xs
xsm
sm
md
lg

“ดำรงค์” ไม่ผิด! รื้อรีสอร์ตรุกทับลานชอบด้วย กม. แนะทส.ถกเกษตรปฏิรูปพื้นที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช (แฟ้มภาพ)
รองโฆษกรัฐบาล เผยผล กก.สอบ “ดำรงค์” รื้อรีสอร์ตรุกอุทยานทับลาน โคราช ชี้ทำโดยชอบด้วยกฎหมาย จี้บังคับคดีอย่างเคร่งครัด แนะทส.และเกษตร ชงผู้ตรวจฯ กมธ.กฎหมาย สภา กมธ.ทรัพย์ วุฒิฯ และจังหวัด เสนอปรับปรุงแนวเขต - ที่ประชุม ครม.อนุมัติให้ไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่องกระบวนการติดต่อร้องเรียน

วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.00 น. นายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำพื้นที่อุทยานแห่งชาติ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ตามที่มีราษฎรร้องเรียนมา ได้รายงานผลการตรวจสอบต่อ ครม. โดยสรุปข้อเท็จจริงและเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหา 3 ประการ คือ 1. การดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชศรีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยพนักงานเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช อาศัยอำนาจตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ เป็นการดำเนินการที่ชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง 2. กรณีกรมอุทยานฯ ฟ้องผู้รุกล้ำเขตพื้นที่อุทยานเป็นคดีควรดำเนินการบังคับคดีดังกล่าวตามวิธีการและขั้นตอนกฎหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนกรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้กระทำความผิดออกจากพื้นที่อุทยานฯ และพนักงานเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ จะใช้อำนาจเข้าทำลายหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างอื่นใดที่รุกล้ำตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ

และ 3. สำหรับการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทั้งสองแห่ง เห็นชอบควรมอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหลักนำเสนอข้อมูลของผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา และจังหวัดนครราชสีมา ที่เสนอให้ปรับปรุงแนวเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนแนวเขตปฏิรูปที่ดิน มาพิจารณาเพื่อให้เกิดความชัดเจน และไม่ให้เกิดการทับซ้อนระหว่างที่ดินเอกชนและของรัฐ

นอกจากนี้ นายชลิตรัตน์ยังระบุด้วยว่า ครม.มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนออนุมัติให้ไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่อง กระบวนการติดต่อร้องเรียน โดยการลงนามและให้สัตยาบันในคราวเดียวกัน โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลงนามและยื่นสัตยาบันสารพิธีสารเลือกรับฯ ต่อสหประชาชาติ ในคราวเดียวกัน ในช่วงการจัดงานสนธิสัญญา (Treaty Event) ประจำปี 2555 โดยมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดทำสัตยาบันสาร และให้ พม.จัดตั้งกลไกเฉพาะรองรับการดำเนินงานตามพิธีสารเลือกรับฯ โดยมีผู้แทนจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
กำลังโหลดความคิดเห็น