ประธานอนุฯ กบอ.อ้างสุโขทัยท่วมแค่ 2 ตร.กม. เหตุคันกั้นน้ำรั่ว คาดหลังซ่อมคันกั้นน้ำเสร็จ 1-2 วันปกติ ส่วนบางระกำน้ำท่วมอ้างเป็นที่รองรับน้ำเดิมอยู่แล้ว เผยพยายามผันไปยังแม่น้ำน่าน มั่นใจน้ำจากสุโขทัยไม่ทำจังหวัดกลางน้ำ รวมทั้ง กทม.ท่วม ส่วนน้ำท่วมบางบาลอ้างเพราะพื้นที่ลุ่มต่ำ
วันนี้ (13 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายรอยล จิตรดอน ประธานคณะอนุกรรมการการติดตามวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.สุโขทัย ว่า สถานการณ์น้ำที่กำลังท่วมอยู่ที่ จ.สุโขทัย แม้เราจะเห็นภาพจากสื่อว่ามีการท่วมที่รุนแรง แต่แท้จริงแล้วพื้นที่ที่น้ำท่วมจริงๆ ใน จ.สุโขทัย มีเพียงแค่ 2 ตร.กม. ในจุดที่คันกั้นน้ำรั่วเท่านั้น ไม่ได้มีการท่วมกระจายทั่วไป เนื่องจากสาเหตุที่น้ำท่วมครั้งนี้ก็คือคันกั้นน้ำรั่ว ถ้าไม่รั่วก็ไม่มีปัญหา ดังนั้น เมื่อภาครัฐได้ดำเนินการซ่อมแซมคันกั้นน้ำที่มีปัญหาและสูบน้ำออกภายใน 1-2 วัน ระดับน้ำที่ไหลเข้าไปท่วมในพื้นที่ 2 ตร.กม.ก็จะกลับสู่สภาวะปกติในท้ายที่สุด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบระดับน้ำที่ไหลในแม่น้ำยมในพื้นที่ จ.สุโขทัย พบว่าระดับน้ำอยู่ที่ 55.23 เมตร จากระดับน้ำทะเล แต่ระดับความสูงของตลิ่ง คือ 57.6 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งชัดเจนว่าระดับน้ำที่ไหลอยู่ยังต่ำกว่าตลิ่ง ดังนั้น จึงไม่น่าห่วงว่าจะเกิดน้ำล้นตลิ่งไปท่วมในพื้นที่ใด อีกทั้งจากตัวเลขการรับน้ำพบว่า แม่น้ำยมในช่วง จ.สุโขทัยรองรับการไหลได้ 650 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที แต่ขณะนี้น้ำไหลอยู่ที่เพียง 550 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงเชื่อมั่นได้ว่าเมื่อมีการซ่อมคันกั้นน้ำ เมื่อระดับน้ำที่ จ.สุโขทัยได้รับการระบายออกแล้ว มวลน้ำก้อนนี้ก็จะไหลลงมา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ซึ่งจะเห็นได้ว่าขณะนี้ที่ อ.บางระกำนั้นน้ำเริ่มท่วมแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เป็นเพราะมวลน้ำที่มาจาก จ.สุโขทัยทั้งหมด แต่เป็นเพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่รองรับน้ำแต่เดิมอยู่แล้ว โดยเฉพาะน้ำฝนที่ตกมาก่อนหน้านี้ ประกอบกับน้ำยมในช่วงที่อยู่ใกล้กับ อ.บางระกำนั้นมีลักษณะที่แคบจึงทำให้มีน้ำเอ่อบ้าง แต่ถือว่าเป็นจำนวนน้อยมากและแทบจะไม่มีผลกระทบอะไรเลย
“ขณะนี้ได้มีความพยายามที่จะระบายน้ำจากแม่น้ำยมที่ไม่ได้มีโครงสร้างการจัดการน้ำที่ดีไปที่แม่น้ำน่าน ที่มีโครงสร้างการจัดการน้ำที่ดีบ้างแล้ว ซึ่งตรงนี้จะทำให้สถานการณ์การจัดการน้ำในแม่น้ำยมนั้นง่ายขึ้น อีกทั้งการระบายน้ำนี้จะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ที่ต่อลงมาจาก จ.สุโขทัย หรือพิษณุโลก เพราะจากการตรวจสอบพบว่าปริมาณน้ำที่ค้างอยู่ในทุ่งของแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านที่เกิดจากฝนตกมาก่อนหน้านี้มีเพียง 1,000 ล้าน ลบ.ม. แต่ปริมาณน้ำทุ่งเมื่อปลายปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่มีอยู่ถึง 8,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งต่างกัน 7,000 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นจังหวัดอื่นๆ ทั้งนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และอยุธยา จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหามวลน้ำที่ท่วมพื้นที่อ.เมืองฯ จ.สุโขทัย ไหลมาท่วมอย่างแน่นอน” นายรอยล ระบุ
นอกจากนี้ จากการติดตามดูตัวเลขการไหลของน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงสะพานเดชาติวงศ์ อ.เมืองฯ จ.นครสวรรค์ ล่าสุดพบว่ามีระดับการไหลอยู่ที่ 1,800 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับสถิติการไหลในจุดเดียวกัน เมื่อปลายปี 54 ซึ่งมีการไหลอยู่ที่ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ถือว่าเป็นระดับที่ต่างกันมากซึ่งตัวเลขการไหลที่ต่างกันกว่า 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที เช่นนี้ทำให้มั่นใจได้ว่ามวลน้ำที่ จ.สุโขทัย จะไม่มีปัญหาทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่อื่นๆ ได้
“หากพูดตามตรงคือ มวลน้ำที่ไหลเข้าท่วมที่ จ.สุโขทัย เมื่อวันที่ 10 ก.ย.จนถึง 13 ก.ย. ก็กินเวลาเข้าไป 4 วันแล้ว หัวน้ำก็น่าจะมาถึง จ.นครสวรรค์หรือชัยนาทแล้ว แต่จากตัวเลขการไหลยังพบว่ามีเพียง 1,800 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงทำให้มั่นใจได้ว่าพื้นที่อื่นๆ จะไม่มีปัญหารวมไปถึงพื้นที่ กทม.ด้วย” นายรอยลกล่าว
ส่วนที่เกิดน้ำท่วม อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยานั้น ก็ไม่ใช่เป็นเพราะมวลน้ำที่มาจากสุโขทัย เพราะนอกจากมวลน้ำยังเดินทางมาไม่ถึงแล้ว ยังพบว่าสาเหตุที่แท้จริงที่น้ำเอ่อท่วมเป็นเพราะ อ.บางบาลอยู่ในทุ่งเจ้าพระยา ซึ่งเป็นทุ่งใหญ่มาก จึงทำให้การระบายน้ำค่อนข้างยากลำบาก แต่จากการตรวจสอบปริมาณน้ำที่ยังค้างอยู่ในทุ่งเจ้าพระยาขณะนี้ก็พบว่ามีเพียง 300 ล้าน ลบ.ม. ก็จะเห็นได้ว่าน้ำที่ค้างอยู่ในทุ่งเจ้าพระยาขณะนี้มีปริมาณน้อยมาก และไม่มีความน่าเป็นห่วง
ด้าน นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยใน จ.สุโขทัย บริเวณเขตเทศบาลสุโขทัยธานี ระดับน้ำทรงตัว และศูนย์ราชการ จ.สุโขทัย ระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดสุโขทัยส่วนหน้า ณ วัดราชธานี ต.ธานี อ.เมืองฯ จ.สุโขทัย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัย
รวมทั้งระดมกำลังคน วัสดุอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกล เรือท้องแบน รถกู้ภัย เข้าช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย และซ่อมแซมพนังกั้นน้ำที่ได้รับความเสียหาย นำกระสอบทรายและตาข่ายลวดบรรจุหิน (เกเบียน) มาเสริมเป็นแนวคันกั้นน้ำ และจัดทำแนวป้องกันน้ำเซาะริมตลิ่งตลอดสองฝั่งลำน้ำยม ซึ่งการซ่อมแซมพนังกั้นน้ำมีความคืบหน้าประมาณ ร้อยละ 95 อีกทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ เรือท้องแบน พร้อมรถบรรทุกไว้รองรับการสัญจร และการอพยพประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ตลอดจนจัดรถผลิตน้ำดื่ม รถไฟส่องสว่าง เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและรถสุขาเคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมขังจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภค และที่พักพิงชั่วคราวไว้รองรับผู้ประสบภัย
นายวิบูลย์กล่าวต่อว่า ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำได้ทางเว็บไซต์ www.waterforthai.com ติดต่อแจ้งเหตุอุทกภัยและขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป