รายงานการเมือง
“ประชาชนจึงมีสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รักษาผลประโยชน์ของชาติและปฏิบัติตามกฎหมาย
จึงสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจทางการเมืองและสังคมตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ กลุ่มประชาชนย่อมรวมตัวในลักษณะเครือข่าย สามารถแสดงความคิดเห็นและเสนอความต้องการของชุมนุม เพื่อพัฒนาการเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
รวมทั้งข้อเท็จจริงของหลวงตา มหาบัว ญาณสัมปัณโน ว่าโจทก์จะเป็นประธานาธิบดี ตามเอกสารหมาย ล.๔๐ โดยหลังเกิดเหตุคดีนี้โจทก์ยังให้สัมภาษณ์จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ จนหลายฝ่ายต้องออกมาปกป้องตามข่าว ตามคำเทศนาของหลวงตามหาบัว เอกสารหมาย ล.๔๐ น่าเชื่อถือศรัทธาเป็นที่ประจักษ์บอกเล่าถึงโจทก์ที่หวังอาจเอื้อมเป็นประธานาธิบดี
ศาลตรวจอ่านดูแล้วทราบว่าโจทก์ให้สัมภาษณ์พาดพิงและล่วงละเมิดสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรง และเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมชี้ให้เห็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของโจทก์ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยมีข่าวว่า เหล่าทัพออกมาชี้แจงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดทูลพระมหากษัตริย์ ข้อเท็จจริงตามข่าวสารดังกล่าวจึงมีมูลเหตุให้น่าเชื่อไปได้ว่า โจทก์มีพฤติกรรมดังกล่าวจริง”
นี่คือส่วนหนึ่่งของคำพิพากษาศาลจังหวัดปทุมธานี คดีดำที่ ๑๒๓๔/๒๕๕๑ แดงที่ ๑๘๖๘/๒๕๕๒ ระหว่าง ทักษิณ ชินวัตร โจทก์ และ สนธิ ลิ้มทองกุล ที่ ๑ กับพวกรวม ๘ คน จำเลย โดยศาลยกฟ้องเนื่องจากเห็นว่าการวิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง ความต้องการที่จะล้มล้างการปกครองเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบไปสู่การเป็นประธานาธิบดี รวมถึงพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นเรื่องที่มีมูลความจริง จึงเห็นว่าการออกแถลงการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯและการแสดงความเห็นของ สนธิ เป็นการติชมโดยสุจริต
เป็นคำพิพากษาที่คนไทยควรจะได้รับรู้เป็นวงกว้างมากที่สุด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คำพิพากษาของศาลยืนยันถึงพฤติกรรมจาบจ้วงล่วงละเมิดเบื้องสูง และความทะเยอทะยานทางอำนาจใฝ่ฝันอยากเปลี่ยนแปลงการปกครองเพื่อนำไปสู่การปกครองในระบอบประธานาธิบดี
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 52 ศาลอาญาก็มีคำพิพากษายกฟ้องกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ฟ้องหมิ่นประมาท สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่กล่าวหาว่าเขาอยากเป็นประธานาธิบดีมาแล้ว โดยเนื้อหาในคำพิพากษาก็ระบุไม่แตกต่างไปจากคำพิพากษาล่าสุดของศาลปทุมธานี ที่เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติกรรมจาบจ้างล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง และยังสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันด้วย
คำพิพากษาจากทั้ง 2 คดีนี้ บรรดาทาสแดงหรือลิ่วล้อนักโทษชายอย่ามาแถว่า “อำมาตย์สั่ง” เพราะหลายคดีที่มีการฟ้องกันอิรุงตุงนังนั้น ฝ่ายของพรรคเพื่อไทยก็มีที่ชนะคดีเช่นกัน
ล่าสุดคดีที่นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เป็นโจทก์ฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในข้อหาหมิ่นประมาท กล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งในปี 2548 ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น สั่งจำคุก สุเทพ 4 เดือน รอลงอาญา 2 ปี เท่ากับว่า นายแพทย์พรหมมินทร์ ชนะคดี และยังต้องสู้กันต่อในชั้นศาลฎีกา
ยังมีคดีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์อดีตภรรยาของนักโทษชายทักษิณ ที่ชนะคดีในชั้นศาลอุทธรณ์ ในคดีหลีกเลี่ยงภาษีกว่า 500 ล้านบาท และอัยการสูงสุดใช้ดุลพินิจไม่ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา ทำให้คดีสิ้นสุดทันที
การทำหน้าที่ของฝ่ายตุลาการไม่ว่าจะถูกใจใครหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่สะท้อนชัดผ่านการเคลื่อนไหวหลังคำพิพากษาคือคำตอบว่า ใครที่ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ใครที่ผิดไม่ได้ ใครที่แพ้ไม่เป็น และใครที่ทำให้บ้านเมืองเข้าสู่ภาวะล่มสลายด้วยการมุ่งทำลายหลักการประเทศเพื่อประโยชน์ส่วนตน
หากคนไทยได้รับทราบมากขึ้นเกี่ยวกับคำพิพากษาที่แสดงให้เห็นพฤติกรรมของนักโทษชายทักษิณ ก็จะหูตาสว่างว่า ที่มีการก่นด่าประณามศาลว่าเป็น “ศาลมิกกี้เม้าส์” เป็น “ศาลยุติความเป็นธรรม” และสารพัดที่จะประดิษฐ์วาทกรรมมาต้มคนเสื้อแดง ว่าถูกกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่พฤติกรรมโฉดชนิดโจรยังอาย ว่าคิดชั่วได้ไม่ถึงครึ่งของชายมักใหญ่ใฝ่สูงผู้นี้
จะได้รับรู้ความจริงว่าความวุ่นวายแตกแยกอย่างรุนแรงในชาติบ้านเมือง จนขาดความสงบ ไร้ซึ่งความสามัคคี ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นล้วนมีต้นเหตุจาก นักโทษชายทักษิณ ทั้งสิ้น
3 ก.ค.54 คนไทยจำนวนไม่น้อยตัดสินใจกาบัตรลงคะแนนเลือกตั้งตัดความรำคาญหวังให้ชาติคืนสู่ความสงบ ด้วยการประเคนอำนาจกลับไปอยู่ในมือของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โคลนนิ่งของนักโทษชายทักษิณ หวังยุติปัญหาในบ้านเมือง จะได้พ้นจากการข่มขู่ของอันธพาลเสื้อแดง
บทพิสูจน์ 1 ปี จากการบริหารห่วยแตกพาชาติลงเหวของยิ่งลักษณ์ ที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าราคาน้ำมันแพงขึ้นจนคนไทยใกล้กระอัก ร้องเพลงสุขกันเถอะเราในวันที่เกิดเหตุระเบิดโรงแรมซี.เอส.ปัตตานีจนไฟดับทั้งเมือง โครงการประชานิยมที่ขนมามอมเมาคนไทย ทั้งจำนำข้าว ค่าแรง 300 เงินเดือนปริญญาตรีหมื่นห้า และอีกหลากหลายโครงการ กำลังส่งผลกระทบมหาศาลต่อภาพรวมทั้งเศรษฐกิจ และภาระด้านงบประมาณ เป็นการทำลายฐานรากที่เข้มแข็งทั้งภาคการเกษตรทะลุทะลวงไปถึงภาคครัวเรือน ที่กำลังจะถูกปล้นยกครัวจากการลอยตัวแก๊สหุงต้มในปีหน้า
แต่น่าห่วงว่า อาวุธเดียวที่นักโทษชายทักษิณมีและใช้อย่างทรงพลัง ไม่ใช่เงิน หรืออำนาจ มันคือการอ้างเสียงสวรรค์ประชาชนไปทำในสิ่งที่สร้างนรกบนดินให้กับประเทศชาติ