หน.ปชป.เผยรอความชัดเจน มท.1 ลาออกหรือไม่ ก่อนยื่นตีความคุณสมบัติ เตรียมดูนายกฯ มอบอำนาจทั้งที่รู้ว่ามีปัญหาหรือไม่ จี้รัฐยกเลิกจำนำข้าว เผย “ทักษิณ”สั่งเดินหน้าจำนำข้าวหวังให้รัฐผูกขาดค้าข้าว เปิดช่องแสวงประโยชน์ เตรียมยื่นอุทธรณ์ยกฟ้อง “จตุพร” กรณีหมิ่นหนีทหาร ชี้เคยโดนตัดสินจำคุกมาแล้ว ไม่ควรรอลงอาญา
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (28 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่านายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยจะลาออกจากตำแหน่งว่า จะต้องดูข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายก่อนว่าจะเป็นอย่างไร สวนกรณีที่มีการระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการต่ออยู่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้ในขณะที่นายถาวร เสนเนียม เป็น รมช.มหาดไทยก็พยายามดำเนินการอยู่ ส่วนถ้านายยงยุทธ ลาออกก่อนยังจำเป็นต้องยื่นตีความหรือไม่นั้น จะต้องดูข้อกฎหมายว่าดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร และเพื่ออะไร ซึ่งตนคิดว่าหากลาออกเพราะขาดคุณสมบัติก็ขาดคุณสมบัติต่อไป ไม่สามารถกลับมาเป็นรัฐมนตรีได้อีก เพราะการรับโทษต้องเป็นช่วงปี 2545-2550
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้ควรตีความเป็นบรรทัดฐานหรือไม่ เพราะมีหลายคนที่ใช้ พ.ร.บ.ล้างมลทินมาเป็นประโยชน์กับตัวเอง ไม่ใช่นายยงยุทธ เท่านั้น นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า อะไรที่ทำให้เกิดความชัดเจนได้ควรทำ แต่ช่องทางเป็นอย่างไรต้องดูข้อกฎหมายก่อน ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ตัองดูว่านายยงยุทธ จะลาออกหรือไม่ แต่ยังมีการพิจารณาเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของ อ.ก.พ.มหาดไทย ซึ่งในการตั้งกระทู้ถาม รมช.มหาดไทยในสภาก็ยังไม่ได้ข้อเท็จจริงจึงต้องตรวจสอบเพิ่มเติม เพื่อรวบรวมเอกสารข้อมูลและข้อกฎหมายให้ครบถ้วนที่สุด
ส่วนการลาออกของนายยงยุทธ หากเกิดขึ้นจริงจะตัดตอนความรับผิดชอบทางกฎหมายของนายกฯ ที่มีการมอบหมายงานให้นายยงยุทธ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติหรือไม่นั้น ตนคิดว่าต้องตรวจสอบว่าตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. ซึ่งเป็นวันที่เราเข้าใจว่ามีคำสั่งของ อ.ก.พ.ให้นายยงยุทธ ออกจากราชการว่า มีการบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรหรือไม่ และนายกฯ ดำเนินการอย่างไรบ้าง ซึ่งการมอบหมายให้นายยงยุทธ เป็นประธานการประชุม ครม. ก็ต้องดูข้อเท็จจริงว่ามอบหมายเมื่อไหร่อย่างไร จึงจะทราบว่ามีผลทางกฎหมายหรือไม่
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่มีนักวิชาการเข้าชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่านโยบายจำนำข้าวขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 43 และ 84 ว่า ไม่ว่าจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันมาโดยตลอดว่าโครงการนี้สร้างปัญหาตั้งแต่ภาพรวมของประเทศที่ต้องสูญเสียแชมป์การส่งออกถึงขั้นคู่แข่งให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่าโครงการนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้เขาแซงประเทศไทยได้ และยังมีปัญหาภาระงบประมาณที่สูญเสียแต่ละปีเป็นแสนล้านบาท ในขณะที่มีเพียง 1 ใน 3 จากงบประมาณดังกล่าวที่ไปถึงเกษตรกรผู้ยากจน
อีกทั้งเฉพาะค่าบริหารก็แพงเท่ากับโครงการประกันรายได้ทั้งโครงการ และยังมีปัญหาการทุจริต ซึ่ง ป.ป.ช.ก็เสนอหลายครั้ง และยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าทุจริตในทุกขั้นตอน ซึ่งในขณะนี้ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติว่าเกษตรกรเริ่มมีปัญหาในการจำนำข้าว เพราะไม่มีที่เก็บและไม่ได้เงิน เพราะฉะนั้นไม่ว่าโครงการนี้จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่รัฐบาลน่าจะทบทวนนโยบายนี้ในเชิงการบริหาร เพราะมีความเสียหายเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะยกเลิกโครงการนี้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าจะต้องทำอีกหลายปี ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ จึงสนับสนุนนโยบายนี้อย่างมาก ซึงที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ มักสนับสนุนแนวคิดที่จะให้รัฐบาลเป็นผู้ค้าข้าวแบบผูกขาดโดยอำนาจรัฐ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้มีการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบได้ง่าย และระบบนี้ที่สุดแล้วก็ยากที่จะเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่าที่รัฐบาลไม่ยกเลิกโครงการนี้เพราะถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบงำใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะครอบงำหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่เห็น พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์เช่นนี้จึงคิดว่าเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะยกเลิกโครงการนี้ และถ้าไม่ยอมกเลิกประเทศก็จะเสียหายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตั้งแต่สูญเสียแชมป์การส่งออก เสียเงินปีละแสนล้านบาท สุดท้ายเกษตรกรก็จะมีปัญหาว่าจะขายข้าวไม่ได้ และความเสียหายปีละแสนล้านบาทก็อาจส่งผลเกี่ยวกับหนี้ประเทศได้ซึ่งในขณะนี้พื้นฐานฐานะการเงินการคลังของประเทศค่อนข้างดี เราอาจไม่ได้เห็นวิกฤตหนี้ภายในปีนี้หรือปีหน้า แต่ถ้าต้องแบกรับภาระแสนล้านบาทต่อปีในหนึ่งโครงการ ไม่นับโครงการอื่นก็จะเป็นปัญหามาก
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอาญาสั่งจำคุกนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงกรณีหมิ่นประมาทสั่งฆ่าประชาชน และยกฟ้องกรณีเกณฑ์ทหารว่า จะมีการอุทธรณ์ทั้งสองกรณี เพราะกรณีแรกเห็นว่าโทษที่ได้ไม่ควรรอลงอาญา เนื่องจากนายจตุพรเคยถูกศาลตัดสินจำคุกและรอลงอาญามาก่อนหน้านี้แล้ว เฉพาะในกรณีของตน ส่วนประเด็นเรื่องทหารที่ศาลชี้ว่าแม้จะได้รับการผ่อนผันหรือไม่ได้ใช้เอกสารเท็จ แต่นายจตุพร ก็มีสิทธิ์สงสัยหรือตรวจสอบได้ ซึ่งจะได้อุทธรณ์ในประเด็นนี้ด้วย และเห็นว่าคงไม่มีใครนำประเด็นนี้ไปขยายผลได้เนื่องจากศาลไม่ได้ชี้ว่าตนกระทำผิด แต่ศาลบอกว่าเป็นการหมิ่นประมาท เพียงแต่มีข้อยกเว้นว่าเป็นการติชมโดยสุจริต แต่ถ้ามีการนำเรื่องนี้ไปขยายผลก็จะดูว่าถ้ามีการทำผิดกฎหมายตนก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมาย