แกนนำพันธมิตรฯ ทบทวนความจำ ชี้ ที่ผ่านมา มีสันดานตีกินคอยยืมมือต่อสู้ แต่พันธมิตรฯ รักชาติบ้านเมือง ยอมไม่ได้กับการขายชาติ เผย ถูกกลั่นแกล้งตลอด หวังกระบวนการประชาชนล่ม ให้เอเอสทีวีล้มทุกวัน แต่ทองคำแท้ไม่กลัวไฟ พิสูจน์ชัดช่วงล้อมรัฐสภา วอนเกาะกลุ่มกันไว้ ให้การศึกษากันและกัน ดูอะไรให้ถ่องแท้
วันนี้ (7 ต.ค.) ที่บ้านเจ้าพระยา ถนนพระอาทิตย์ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวปราศรัยภายในงาน 4 ปี รำลึก 7 ตุลา ในตอนหนึ่ง ว่า ตนขอทบทวนความจำแก่พี่น้องพันธมิตรฯ ว่า พวกเราเกิดขึ้นมาได้อย่างไร มองย้อนหลังกลับไป ปลายปี 2548 ที่ตนออกมาสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นครั้งแรก ในเรื่องสิทธิในการออกความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์ได้ พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนมาพบกับแกนนำคนอื่นๆ กลายเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ทั้งนี้ ตอนนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งอยากล้มทักษิณ แต่เป็นสันดานอีแอบ ไม่เคยออกมาชนต่อหน้า กลายเป็นว่าพวกอำมาตย์บางคน พวกไฮโซ หม่อมราชวงศ์บางคน ออกมากันผสมผสาน พอยืมมือพวกเราสู้ก็สู้กันเต็มที่ จนกระทั่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็มาใช้เหตุผลที่พวกเราจะมาปะทะกับพวกทักษิณ มาเป็นเหตุผลของการปฏิวัติ แต่ที่แท้จริงเพราะจะย้ายมัน รวมไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา แต่เมื่อขึ้นมามีอำนาจก็ใช้หลักสมบัติผลัดกันชม กระทั่งอยู่ครองอำนาจมา 1 ปี และรีบเร่งให้มีการเลือกตั้ง คนบางกลุ่มเห็นว่ามีการเลือกตั้งจึงดีใจ แต่พอเลือกตั้งกลับแพ้
แต่เผอิญทั้ง นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รับคำสั่งมาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ คนกลุ่มดังกล่าวก็ไม่กล้าที่จะออกมาชน ก็กลายเป็นพวกเราออกมาชน และถือโอกาสผสมเข้าไปตีไข่ใส่สีร่วมกัน คือ ที่มาของการประท้วงเมื่อปี 2551 จุดเริ่มต้นของ 193 วัน มีคนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาช่วยทำโรงครัว พอพวกเราสลายการชุมนุม คนกลุ่มดังกล่าวแอบไปตกลงกับ นายเนวิน ชิดชอบ คนของทักษิณเก่า ซึ่งที่ถอนตัวจากทักษิณ อ้างว่า พรรคเพื่อไทย จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ จากวันนั้นที่ทักษิณกลับมา ยิ่งลักษณ์กลับมา ตนยังไม่เห็นนายเนวินออกมาโวยวายต่อสู้เพื่อสถาบันพระมหากษัตริย์แม้แต่นิดเดียว พี่น้องต้องรู้เท่าทัน
“ในที่สุดแล้ว มันแอบจับมือกับทหารอยู่แล้ว อนุพงษ์ เผ่าจินดา ประวิตร วงษ์สุวรรณ และประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาเรียกว่า จอมคำรามแห่งยุค ก็เลยเกิดปรากฏการณ์ตั้งรัฐบาลในกองทัพ ค่ายทหาร ง่ายนิดเดียว เตี้ยหมาแหงนนั่งอยู่ ก็บอก เฮ้ย ถ้าไม่ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เดี๋ยวกูจะปฏิวัติ เตี้ยหมาแหงนติดใจอยู่เรื่องเดียว คือ บอกปฏิวัติกูก็อดตายสิวะ เอ้ากูร่วมด้วย ร่วมหมด นั่นจึงเป็นที่มาของรัฐบาลก่อนที่จะมาเจอยิ่งลักษณ์” นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ อธิบายต่อว่า พอมาอย่างนี้แล้ว พวกที่หลงก็บอกว่าเทพมาจุติแล้ว หล่อ พูดเก่ง ดีมาก เพราะฉะนั้นแล้วก็บูชาเข้า อย่ามาว่าคนของตน ไม่ว่าจะทำไม่ดีอย่างไรก็ตามคนของตนยังน่ารัก แต่พันธมิตรฯ เป็นคนรักชาติบ้านเมือง ยอมไม่ได้กับการขายชาติ ยอมให้เรื่องบางเรื่องได้ แต่ยกแผ่นดินให้เขมรยอมไม่ได้ นั่นคือ ที่มาของการชุมนุม 158 วัน สาวกก็เริ่มตีตัวออกไปหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่เคยขึ้นเวที หรือยืนอยู่ 3-4 คน พูดโยนกันไปโยนกันมา พอใกล้ถึงเวลาเลือกตั้ง เราถามตัวเราเองว่าจะบังคับให้ร่วมกันอีก ตนไม่เอา จึงเป็นที่มาของโหวตโน จนวันนี้คนบางกลุ่มยังไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเรายังโหวตโนอยู่จนถึงบัดนี้
ทั้งนี้ แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต นึกว่าเราจะอ่อนแอ ในที่สุดพอคนกลุ่มดังกล่าวได้เป็นรัฐบาล เห็นว่าพวกเราหัวแข็ง เรายอมไม่ได้ จึงแกล้งกันทางการเมืองทันที โดยครั้งแรกเป็นการยิงสังหารตน ซึ่งการยิงตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับทหาร 2-3 คน และนักการเมืองอีก 2-3 คน เพราะเห็นว่าหากยิงตนแล้ว กระบวนการประชาชนจะล่ม แต่มันไม่รู้ว่ากระบวนการประชาชนเข้มแข็งกว่าที่คิดอยู่เยอะ หลังจากนั้น คำพูดอมตะที่ชอบพูด คือ “ไม่มีเนวิน วันนี้ไม่มีรัฐบาล” ซึ่งคนพูดคือ นายสุเทพ จากนั้นกุญแจมือต่อไปที่แกล้งพวกเรา คือ ข้อหาผู้ก่อการร้าย ซึ่ง นายสุเทพ ตั้งข้อหาร่วมกับ พ.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และ นายเนวิน อีกทั้งคนที่ไปแจ้งความกล่าวหาว่าตนหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 คือ คนสนิทของ นายเนวิน มันทำลายพวกเราตลอด เพราะพวกเราไม่ยอมร่วมกับคนกลุ่มนั้น ในที่สุด ฟ้าก็เลยให้กำหนดให้ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์อยู่รวมกัน แยกคนอีกกลุ่มหนึ่งออกมา
“มันนึกว่าพวกเราอ่อนแรง มันอยากให้เอเอสทีวีล้มทุกวัน ทำไมมันมีทีวีของมันเอง มันไม่เดือดร้อน เพราะเงินที่มาสนับสนุนทีวีของมันเอง คือ เงินที่พวกมันคอร์รัปชันมา จะได้ไปนั่งหน้าตาแจ๋นๆๆๆ อยู่ทุกวัน เงินสกปรกที่สนับสนุนพวกมันอยู่ แต่ของเราคือเงินบริสุทธิ์ คือเ งินที่ได้มาจากน้ำด่าง แล้วก็หล่อพระ เราทำทุกอย่าง เกิดมาในชีวิตไม่เคยต้องมาขายกะปิ ขายน้ำปลา หล่อพระ ขายน้ำด่าง แต่ทำทุกอย่างเพื่อเอเอสทีวี ทำไมต้องเพื่อเอเอสทีวี เพื่อพี่น้องพันธมิตรฯทุกคน” นายสนธิ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ในที่สุดสังคมก็เห็นวันที่พวกเราไปล้อมรัฐสภา เห็นแล้วว่าทองคำแท้ไม่กลัวไฟ และพวกเราก็คือทองคำแท้ที่จริง กำลังพวกมันไม่มี พวกมันมีแต่พวกไฮโซ จำได้หรือไม่ที่ นายอมร อมรรัตนานนท์ ตอนล้อมรัฐสภาพาพันธมิตรฯ ไปช่วยใคร ไปช่วยมันยืนกันหน้าซีดเผือด วันนี้มันก็พูดว่าทำไมเราไม่ออก วันนี้เราต้องเกาะกลุ่มกันให้ดี เราไม่ได้มีหน้าที่เปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมือง คนมีหน้าที่ คนถือปืนถ้าไม่ทำ จะให้ชาติเจ๊งก็เรื่องของมัน พวกเราต้องเกาะกลุ่มกันเอาไว้ หลายอย่างมันจะเกิดใหม่ มันต้องตายก่อน บางครั้งเราจำเป็นต้องให้ชาติล่มสลาย แล้วเกิดใหม่ ตอนนั้นพวกเราจะได้เข้มแข็ง เพราะว่ามันตายกันหมด แต่พวกเราต้องไม่ตาย
“พี่น้อง อย่าใช้อารมณ์ว่าเราต้องชุมนุมตลอดเวลา เพราะคนที่จะตายคนแรกคือพวกเรา แล้วเชื่อผม มันจะเอาส้นตีนมันเหยียบศพพวกเราขึ้นไป แล้วไอ้ทหารที่ชอบคำรามหลายคนมันพูดตลอดเวลา มันพูดกับลูกน้องมัน มันบอกว่า มันจะออกมาเปลี่ยนแปลงชาติบ้านเมืองก็ต่อเมื่อเหลืองกับแดงรบกัน แล้วมันจะปราบทั้งคู่เลย นี่คือ ข้อเท็จจริงพี่น้อง อย่าไปหลงคารม ถ้าจะให้มันตาย ก็ให้ไอ้พวกขี้ผสมข้าวมันตาย ถ้าเป็นพันธมิตรฯ ตัวจริงต้องคิดเป็น พี่น้อง 7 ตุลารำลึก ผมนึกถึงน้องโบว์ ผมนึกถึงกมลวรรณ หมื่นหนู ผมนึกถึงทุกคนในรูปนั้น นึกทีไรมันเหมือนโซ่ล่ามคอผมไว้ พอพี่น้องจะบอกผมบอก เฮ้ย เดี๋ยวก่อน เวลาออกมันสนุก เวลาชุมนุมจัดเวทีพี่น้องสนุก หลายคนสนุก จองที่กันแถวหน้า เสี่ยงอย่างเดียว เสี่ยงว่าจะยิงเอ็ม 79 มาหรือเปล่า แล้วแต่ดวง แต่คนที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายและชีวิตในอนาคตไม่แน่นอนคือพวกผม พวกผมไม่ได้กลัวตาย แต่พวกผมกลัวพี่น้องตาย แล้วพวกมันจะเอาความตายของพี่น้องเอามากระทืบพวกผม เข้าใจหรือยังพี่น้อง เพราะฉะนั้นแล้วพี่น้องต้องเก็บอารมณ์ รักกันเอาไว้ ให้การศึกษาซึ่งกันและกัน ดูอะไรให้ถ่องแท้ ดูทุกอย่างด้วยความใจ” นายสนธิ กล่าว