“ส.ว.ประสาร” โวย รมต.คิดแต่จะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ต.แม่สะเอียบ ทั้งๆ ที่น้ำที่ท่วมเกิดจากฝนตกใต้พื้นที่สร้างเขื่อน ระบุหากสร้างจริงจะทำให้ป่าไม้สักทอง 2.4 หมื่นไร่ ถูกน้ำท่วม ป่าเบญจพรรค 3 หมื่นไร่ ที่อยู่อาศัยอีก 1.1 หมื่นไร่อยู่ใต้น้ำ ท้าให้ลงพื้นที่แม่สะเอียบจะเปลี่ยนความคิด ด้าน ส.ว.เพชรบุรี เฉ่ง รมว.ศึกษาฯ ไม่มีธรรมาภิบาล ขรก.ระดับสูงมีปัญหาทุจริตทำได้แค่โยกย้าย
นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา กล่าวหารือก่อนเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภา ซึ่งมีนายนิคม ไทยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมว่า น้ำท่วมทีไร เขื่อนแก่งเสือเต้นจะโผล่ขึ้นมาทุกที ตนเพิ่งลงพื้นที่ไปที่ ต.แม่สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ตนยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคนที่นั่นไม่เอาแก่งเสื้อเต้น ซึ่งแม่น้ำยม 735 กิโลเมตร เขื่อนแก่งเสือเต้นจะอยู่ที่กิโลเมตร 115 โดยมีแม่น้ำสาขาไหลมาเติมทั้งหมด 77 สาย เหนือเขื่อน 11 สาย ที่เหลืออยู่ใต้เขื่อน 66 สาย ซึ่งน้ำมากที่ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัยนั้น เพราะเป็นน้ำที่ตกจากใต้เขื่อน คือ อ.เด่นชัย อ.วังชิ้น ซึ่งหากมีสร้างเขื่อนไม้สักทองจำนวน 24,000 ไร่ ทั้ง 3 คน 6 คนโอบก็จะถูกน้ำท่วม รวมถึงป่าเบญจพรรณ 3 หมื่นไร่ และพื้นที่อาศัยของประชาชน 11,000 ไร่ ซึ่งรวมแล้ว 65,000 ไร่ จะถูกเนรมิตเป็นอ่างน้ำเหนือเขื่อน ซึ่งเขื่อนแก่งเสือเต้นสามารถรับน้ำได้เพียง 2,300 ตางรางกิโลเมตร โดยแม่น้ำยมตลอดสายมีถึง 23,000 ตารางกิโลเมตร แปลว่าน้ำใต้เขื่อนมีมากหมายมหาศาลจนเกิดน้ำท่วม ดังนั้นวาทกรรมนี้จึงไม่ตรงกับความเป็นจริง ตนจึงขอท้าทายบรรดารัฐมนตรีที่มักฟันธงบอกว่าต้องสร้างเขื่อนๆ มีถึง 3 คนในรัฐบาลนี้ให้ไปที่แม่สะเอียบแล้วจะเปลี่ยนความคิด
น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี หารือถึงเรื่องธรรมาภิบาลในกระทรวงศึกษาธิการ ว่าเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ครม.ได้มีมติแต่งตั้งให้นางพนิดา กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษาสำนักงานนายกรัฐมนตรีมาดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงศึกษาธิการแทน น.ส.ศศิธารา พิชัยรณรงค์ ซึ่งได้ย้ายไปรับตำแหน่งเลขาธิการสภาการศึกษา ในฐานะที่ตนอยู่กระทรวงศึกษาธิการมายาวนานพอสมควร รู้สึกน่าน้อยใจแทนกระทรวงศึกษาฯ เพราะเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณมากที่สุดกว่าทุกกระทรวง เพราะมีความสำคัญในการพัฒนาคน แต่ทุกรัฐบาลที่ผ่านมามักจะส่งคนที่เป็นรัฐมนตรีที่ไม่มีจิดวิญญาณหรือสำนึกเห็นความสำคัญของการศึกษา ซึ่งมักจะแต่งตั้งหรือเสนอใครมาดำรงตำแหน่งสูงสุดของกระทรวงโดยอาจจะปลอบใจหรือให้รางวัลก่อนเกษียณ จึงฝากไปยัง รมว.ศึกษาฯ ว่า น.ส.ศศิธาราได้มีกรณีในเรื่องของความไม่โปร่งใสหรือทุจริตในเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างคุรุภัณฑ์อาชีวศึกษาจนเป็นข่าวครึกโครม แล้วรัฐมนตรีทำหน้าที่เพียงการโยกย้ายอย่างนั้นหรือ รมว.ศึกษาฯ ไม่มีธรรมาภิบาลเลยที่ต้องดำเนินการว่าบุคคลที่เป็นข้าราชการระดับสูงอย่างปลัดกระทรวงเมื่อมีความผิด ไม่มีความโปร่งใส ผู้บังคับบัญชาจะต้องทำอย่างไรกับผู้ประพฤติเช่นนั้น
นายยุทธนา ยุพฤทธิ์ ส.ว.ยโสธร หารือถึงกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียถูกรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการเข้าไปเทียวที่สถานบริการบันนีเกิร์ล จ.เชียงใหม่ โดยก่อนใช้บริการได้สอบถามราคาก็ได้รับแจ้งว่าค่าเครื่องดื่มและอาหารประมาณ 2 พันบาท แต่เมื่อคิดเงินเป็นจำนวน 12,000 บาทเกินกว่าราคาที่กำหนดไว้ถือว่าเป็นตบทรัพย์นักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวได้ต่อรองขอจ่าย 7,000 บาท สุดท้ายสถานบริการไม่ยอมจึงให้พนักงานรุมทำร้ายและค้นในเอาทรัพย์สินในตัวของนักท่องเที่ยวไปทั้งหมด และเมื่อนักท่องเที่ยวไปแจ้งความและตำรวจได้เปรียบเทียบปรับแค่ 500 บาท ซึ่งถือเป็นคดีหนึ่งที่ทำลายชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของประเทศจากที่ได้ยินบ่อยๆ ตามจังหวัดที่แหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต พัทยา ในเรื่องเจ็ตสกีเช่าไปแล้วบอกว่าเกิดชำรุดจนต้องจ่ายค่าเสียหาย ดังนั้นจึงขเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี รมว.ท่องเที่ยวและการกีฬา, ผบ.ตร.ควรลงโทษสถานบริการเหล่านั้น รวมทั้งเพิกถอนใบอนุญาต ไม่ใช่เพียงเปรียบเทียบปรับแค่ 500 บาท แล้วปล่อยให้เปิดบริการต่อ