ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เวทีรวมพลคนหน้ากากขาวภูเก็ตยังคึกคัก “แก้วสรร” ร่วมเวทีชำแหละโครงการเงินกู้ของรัฐบาลเอาเงินอนาคตลูกหลานให้ต่างชาติ ส่วนคนในรอกินส่วนต่างทำประเทศเสียหาย ด้านชาวภูเก็ตเดือดใบสั่งคนดูไบทำโครงการพัฒนาอ่าวสะพานหิน-เกาะไม้ไผ่ แฝงสร้างกาสิโน
เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต มีประชาชนกลุ่มหน้ากากขาวภูเก็ต เดินทางมาร่วมเวทีรวมพลคนหน้ากากขาวภูเก็ตเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันเหตุร้าย โดยการจัดเวทีกลุ่มหน้ากากขาวภูเก็ตในครั้งนี้ มีแกนนำคนสำคัญๆ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และจากส่วนกลางขึ้นเวทีปราศรัย ประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตประธาน คตส. และผู้ก่อตั้งเว็บไซด์ไทยสปริง และ นายจิตกร บุษบา ร่วมให้ความรู้ ขณะที่ผู้ปราศรัยจากจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายชัยยศ ปิ่นประดับ บรรณาธิการนิตยสารภูเก็ตบูเลติน ขึ้นเวทีเปิดข้อมูลใหม่เรื่องแผนพัฒนาผังเมืองใหม่ที่ปลายแหลมสะพานหินเป็นกาสิโนในอนาคตของรัฐบาล และ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ประเด็นหลักๆ บนเวทียังคงเป็นการร่วมเปิดโปงความล้มเหลวในการบริหารงานของรัฐบาล
นายแก้วสรร กล่าวว่า ระบอบทักษิณเอาความโลภของคนมาใช้ประโยชน์ เอาคนที่เชื่อมาเป็นกบสีแดง เพื่อให้นกกระสาจากตระกูลชินมาจิกกินเป็นอาหาร จนทำให้ขณะนี้สถานการณ์บ้านเมืองถูกความโลภ โกรธ หลงครอบงำ ส่วนเรื่องโครงการเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล หรือโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ขอเสนอให้ทำรถไฟธรรมดารางคู่ซะก่อน เพราะขณะนี้ยังประสบปัญหาอยู่บ่อยๆ เช่นที่ผ่านมา จังหวัดชุมพร เกิดปัญหาซึ่งรถไฟไม่สามารถแล่นได้ ถ้าทำโครงการนี้คนส่วนใหญ่จะเห็นด้วย เพราะเป็นความเดือดร้อน และใช้งบประมาณไม่มาก แต่ไม่ต้องเอาไปรวมกับรถไฟความเร็วสูง เพราะถ้ารวมกันหมดมันเหมือนกับการเอาโครงการมาเทใส่กระจาด แล้วใช้เสียงข้างมากบีบในสภาฯ แล้วไปหาญี่ปุ่นเข้ามาประมูล
เช่นเดียวกับโครงการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเอาแผนจัดการแบบแก้มลิง และแผนอื่นๆ มารวมกัน แล้วจ่ายงานให้เกาหลีสร้าง เป็นการเอาเงินลูกหลานในอนาคตไปให้ต่างชาติทำ เมื่อบริษัทต่างชาติดังกล่าวเข้ามาทำก็ต้องมีการจ้างต่อเพื่อเหมาช่วงกับผู้รับเหมาของคนไทย จึงทำให้เกิดส่วนต่างมหาศาล ส่วนต่างเหล่านั้นก็จะได้กับคนของรัฐบาล เพราะอาจเตรียมคนเข้าไปรับเหมาช่วงตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว โดยคาดการณ์ว่า ในส่วนของโครงการน้ำนั้นจะเกิดส่วนต่างไม่ตำกว่า 5 หมื่นล้านบาท และเมื่อย้อนกลับไปดูที่ตัวโครงการ ยังไม่มีการสำรวจ ยังไม่ออกแบบ แต่เอารวมๆ กันแล้วไปยื่นของบประมาณแล้ว
นายแก้วสรร กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งพัฒนา และปฏิรูประบบการศึกษา เพราะพบว่า ด้านการศึกษายังมีการพัฒนาน้อยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนนโยบายแจกแท็บเล็ตแทบไม่ทำให้พัฒนาการศึกษาได้เลย ขณะที่เรื่องข้าวที่ยังคงเป็นปัญหานั้นถามว่าทำไมไม่พัฒนาที่ระบบการผลิตเพื่อการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ แต่ดันไปขึ้นราคาเอาใจเกษตรกร ซึ่งประเทศไทยแทบจะเสียเปรียบเรื่องราคาที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมา เรายังมีเรื่องคุณภาพเป็นประกัน แต่เมื่อขยับราคาสูงขึ้นอีกทำให้ประเทศคู่ค้าต่างทยอยไปหาประเทศที่ขายในราคาถูกกว่า เพราะสู้ราคาไม่ไหว