม่ได้ทั้งคู่ เมื่อใช้ไม่ได้ทั้งคู่ ทำไมจะต้องไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อล้มทักษิณ หรือจับมือกับทักษิณไปล้มประชาธิปัตย์ ผมไม่ชอบคุณทั้งคู่ และนี่คือปรัชญาหลักการของโหวตโน เติมศักดิ์ นี่คือหลักการของโหวตโน ผมไม่เอาคุณทั้งคู่ และทำไมผมจะต้องไปจับมือกับคุณเพื่อล้มทักษิณ ทักษิณผมไม่เอาเขาอยู่แล้ว และเผอิญคุณ ผมก็ไม่เอาด้วย แล้วทำไมคุณไม่ล้มเขาเอง คุณมีทีวีตั้ง 3 ช่อง แล้วผมอยากจะถามว่า ไอ้ช่อง 3 ช่องเอาเงินมาจากไหน หงายบัญชีดูกันหน่อยได้ไหม เอเอสทีวีหงายได้ เห็นชัดเจนเลย เงินค่าปุ๋ยมาอย่างนี้ เงินค่าเอเอสทีวีโปรดักส์มาอย่างนี้ เงินค่าโฆษณามาอย่างนี้ เงินบริจาคมาอย่างนี้ ผมท้าดู Sky News และ TVD ว่า เอาบัญชีมาหงายกันหน่อยว่า คุณเอาเงินมาจากไหนกันวะ

เติมศักดิ์- วันนั้นได้ยินคุณสุเทพให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ นักข่าวไปสัมภาษณ์ หยิบคำพูดนี้ไปสัมภาษณ์คุณสุเทพ คุณสุเทพบอกว่า ทีวีทั้ง 3 ช่องเกิดจากคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน

สนธิ- อุดมการณ์ อ๋อมีใช่ไหมอุดมการ์ค่าเช่าดาวเทียม 3 ช่อง ช่องหนึ่งประมาณเกือบล้านบาท 3 ล้านบาท ค่าเงินเดือน เดือนหนึ่งทั้ง 3 ช่องประมาณ 10 ล้าน ผมถามว่า อุดมการณ์ใครเอามาลง ถ้าอุดมการณ์เอเอสทีวี เพราะประชาชนเขาสนับสนุน ของพวกคุณนี่มันอุดมการณ์ทางการเมืองคือ ไอ้ 3 ช่องไม่รู้เงินมาจากไหน เอาบัญชีมาให้ดูหน่อยได้ไหม เงินที่ดูผ่านบัญชีว่า ที่มาใช้จ่าย จ่ายค่าดาวเทียม จ่ายค่าโน้นค่านี้ ผมกล้าฟันธงเลยว่า ไอ้ 3 ช่องนี้ จะต้องได้เงินมาจากบางแห่ง ซึ่งอธิบายไม่ได้

จินดารัตน์- และมันก็แปลกทุกครั้งที่มีการวิพากษ์ทีวีดาวเทียมว่า ทำให้เกิดความแตกแยก มักจะมีแค่ช่องเหลืองกับแดง แต่ช่องสีฟ้า ทำไมไม่มีใครพูดถึง และเขาเก่งเรื่องการปล่อยข่าว ชอบเสี้ยมว่า เป็นเพราะเหลืองกับแดง แต่วันนี้มันมีสีฟ้าขึ้นมาด้วย จะตอบว่าอย่างไร

สนธิ- ด้วยเหตุนี้ไง เราถึงไม่อยากจะยุ่ง ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย เพราะเราไม่ชอบทั้งคู่ ใครชอบใครไป แต่ผมคนหนึ่งไม่เอา แกนนำพันธมิตรฯ แน่นอนที่สุดทั้ง 4 คนไม่เอาเด็ดขาด

เติมศักดิ์- คือบางคนบอกว่า ระบอบทักษิณเป็นศัตรูกับประชาชน และเป็นกับพันธมิตรฯ เมื่อประชาธิปัตย์เป็นศัตรูกับระบอบทักษิณ เป็นฝ่ายตรงข้ามระบอบทักษิณ ศัตรูของศัตรูเราถือว่า เพื่อน

จินดารัตน์- เป็นมิตร

สนธิ- เป็นเขาเรียกภาษานักเลง เขาเรียกตรรกะหัวแม่ตีน

จินดารัตน์- สั้นๆ ได้ใจความ

สนธิ- ได้ใจความดีไหม สามานย์ พวกสาวกประชาธิปัตย์ไม่พอใจอมไปเลย มันเรื่องอะไร คุณเป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทย ทำไมเมื่อผมเป็นศัตรูกับพรรคเพื่อ ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทย แต่ผมไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยบริหารชาติบ้านเมืองต่อไป ผมไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับเขา เมื่อใดก็ตาม ที่เขาตั้งใจทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง ผมพร้อมจะสนับสนุนเขา แต่ถ้าตราบใดเขายังจะแก้กฎหมายทักษิณพ้นผิดแล้วกลับมาผมจะสู้เขา ตราบใดเมื่อใดก็ตามที่เขาจะแก้มาตรา 112 ผมจะสู้กับเขา ตราบใดที่เขายังฉ้อราษฎร์บังหลวง ผมจะต่อต้านเขา แต่ไม่ได้แปลว่า การซึ่งคุณไปต่อต้านกับเขา แล้วคุณจะต้องเป็นมิตรกับผม เพราะว่าผมยังจำเรื่องของวีระ ราตรีได้ ผมยังจำเหตุการณ์ตอนที่คุณปกครองชาติบ้านเมืองอยู่ 2 ปีครึ่ง ผมยังจำเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร ผมยังจำเรื่องพื้นที่ 1 ต่อ 2 แสนได้ ผมจำได้หมด เมื่อผมจำได้หมด ผมเห็นว่า คุณไม่ได้ชั่วน้อยกว่าเขา และทำไมผมจะต้องไปร่วม เพียงเพราะคุณเป็นศัตรูเขา ผมถึงบอกว่า ขอประทานโทษคุณเติมศักดิ์ ตรรกะหัวแม่ตีนจริงๆ

เติมศักดิ์- แต่ว่าปัญหาคือว่า ที่เขาอ้างว่า เขาเป็นฝั่งตรงข้าม ก็ไม่ได้ตรงข้ามจริงๆ หลายอย่างทำตามกัน และเดินตามรอยกัน

จินดารัตน์- แล้วพยายามเนียนกับเราด้วยนะ

เติมศักดิ์- ส่งไม้ต่อกันด้วยนะ

จินดารัตน์- เดี๋ยวคืนนี้นักรบไซเบอร์เตรียมตัวนะคะ เดี๋ยวมันจะมีแมลงสาบออกมาป้วนเปี้ยน

สนธิ- มันพล่าน คืออย่างนี้คือ จริงๆ แล้ว เราเคยพูดกันนะเติมว่า ไอ้พวกสาวกพรรคประชาธิปัตย์กับสาวกเพื่อไทย พวกเสื้อแดง นปช. นิสัยเหมือนกันเลย หูหนวกตาบอด เทิดทูนบูชา กลุ่มของตัวเองยิ่งใหญ่ ฝ่ายตรงข้ามผิดหมด ตัวเองถูกหมด ตัวเองผิดก็มองไม่เห็นความผิด ตัวเองผิดก็หาตรรกะอธิบายความผิดของตนเอง แต่ตนเองจะไม่มีวันที่จะผิด ไม่มี มีแต่พันธมิตรฯ มันผิดมาตลอด

เติมศักดิ์- มีเรื่องจำนำข้าว

จินดารัตน์- จบจากเรื่องแมลงสาบไปจำนำข้าวกับ ปตท.กัน

สนธิ- จำนำข้าว คุณเติมศักดิ์ ผมอยากให้คุณเติมศักดิ์ แอน และท่านผู้ชมทางบ้าน เข้าใจภาพรวมการจำนำข้าว จำนำข้าวถูกคิดขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์ 3-4 ประการ ประการแรกเพื่อที่จะเอาคะแนนเสียงจากชาวนาที่ไปจำนำข้าวว่า พรรคเพื่อไทยช่วยชาวไร่ชาวนา ประการที่สอง ซึ่งสำคัญกว่าประการแรก เป็นการสร้างหัวคะแนนชุดใหม่ขึ้นมา หัวคะแนนชุดใหม่คือ โรงสี โกดังเก็บข้าว คนพวกนี้ได้ผลประโยชน์จากการจำนำข้าวทั้งสิ้น เพราะได้เงินไงใช่ไหมครับ เมื่อได้เงินแล้ว คนพวกนี้คือ คนซึ่งในอนาคตจะต้องลงขันช่วยกับพรรคเพื่อไทย กระบวนการหนึ่ง ชาวนาสอง สร้างหัวคะแนนชุดใหม่ขึ้นมา ต่อด้วยสาม ได้ต่อยอดด้วยผลประโยชน์ของการฉ้อราษฎร์บังหลวง ซึ่งจะเข้ากระเป๋าทุกคนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่โรงสี ตั้งแต่คนกลางที่ติดต่อ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น นักการเมืองท้องถิ่น ขึ้นไปจนถึงนักการเมืองระดับชาติ และส่งไปจนถึงหัวหน้าพรรคการเมืองระดับชาติ กลุ่มการเมืองที่กินการจำนำข้าว นักการเมืองบางคน ก่อนที่จะมีจำนำข้าวเร่งไปซื้อโรงสี ซื้อกันและ สุโขทัยซื้อไป 3-4 โรง ใครจะเป็นนักการเมืองใหญ่ในสุโขทัย เดาเอาเองละกัน เขารู้ไงเขาซื้อทันที เพราะว่าข้าวมันเข้ามา อย่างที่ผมบอกว่า ข้าวเขาล็อกกันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เมื่อลงกล้าว่า เขาเหมาไว้แล้วนะทั้งหมดกี่ไร่ คิดเป็นกี่เกวียน เกวียนละเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นต้นทุนมีอยู่แล้ว ชาวนาที่ได้จริงๆ ได้น้อย แทบจะไม่ได้เลย แทนที่จะต้องเสียเงินเป็นจำนวนแสนๆ ล้าน ถ้าคุณจะจำนำจริงๆ วันนี้ประชาชนที่จริงๆ จากจำนวน 2.5 แสนล้าน ได้แค่ 70,000-80,000 ล้าน ที่เหลือโรงสีเอาไป คนกลางเอาไป คนกลางเอาไป นักการเมืองเอาไป ถ้าคุณจะทำอย่างนี้ ให้ประชาชนซื้อทำข้าวมา และส่งข้าวไปขาย ในราคาตันละ11,000 และอีก 4,000 รัฐบาลแจกไปเลย สิ้นเรื่องสิ้นราว จะดีซะกว่าระบบข้าวมันจะเจ๊ง สุดท้ายข้างบนสุดนอกเหนือจากการคอร์รัปชั่น คือการทำลายระบบอุตสาหกรรมข้าว วันนี้คนไม่ผลิตข้าวจะมีคุณภาพ เสียเวลา เร่งปิดข้าวที่เอาไปจำนำได้ เพิ่มน้ำหนักข้าวเข้าไป ใส่ปุ๋ยเคมีเข้าไปเยอะๆ ให้ข้าวมันมีน้ำหนักมากขึ้น เข้าใจยัง ถ้าจำนำข้าว คุณจะจำนำทั้งที ไหนๆ คุณจะทำแล้ว ถ้าคุณจำเป็นต้องทำ ทำไมไม่จำนำข้าวชีวภาพ ข้าวออแกนิก

จินดารัตน์- เกษตรอินทรีย์

สนธิ- ให้ราคาสูงไปเลย แล้วคุณจะเป็นประเทศเดียวที่มีข้าวเกษตรอินทรีย์อยู่ในสต๊อกเยอะที่สุด ทำให้ราคาในตลาดโลกมันซื้อขายได้ แต่ตอนนี้ข้าวทุกคนเร่งผลิตข้าวเพื่อเอาไปจำนำ เพราะว่ารู้อยู่แล้วว่า ได้ 15,000 บาท ที่สำคัญคือ เขาไม่ได้อย่างนั้นจริง ระบบข้าวพังทลาย คุณภาพข้าวตก ระบบการตลาดพัง และในที่สุดจะเกิดเจ้าใหม่เข้ามาผูกขาดข้าว วิธีผูกขาดข้าวง่ายนิดเดียว และในที่สุดแล้ว มันจะกินอีกต่อหนึ่ง อีกเด้ง เด้งสุดท้ายคืออะไรรู้ไหม เด้งที่พอว่าข้าวเริ่มอยู่ในโกดัง ระบายไม่ออก จะหาคนมาเอาข้าวไปขายเมืองนอก เอกชน เอกชนพวกนี้พวกใคร พวกเขาทั้งนั้น วิธีการในที่สุดคอยดู มันจะจบลงอย่างนี้ มันจะจบลงด้วยตอนที่ข้าวมีอยู่ทั้งหมดตอนนี้ตัน 10 ล้านตัน แต่มันเสียไป 30 เปอร์เซ็นต์ 3 ล้านตัน เหลือ 7 ล้านตัน 7 ล้านตันเอาไปขาย เนื่องจากว่าราคาตลาดโลกแนวโน้มจะตกลง แนวโน้มจะตกลง เพราะฉะนั้นราคาตอนนี้ต้องขาย ส่วนต่างที่ขาดทุนอยู่ รัฐบาลจะแบกเอาไว้ เอเย่นต์ที่เอาไปขาย จะกินส่วนต่างกำไรตรงนี้ นี้คือเทคนิคสุดท้ายเข้าใจหรือยัง นี่คือจำนำข้าว และผมไม่เข้าใจ ผมยังคิดว่า ข้าว การจำนำข้าวคือการทำลายรัฐธรรมนูญ เพราะนั้นคือการทำลายระบบการค้าข้าวทั้งระบบ คนที่เสียหายคือประชาชน และที่สำคัญคนที่เสียหายคือประชาชน มันคือการเสียหายระบบเศรษฐกิจโดยส่วนรวม นี่มันอยู่ในรัฐธรรมนูญ มันไม่อยู่ไม่ได้

วันนี้มีการซื้อกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ อัยการไปแล้ว เดี๋ยวเราจะคุยกันสักนิด ศาลจะเริ่มไป ไปกันเยอะ เดี๋ยวนี้เขาหว่านเงินกันให้พวกคนที่อยู่ในวงการยุติธรรม ศาลบางคน ผู้พิพากษาบางคน อัยการบางคนเป็นร้อยล้าน วันนี้สังคมไทยมีปัญหาอยู่ 3 เรื่อง คำพูด 3 คำพูดนี้ เป็น 3 คำพูดที่ทำให้สังคมไทยผิดเพี้ยน และใกล้ล่มสลาย อันแรกที่เขาพูด เขาพูดอย่างไรรู้ไหมน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง อันที่สอง ประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียว อันนี้สำคัญมากนะ อย่าทำเป็นเล่นไปนะ ผมจะบอกให้รู้ เพราะฉะนั้นเรื่องต่างๆ พวกนี้ อันที่สามคือ อันที่สามทำยากที่สุด เติมศักดิ์ยากมาก คนที่เป็นผู้พิพากษา เป็นอัยการ จะต้องพยายามชนะใจตัวเองให้ได้ ชนะกับเงินที่ไหลเข้ามา 100 ล้านบาท ถามว่าวันนี้คนที่ยังยึดถือศักดิ์ศรี มีบ้างไหม ผมว่ายังมีอยู่บ้าง ไม่น้อยนะ ผมว่าโดยพื้นฐานผู้พิพากษา อัยการเงินเดือนสูงมาก ถ้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วมีความรู้สึกว่า มีชีวิตมีความสุขอยู่แล้ว ได้ทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมือง เงินเดือน 2-3 แสนบาทต่อเดือน มันอยู่ได้ แสนกว่าบาทนี่ขั้นต่ำอยู่ได้แล้ว ผมคิดว่าจะมีคนที่ยังยืนหยัดอยู่ได้พอสมควร แต่เขาทิ้งทุ้นกันเป็นเรื่องๆ เช่นคดีนี้เอาไปเลยร้อยล้าน คนที่รับมาเขามอง คดีนี้มันเรื่องเล็ก มันไม่ได้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงชาติ ช่างมันเถอะ ตรงนี้ไงที่แพ้ใจ นี่คือ อัยการนี่เห็นชัด

คุณเติมศักดิ์คงรู้แล้วใช่ไหมว่า เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3509/2549 คุณเติมศักดิ์ทราบแล้วใช่ไหม คุณเติมศักดิ์รู้ใช่ไหมใครเป็นคนพิพากษาคดีนี้ เป็นหัวหน้าองค์คณะท่านวิชัย เวียงเสน(***)ป.ป.ช. ผมคัดเลือกคำพูดที่สำคัญมาบางคำพูด อ่านให้ฟังให้ท่านผู้ชมฟัง คือเรื่องสั้นท่านผู้ชม ผู้พิพากษาคนหนึ่งขับรถอยู่ และมีอาเสี่ยคนหนึ่งขับรถไปชนท้ายท่าน ตูม พอชนปั๊บ ผู้พิพากษาลงมา ไอ้เสี่ยนี้เอามือตบกะโหลกผู้พิพากษาคนนั้น ผู้พิพากษาไปแจ้งความกับตำรวจว่า มันทำร้ายร่างกาย ตำรวจรับแจ้งความ ไอ้เสี่ยนี้ไปแจ้งความซ้ำ ว่าผู้พิพากษาไปทำร้ายร่างกายมัน ตำรวจลงบันทึกหลักฐาน และปล่อยตัวไป หลังจากนั้นหนังสือพิมพ์เดลินิวส์มาลงข่าวว่า ผู้พิพากษามาทำร้ายไอ้เสี่ยคนนี้ และต้องใช้เงิน 80,000 บาท ประกันตัว ทีนี้ผู้พิพากษาเขาเสียหาย เพราะว่าภาพมันออกไปว่า เขาเป็นผู้พิพากษา และไปทะเลาะกับประชาชนเรื่องรถชนกัน และจะต้องประกันตัวไป ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ประกันตัว ตำรวจปล่อยไป เขาเลยฟ้องศาล ว่าหนังสือพิมพ์เดลินิวส์หมิ่นประมาท และไอ้เสี่ยคนนี้หมิ่นประมาท ปรากฎว่าทั้งตำรวจและอัยการสั่งไม่ฟ้องบอกไม่มีเจตนา เขาเลยฟ้องอัยการคนนี้ และหนังสือพิมพ์ โดยเฉพาะอัยการเขาฟ้องมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ศาลต้นให้ลงโทษอัยการ ศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษ มันฎีกา ศาลฎีกาลงโทษ แต่คำพิพากษาศาลฎีกาคลาสสิคมาก เขาเขียนอย่างนี้ เนื่องจากอัยการอ้างว่า อัยการมีสิทธิ์ในการใช้ดุลพินิจต้องอิสระ เป็นการใช้ดุลพินิจที่มิได้อยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผล แต่เป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ เหมือนกับคดี 7 ตุลา ที่มันใช้ดุลพินิจ คือการใช้ดุลพินิจตามอำเภอ จึงเกินล้ำออกมานอกขอบเขตของความชอบด้วยกฎหมาย และในฐานะที่จำเลยเป็นข้าราชการอัยการชั้นสูง จำเลยย่อมทราบดีถึงเกณฑ์วินิจฉัย ข้อมูลความผิดของพนักงานอัยการ การใช้ดุลพินิจผิดกฎหมายในกรณีนี้ จำเลยเห็นได้อยู่ในตัวแล้วว่า เป็นการมิชอบ และมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เพื่อจะช่วยให้บริษัทสี่พระยาการพิมพ์เดลินิวส์ และนาย ป. คืออาเสี่ยคนนี้ มิให้ต้องโทษจากการกระทำความผิดของตน เดี๋ยวๆ มีที่น่าสนใจมาก ผมอ่านละเอียด ตรงนี้คุณเติม ความมีอิสระของพนักงานอัยการที่จะวินิจฉัยสั่งคดีนี้ มิใช่จะไร้ขอบเขตทีเดียว ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ การใช้ดุลพินิจวินิจฉัยสั่งคดีของพนักงานอัยการทุกคน จะต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของความชอบด้วยกฎหมาย หมายความว่า ถ้าการใช้ดุลพินิจของพนักงานอัยการคนใด เกินล้ำออกนอกขอบเขตดังกล่าว การใช้ดุลพินิจนั้น ย่อมเป็นการไม่ชอบ แต่การใช้ดุลพินิจดังกล่าวอยู่ภายในขอบเขตของความชอบด้วยกฎหมาย ภายในขอบเขตนี้ พนักงานอัยการจะวินิจฉัยสั่งคดีไปในทางใดก็ได้ ซึ่งความหมายของการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายในที่นี้ คือการใช้ดุลพินิจที่อยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผลที่วิญญูชนโดยทั่วไปยอมรับได้ว่า มิใช่เป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอ หรือการบิดผันในอำนาจ

เพราะฉะนั้นดุลพินิจของอัยการสูง นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ที่มีต่อกรณีของเหตุการณ์ 7 ตุลา เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่สมเหตุสมผล ที่วิญญูชนทั่วไปยอมรับ เป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ ทำไมถึงไม่สมเหตุสมผล ประการแรกคดี 7 ตุลา ถูก ป.ป.ช.สืบสวนสอบสวนชี้มูลความผิด คณะกรรมการสิทธิชี้มูลความผิด ศาลปกครองชี้มูลความผิด 3 หน่วยงานอิสระ สืบสวนด้วยอิสระแล้วชี้มูลความผิด มีภาพให้เห็นชัดว่า ได้มีการทำร้ายประชาชนด้วยอาวุธปืนชัดเจน ชัดเจน อันนี้เป็นสิ่งซึ่งวิญญูชนเข้าใจและมีเหตุผล แต่คุณสั่งไม่ให้ฟ้องโดยอ้างว่า มีเหตุผล มีหลักฐานไม่พอเพียง โดยตรรกะแล้ว เมื่อตำรวจเป็นคนยิง คุณสามารถถามได้ว่า ใครสั่งให้ตำรวจยิง แค่นี้รู้แล้วว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีสั่งใคร สั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคัดค้านไหม ถ้าไม่คัดค้านต้องลงไปที่ผู้ปฏิบัติการคือ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว นี่คือตรรกะไง ที่วิญญูเห็นว่า มีเหตุผล เพราะฉะนั้นคุณจะใช้อิสระของคุณโดยที่ไม่มีเหตุผลก็ไม่ได้

คุณเติม หมอสุพัฒน์วันนี้ ตำรวจมันค้นไร่ นี่ถ้ามันรื้อไร่ทุกตารางนิ้วมันรื้อหมดแล้วนะ เพื่ออะไร เพื่อหาหลักฐาน ของเราพันธมิตรฯ ทั้งภาพทั้งตัวประจักษ์พยาน ทั้งความตายของคน ทั้งคนที่พิการ และคนที่ตำรวจยิง ทั้งขว้างระเบิด ทั้งบอกว่าพวกมึงทนได้ทนไป หลักฐานมีพร้อม แล้วอัยการมันบอกว่า หลักฐานไม่พอ 157 อัยการมันไม่เคยโดนตามล่าตามล้าง ผมจะเตือนอย่าง วันนี้นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ ปีหน้าจะพ้นอัยการสูงสุด หลังจากนั้นจะเป็นอัยการอาวุโส จนถึง 70 แล้วก็เกษียณ ชีวิตนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ จะเป็นชีวิตที่โดดเดี่ยวมาก เพราะวันที่ลงจากหัวโขนแล้ว จะไม่มีทีมอะไรมาปกป้อง เขาจะต้องเผชิญกับความเครียดแค้น ความต้องการเรียกร้องความยุติธรรมของพันธมิตรฯ ทั่วประเทศในเรื่องนี้ ตลอดชีวิตเขา ชีวิตเขาจะไม่มีความสุข และผมกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทุกประการ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ครุฑ นาค อินทร์ ยม พรหม ยักษ์ พวกผมแกนนำพันธมิตรฯ จะเดินหน้าเรียกร้องความยุติธรรมไปจนตลอดชีวิต ไม่ว่านายจุลสิงห์จะอยู่ที่ไหน เวลาใด แม้กระทั่งเป็นมะเร็งจะตายบนเตียงคนไข้ จะลากคุณมาขึ้นศาล และเอาคุณเข้าตารางให้ได้ ในกรณีที่คุณสั่งไม่ฟ้องเรื่อง เจตนา

เดี๋ยวผมจะต่อให้ คดีผมกรณีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ผมสู้ด้วยเจตนาเอาหลักฐานให้ดูว่า ไม่มีเจตนา มีพิสูจน์ชัดเจนว่า ผมขึ้นบนเวทีพูด เพราะว่าต้องการที่จะให้ยายดา ถูกดำเนินคดี อัยการไม่ยอมพิจารณาเรื่องเจตนา อัยการคนนั้นคนที่ทำคดีชื่อ นายประกาศิตไม่ยอม ปรากฎว่า พิจารณาว่าผมเอาคำพูดไปพูด ซึ่งไม่ควรจะพูดใช่ไหม ศาลพิพากษายกฟ้อง เพราะว่าผมไม่มีเจตนา จตุพร พรหมพันธุ์ จักรภพ เพ็ญแข อัยการมันสั่งไม่ฟ้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มันบอกว่าไม่มีเจตนา มันพิจารณาเจตนาของไอ้สองตัวนั้น แต่ของผมมันไม่ยอมพิจารณาเจตนา เห็นหรือยัง นี่อีกช็อตหนึ่งที่ผมจะฟ้องมัน กรณีดา ตอร์ปิโด กับผม ตอนที่ผมโดนที่มันเล่นงาน ผมยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม แล้วผมถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านสำนักงานราชเลขา ผมบอกผมได้ยื่นไปแล้วนะ ขอให้มันรอดูว่า สำนักราชเลขาจะมีความเห็นออกมาอย่างไร มันไม่รอมันฟ้องผมเลย ยายดา ตอร์ปิโด ยื่นให้มันบอกว่า มันส่งตีความศาลรัฐธรรมนูญว่า มาตรา 112 ผิดรัฐธรรมนูญหรือเปล่า มันไม่ฟ้อง มันรอมาเป็นปีสองปีและ เพิ่งจะมาออกมา 2 วันที่แล้วว่า ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ นอกจากเรื่องเลือกปฏิบัติ แล้วกรณีของผมมันเห็นชัดเจน กรณีจตุพร พรหมพันธุ์ กรณีจักรภพ เพ็ญแข ชัดเจน

เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้ มันพิสูจน์ชัดเจนว่า อัยการไหนไพร่ ว่าเขาไม่ใช่ทนายแผ่นดิน เขาคือทนายคนเสื้อแดงชัดเจน ชัดเจน

เติมศักดิ์- คดี 7 ตุลา เขาอ้างเหมือนกัน คดี 7 ตุลาฟังจากคุณวิชา มหาคุณ ป.ป.ช. อัยการอ้างว่า มันยังขาด "เจตนาพิเศษ"

จินดารัตน์- เจตนาพิเศษ

เติมศักดิ์- ฟ้องไม่ได้ ต้องสั่งไม่ฟ้อง 4 ฆาตกร

จินดารัตน์- มีข้อไม่สมบูรณ์

เติมศักดิ์- แต่พอเปรียบเทียบกับคดีคุณสนธิ อ้างเรื่องเจตนาเหมือนกัน

สนธิ- หรือคดีผู้ก่อการร้ายที่มันจะฟ้องเราวันที่ 20 ธันวาฯ เราไม่มีอาวุธ ไม่เข้าองค์ประกอบเลยแม้แต่นิดเดียวเรื่องผู้ก่อการร้าย มันก็ยังจะฟ้อง นี่ไง มันถึงเข้า เติมศักดิ์ มันเข้าเป๊ะเลย การใช้ดุลพินิจ ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมาย ในที่นี้คือการใช้ดุลพินิจที่อยู่บนรากฐานของความสมเหตุสมผล ที่วิญญูชนโดยทั่วไปยอมรับได้ว่ามิใช่เป็นการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ เอะอะอะไรมันก็บอกมันมีอิสระในการใช้ดุลพินิจ โธ่ ฎีกา 2549 ที่ 3509/2549 อยู่ในนี้ชัดเจน

จินดารัตน์- นี่จะเป็นบรรทัดฐาน

สนธิ- บรรทัดฐาน ต้องเอามันติดคุกให้ได้

จินดารัตน์- ถึงคราวที่ประชาชนจะมา

สนธิ- ไม่ อัยการนี่ไม่เคยโดนลุย จากนี้ไปพันธมิตรฯ จะลุยอัยการ จะฟ้องอัยการทุกคดี

จินดารัตน์- ที่ผ่านมาประชาชนทั้งประเทศนะคะคุณสนธิ ที่อึดอัดคับข้องใจมากว่าคดีที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศกี่คดี

สนธิ- คดีภาษีอากรคุณหญิงอ้อ ทำไมคุณไม่ฎีกา ศาลชั้นต้นลงโทษคุณหญิงอ้อ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ยิ่งเป็นเหตุจะต้องฎีกา เพราะจะได้ให้ศาลฎีกาตัดสินว่าในที่สุดแล้วใครถูก ใครผิด เพราะต้นลง อุทธรณ์ยก แต่ไม่ยอมฎีกา คุณใช้ดุลพินิจอิสระส้นมือส้นตีนอะไรของคุณคราวนี้ ผมถามหน่อย ตอบให้ผมฟังหน่อยสิ แล้วชอบพูดตลอดเวลาว่าอัยการมีดุลพินิจอิสระ นี่ไง อิสระมันต้องสมเหตุสมผล ไม่สมเหตุสมผลไม่ได้ อัยการธรรมดาเรื่องแค่ 50:50 มันยังฟ้องเลย เรื่องผมมันยังฟ้องเลย ทั้งที่มันรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีเจตนา

จินดารัตน์- ที่ควรฟ้องกลับไม่ฟ้อง

สนธิ- นี่ไง นี่คืออัยการไง เพราะฉะนั้นอัยการวันนี้มันเป็นอัยการโจรไปแล้ว ไม่ใช่อัยการแผ่นดิน อย่าได้ทะลึ่งมาพูดว่าผมเป็นอัยการแผ่นดิน คุณไม่ใช่ อัยการมีปัญหา จุลสิงห์ วสันต์สิงห์ เป็นนักเรียน วปอ.รุ่นเดียวกับสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ชัยเกษม รุ่น 2388 ปี 38 รุ่นเดียวกันหมด แล้วอัยการเดี๋ยวนี้ไปเป็นกรรมการบอร์ด จุลสิงห์อยู่การบินไทย คนโน้นอยู่ ปตท. ผมถามซิ เป็นหน้าที่อัยการทะลึ่งไปเป็นกรรมการทำไม คุณเป็นทนายแผ่นดิน ถ้าวันหนึ่ง ปตท.ทำไม่ถูกต้อง ประชาชนทะเลาะกับ ปตท.คุณก็ไปเข้าข้าง ปตท.น่ะสิ คุณไม่ได้เป็นทนายแผ่นดินแล้วนี่ คุณเป็นทนายตามผลประโยชน์ที่ใครก็ตามให้คุณ คุณก็พร้อมที่จะทำให้เขา อัยการจะฉิบหายทีนี้ จะฉิบหายแน่ๆ ชื่อเสียงเกียรติยศวันนี้ไม่มีเหลือแล้ว

คนที่เป็นอัยการทั่วไป ที่ยังรักอาชีพอัยการอยู่ ผมมาดูแล้วในอดีตนะ อธิบดีอัยการ ตั้งแต่ประเทือง กีรติบุตร ท่านสุจิน คณิต ณ นคร ไล่มาเรื่อย จบสิ้นที่สุดท้าย ไม่มีใครเหมือนกับยุคชัยเกษม และยุคของจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการยุคชัยเกษม กับจุลสิงห์ วสันตสิงห์ เป็นยุคที่อัยการเสื่อม ถดถอย และตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของอัยการ

สมัยก่อนอัยการอาวุโสโบราณเขาสู้กรณีไหนรู้ไหม เขาสู้เพื่อให้อัยการหลุดพ้นจากนักการเมือง เพราะสมัยก่อนอัยการเป็นระดับกรม อธิบดีอัยการขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เขาคิดว่านักการเมืองจะต้องมาแทรกแซง เขาเลยดิ้นรนให้เป็นสำนักงานอัยการสูงสุด และในที่สุด 2 คนนี้ ทั้งนายชัยเกษม และนายจุลสิงห์ ทำให้การต่อสู้ของผู้หลักผู้ใหญ่ กรมอัยการในอดีต ต้องมลายสูญหายไปหมดเลย เพราะวันนี้สำนักงานอัยการสูงสุดถูกซื้อไว้หมดเรียบร้อยแล้ว

เติมศักดิ์- ประชาชนรอเช็กบิลอยู่

สนธิ- พวกเราต้องเช็กบิล พวกเราปล่อยไม่ได้ และเรามีข้อดีอยู่อย่างหนึ่ง เรายังมีชีวิตอยู่อีกนาน และพันธมิตรฯ มีเยอะ อีกหน่อยนายจุลสิงห์ไม่มีอำนาจ นายชัยเกษมวันนี้หมดอำนาจไป แต่มีนายจุลสิงห์เป็นมือรองที่คอยสนับสนุนอยู่ อีกหน่อยทั้งนายจุลสิงห์ไม่มีอำนาจ แล้วไม่มีใครมาต่อนายจุลสิงห์ แล้วนายชัยเกษมไม่มีอำนาจ วันนั้นล่ะจะเริ่มเช็กบิลย้อนหลัง คุณเคยเห็นมั้ย ผู้บัญชาการทหารบก หรือตำรวจบางคน ใหญ่มาก พอเกษียณอายุแล้ว หลังจากนั้น 5 ปี เดินเหมือนหมาแก่ๆ ตัวหนึ่ง อีกหน่อยคุณจะเห็นอัยการบางคนเดินเหมือนหมาแก่ๆ และขี้เรื้อนด้วย ไม่มีใครสนใจ ดูถูก ถ่มน้ำลายใส่ แล้วก็จะต้องเดินเข้าไปรับเวรรับกรรม

จินดารัตน์- แอนว่าอัยการดีๆ หลายคนคงรู้สึกอึดอัด

สนธิ- เขารู้สึก เขาไม่รู้จะพูดยังไง ก็คนที่เกือบตายในชีวิตคุณ หนีจากการเป็นกรมอัยการที่ต้องขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเป็นสำนักงานอัยการสูงสุด แต่เจ้านายคุณดันทะลึ่งไปรับเงินรับทองเขา

เติมศักดิ์- แล้วประชาชนจะหวังพึ่งความยุติธรรม

สนธิ- นี่ไงล่ะ เขาเป็นทนายแผ่นดินไง แต่ละเรื่องนี่นะ อธิบายไม่ได้ กล้อมแกล้ม ศาลชั้นต้นลงโทษคุณหญิงอ้อ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แล้วให้นายบรรณพจน์รอลงอาญา ถามต่อ ด้วยตรรกะแล้ว มันไม่จบใช่มั้ยเรื่องนี้ อันหนึ่งลง อันหนึ่งยก ต้องฎีกาเพื่อให้ตัดสินในศาลสุดท้าย แต่ไม่ยอมฎีกา เพื่อให้เรื่องมันจบ

จินดารัตน์- ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปหมดแล้วค่ะ

สนธิ- หมดแล้ว ไม่มีเหลือ เมืองไทยจะเหลืออะไร

เติมศักดิ์- สองคำนะ น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง

สนธิ- น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง ประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียว

เติมศักดิ์- ตอนนี้สองคำนี้มันครอบงำ

สนธิ- ครอบงำหมด ครอบงำ ถ้าจะมีข้าราชการ ถ้าจะดียังยืนอยู่ในจุดที่เรียกว่าน่าชมเชย ก็จะเหลือแค่ถวิล เปลี่ยนศรี คนเดียวที่ยังสู้ วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ก็ไปแล้ว แฮปปี้กับการได้เป็นเลขาฯ สมช. ไม่แฮปปี้เท่า ผบ.ตร.แต่ยังดี แฮปปี้อีกทีย้ายมาเป็นถึงปลัดคมนาคม ศักดิ์ศรีหายไปไหนก็ไม่รู้

เติมศักดิ์- เลขาฯ คนใหม่ก็ ..

สนธิ- เสื้อแดงเต็มตัว

จินดารัตน์- งั้นเดี๋ยวพักก่อนนะคะ คุณสนธิขา เรื่อง ปตท.อาจจะต้องยกไปสัปดาห์หน้าแล้วมั้งคะ

สนธิ- ได้ ไม่เป็นไร

จินดารัตน์- เพราะเหลือเวลาอีกไม่เยอะ

สนธิ- ไม่เยอะก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราคุยกับเจ้าของสถานีหน่อย เลยเวลาไปนิดหน่อยก็ได้

จินดารัตน์- งั้นเดี๋ยวโมฮัมหมัด ใหม่ ยกหูโทรศัพท์หาเจ้าของสถานี ขอเวลาเพิ่ม งั้นเดี๋ยวพักกันก่อน ช่วงหน้ากลับมาเรื่องใหญ่ค่ะ เรื่อง ปตท. สักครู่ค่ะ

อ่านต่อ ช่วงที่ 3


กำลังโหลดความคิดเห็น