“เพื่อแม้ว-แก๊งแดง” ดักคอ “ไพบูลย์-ประสาร” ส.ว.สรรหาใหม่ ซัดแค่ได้ประโยชน์รัฐประหาร

โฆษกเพื่อไทยกังขากระบวนการสรรหา ส.ว. เหน็บรู้ดีว่า “ไพบูลย์-ประสาร” มีอุดมการณ์ยังไง หวั่นไม่เป็นกลาง ชี้ต้องให้ประชาชนเลือก ส.ว.ทั้งหมด ด้านพิธีกรช่องแดง อดีต ส.ส.ร.40 ดักคอสืบทอดอำนาจ คมช. ซัดเป็นผลจากรัฐธรรมนูญปัจจุบันถ่วงดุลคนที่ประชาชนเลือกตั้งมา เผยเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแค่อำนาจเสี้ยวหนึ่งเพราะมีอำนาจนอกระบบ

วันนี้ (19 ก.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระบวนการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งล่าสุดได้มีการแต่งตั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายประสาร มฤคพิทักษ์ เป็น ส.ว.สรรหาคนใหม่ว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้ ส.ว.ทั้ง 2 ท่านมาแทน ส.ว.ท่านเดิมที่ขาดคุณสมบัติ แต่ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการสรรหาทั้งหมดนั้นได้ดูคุณสมบัติอย่างไรถึงเลือกบุคคลดังกล่าวมา เพราะประชาชนที่ติดตามข่าวสารทางการเมืองนั้นอาจจะมองว่ามีนัยทางการเมืองอะไรแอบแฝงหรือไม่ เพราะทั้ง 2 คนที่ถูกเลือกมานั้นเป็นที่รู้กันดีว่ามีอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร เคยทำอะไรมาบ้าง และมีความเป็นกลางหรือไม่

ทั้งนี้ คนที่จะมาเป็น ส.ว.นั้นควรที่จะต้องมีความเป็นกลาง ทำหน้าที่โดยสุจริต โปร่งใส รวมทั้งมีอิสระในการตัดสินใจ แต่การสรรหา ส.ว.ที่ออกมาในครั้งนี้นั้นเป็นการพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า ส.ว.ที่มาจากการสรรหาโดยที่ประชาชนไม่ได้ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองนั้นน่าจะมีปัญหาในอนาคตว่าจะทำหน้าที่โดยอิสระ โปร่งใส และเป็นกลางได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการทบทวนกระบวนการสรรหาใหม่เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น ดังนั้นตนจึงไม่แปลกใจที่มีประชาชนออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและเรียกร้องให้ ส.ว.ต้องมาจากการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นผลของรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่จะต้องมีการแก้ไขในอนาคต

ด้าน นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และนักจัดรายการโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเชียอัพเดท กระบอกเสียงของกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวถึงกระบวนการสรรหา ส.ว.ดังกล่าวว่า ชัดเจนว่าเป็นการสืบทอดอำนาจจากเครือข่ายที่ได้รับผลประโยชน์จากการรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 และคนที่ได้รับเลือกก็เป็นบุคคลหน้าเดิมๆ ที่รู้กันว่ามีความสนิทสนมกับฝ่ายใด โดยปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่ระบุให้มีการสรรหาจากบุคคลไม่กี่คน แต่กลับมีอำนาจเพื่อตรวจสอบถ่วงดุล องค์กรที่ได้รับอำนาจมาจากประชาชนผ่านการเลือกตั้งได้ ทั้งนี้การจะปลดเปลื้องความไม่ชอบธรรมดังกล่าวนี้ได้ คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปลี่ยนแปลงการได้มาของ ส.ว.ในส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม แม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล แต่เป็นการได้เพียงอำนาจแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีอำนาจอื่นๆ ที่อยู่นอกระบบเลือกตั้ง แต่กลับมาแฝงมาในองค์กรอิสระต่างๆ และพยายามใช้อำนาจตรวจสอบตามเป้าหมาย จนทำให้เสถียรภาพรัฐบาลไม่มีความมั่นคงเท่าที่ควร ตนมองว่าต้องมีการแก้ไขกฎหมายในส่วนนี้ เพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมในระยะยาว เพราะในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคอื่นๆ ก็สามารถมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลเช่นกัน