ASTVผู้จัดการรายวัน – น้ำท่วม สุโขทัย-พระนครศรีอยุธยา จุดกระแสความกังวลลูกค้าบ้านจัดสรร อสังหาฯประสานเสียงเตรียมความพร้อมรับมือ เอ็น.ซี.ฯ- มั่นคงฯ แจงความพร้อม วางระบบป้องกัน-แก้ปัญหาน้ำท่วม พร้อมทำความเข้าใจลูกค้าอย่างต่อเนื่องมั่นใจ “เอาอยู่”หากปริมาณน้ำไม่มากเกินปี54 ด้าน “วสันต์ คงจันทร์” ชี้น้ำท่วมอีกรอบคอนโดแรงไม่หยุด
จากรณีน้ำท่วมในจังหวัดสุโขทัย และพระนครศรีอยูธยาในขณะนี้ ทำให้เกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมในโครงการบ้านจัดสรร โดยเฉพาะโซนสี่ยงน้ำท่วม และในโซนที่ถูกน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา ซึ่งลูกค้าหลายๆ โครงการยังห่วงว่าผู้ประกอบการอสังหามีการสวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไว้อย่างไรบ้าน
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้บริหารบริษัทอสังหาหลายๆรายทราบว่าในแต่ละบรัทมีการเตรียมความพร้อมรับมืออยู่ก่อนหน้าแล้ว โดยนายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมามี2โครงการจาก7โครงการที่น้ำเข้าโครงการ คือโครงการบ้านฟ้ากรีนปาร์ค รังสิตคลอง3 และโครงการโฮมออน กรีน ซึ่งทั้ง2โครงการดังกล่าวได้มีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค และซ่อมแซมไปแล้ว มีเพียงโครงการโฮมออนกรีนที่ดำเนินการแล้วเสร็จเพียง80% โดยได้ทำเขื่อน กั้นน้ำรอบโครงการไปแล้ว 7-8 กิโลเมตร แต่ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทั้งหมด เนื่องจากในส่วนของสนามกอล์ฟ นั้นเจ้าของยังเจรจากับสถาบันการเงินไม่แล้วเสร็จ
ส่วนโครงการเก่าของบริษัท ได้ให้ผู้บริหารได้ลงพื้นที่จัดทำแผนและวางระบบป้องกัน และแก้ปัญหาจุดเสี่ยงทางน้ำ และจุดที่น้ำรั่วซึมจากกำแพงโครงการแล้วทุกโครงการ สำหรับโครงการใหม่นั้นบริษัทได้จัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมในทุกๆ โครงการแล้ว
ทั้งนี้ การประสานงานและการวางมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกบ้านนั้น บริษัทได้มีการประชาสัมพันธ์ และแจ้งข่าวลูกบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยมีการติดประกาศ และให้ข้อมูลแจ้งข่าวในโครงการให้ลูกบ้านทราบโดยตลอด นอกจากนี้ยังมีการส่งเอกสารและประชุมพูดคุยกับลูกบ้านอย่างตอเนื่อง รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานหรือราชการในพื้นที่ที่ดูแลอยู่ประชาชน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบาล (อบต.) ไว้แล้วเช่นกัน
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ในปีที่แล้วมีเพียงโครงการเดียวที่น้ำเข้าถึงบ้าน คือโครงการในย่านปทุมธานี ส่วนโครงการที่มีนำเข้าถึงในโครงการหลายๆโครงการนั้นระดับน้ำ ท่วเพียงผิวถนนในโครงการ แต่ไม่เข้าถึงตัวบ้าน
สำหรับมาตรการ และแนวทางการป้องกันน้ำท่วมในปีนี้ ในส่วนของโครงการเก่าที่เปิดตัวและขายไปแล้วบริษัทได้เข้าไปซ่อมแซมจุดเสี่ยงที่น้ำจะเข้าโครงการได้ เช่นในบริเวนกำแพงรั้วโครงการ ซึ่งบางจุดน้ำไหลเข้าได้ หรือเกิดชำรุดก็จะซ่อมแซมไม่ให้น้ำไหลเข้ามาได้ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งปั้มน้ำเพื่อสูบน้ำออกจากโครงการในกรณีที่ระดับน้ำสูงจนสามารถเข้ามาในโครงการได้
“ในแต่ละโครงการโดยเฉพาะโครงการใหม่ๆ เรามีการวางเขือน และติดตั้งปั้มสูบน้ำไว้ เพื่อสูบระบายน้ำออกจากโครงการในกรณีที่น้ำเข้าโครงการ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าหากปริมณน้ำไม่มากกว่าปีที่แล้ว ปั้มน้ำที่ติดตั้งไว้สามารถรองรับการสูบระบายน้ำออกไปได้โดยไม่ท่วมสูงและเข้าสู่ตัวบ้านลูกค้าแน่นอน”
****ท่วมอีก!คอนโดฯแรงไม่หยุด
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด กล่าวว่า หากในปีนี้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเหมือนปลายปี 54 แล้ว ก็ยิ่งทำให้ตลาดคอนโดฯร้อนแรงและได้รับความนิยมจากผู้ซื้อมากขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 55 จะเป็นการเปิดการขายโครงการคอนโดฯสูงถึง 80% และสัดส่วนดังกล่าวอาจจะสูงขึ้น นั่นหมายความว่า โครงการแนวราบอาจจะบอบช้ำ โดยเฉพาะในโซนที่เคยถูกน้ำท่วมมาแล้ว เช่น กรุงเทพฯตอนเหนือและกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก
" ฟันธงไม่ได้ว่า น้ำจะมา ท่วมมากหรือน้อย คงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการบริหารจัดการ ซึ่งประเด็นงบหลายแสนล้าน ก็น่าจะนำมาสร้างหรือป้องกันเมืองให้ได้ในอนาคต "นายวสันต์กล่าว
**เล็งฐานผลิตใหม่หนีน้ำท่วม
นาย มาร์คัส เบอร์เทนชอว์ ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนนายหน้า บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงพื้นที่อุตสาหกรรมที่เคยถูกน้ำท่วมว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน
ก.ค.2555 ยังมีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมย่านปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม จำนวนเพียง 74.6% หรือเท่ากับ 663 แห่ง กลับมาเริ่มปฏิบัติการอีกครั้ง โดยเป็นทั้งการเริ่มงานเพียงบางส่วนหรือแบบเต็มความสามารถในการผลิต
สำหรับโรงงานที่ยังเปิดทำการไม่ได้ มี 81 แห่งที่แจ้งความประสงค์ว่าจะเปิดตัวอีกครั้ง โดยในจำนวนนี้เป็นโรงงาน 51 แห่งที่คาดว่าจะเปิดภายในไตรมาสที่ 3 โรงงานอีก 25 แห่งเตรียมเปิดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และอีก 5 แห่งคาดว่าจะเปิดภายในไตรมาสแรก ของปี 2556 ขณะที่โรงงานจำนวน 62 แห่งต้องเลือกปิดตัวลงหรือย้ายทำเลไปอยู่ที่อื่นอย่างถาวร อย่างไรก็ตามยังพอมีข่าวดีเมื่อโรงงานซึ่งตั้งอยู่ภายนอกนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมจำนวนทั้งสิ้น 7,893 แห่ง มีโรงงาน 97.16% ได้กลับมาปฏิบัติการอีกครั้งแล้ว
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ โรงงานอีกส่วนหนึ่งมองหาหรือตัดสินใจเลือกโรงงานผลิตเพิ่มเติมบนทำเลอื่นๆ ในประเทศไทยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมต่ำกว่ามาก โดยพื้นที่ที่พิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมอย่างมากอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง
ขณะที่ผลวิจัยบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ซัพพลายรวมของที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกของปี 2555 เท่ากับ 118,642 ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 1.61% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 4.78% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตรายอดขายรวมอยู่ที่ 102,187 ไร่ หรือประมาณ 86% ซัพพลายใหม่ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมมีการขยายตัวรับดีมานด์ ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นเพราะโรงงานต้องการหาทำเลที่สูงหลังเกิดอุทกภัย
จากรณีน้ำท่วมในจังหวัดสุโขทัย และพระนครศรีอยูธยาในขณะนี้ ทำให้เกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมในโครงการบ้านจัดสรร โดยเฉพาะโซนสี่ยงน้ำท่วม และในโซนที่ถูกน้ำท่วมในปีที่ผ่านมา ซึ่งลูกค้าหลายๆ โครงการยังห่วงว่าผู้ประกอบการอสังหามีการสวางมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไว้อย่างไรบ้าน
ทั้งนี้ จากการสอบถามผู้บริหารบริษัทอสังหาหลายๆรายทราบว่าในแต่ละบรัทมีการเตรียมความพร้อมรับมืออยู่ก่อนหน้าแล้ว โดยนายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมามี2โครงการจาก7โครงการที่น้ำเข้าโครงการ คือโครงการบ้านฟ้ากรีนปาร์ค รังสิตคลอง3 และโครงการโฮมออน กรีน ซึ่งทั้ง2โครงการดังกล่าวได้มีการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค และซ่อมแซมไปแล้ว มีเพียงโครงการโฮมออนกรีนที่ดำเนินการแล้วเสร็จเพียง80% โดยได้ทำเขื่อน กั้นน้ำรอบโครงการไปแล้ว 7-8 กิโลเมตร แต่ยังไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ทั้งหมด เนื่องจากในส่วนของสนามกอล์ฟ นั้นเจ้าของยังเจรจากับสถาบันการเงินไม่แล้วเสร็จ
ส่วนโครงการเก่าของบริษัท ได้ให้ผู้บริหารได้ลงพื้นที่จัดทำแผนและวางระบบป้องกัน และแก้ปัญหาจุดเสี่ยงทางน้ำ และจุดที่น้ำรั่วซึมจากกำแพงโครงการแล้วทุกโครงการ สำหรับโครงการใหม่นั้นบริษัทได้จัดทำระบบป้องกันน้ำท่วมในทุกๆ โครงการแล้ว
ทั้งนี้ การประสานงานและการวางมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกบ้านนั้น บริษัทได้มีการประชาสัมพันธ์ และแจ้งข่าวลูกบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยมีการติดประกาศ และให้ข้อมูลแจ้งข่าวในโครงการให้ลูกบ้านทราบโดยตลอด นอกจากนี้ยังมีการส่งเอกสารและประชุมพูดคุยกับลูกบ้านอย่างตอเนื่อง รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานหรือราชการในพื้นที่ที่ดูแลอยู่ประชาชน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบาล (อบต.) ไว้แล้วเช่นกัน
นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK กล่าวว่า ในปีที่แล้วมีเพียงโครงการเดียวที่น้ำเข้าถึงบ้าน คือโครงการในย่านปทุมธานี ส่วนโครงการที่มีนำเข้าถึงในโครงการหลายๆโครงการนั้นระดับน้ำ ท่วเพียงผิวถนนในโครงการ แต่ไม่เข้าถึงตัวบ้าน
สำหรับมาตรการ และแนวทางการป้องกันน้ำท่วมในปีนี้ ในส่วนของโครงการเก่าที่เปิดตัวและขายไปแล้วบริษัทได้เข้าไปซ่อมแซมจุดเสี่ยงที่น้ำจะเข้าโครงการได้ เช่นในบริเวนกำแพงรั้วโครงการ ซึ่งบางจุดน้ำไหลเข้าได้ หรือเกิดชำรุดก็จะซ่อมแซมไม่ให้น้ำไหลเข้ามาได้ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งปั้มน้ำเพื่อสูบน้ำออกจากโครงการในกรณีที่ระดับน้ำสูงจนสามารถเข้ามาในโครงการได้
“ในแต่ละโครงการโดยเฉพาะโครงการใหม่ๆ เรามีการวางเขือน และติดตั้งปั้มสูบน้ำไว้ เพื่อสูบระบายน้ำออกจากโครงการในกรณีที่น้ำเข้าโครงการ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าหากปริมณน้ำไม่มากกว่าปีที่แล้ว ปั้มน้ำที่ติดตั้งไว้สามารถรองรับการสูบระบายน้ำออกไปได้โดยไม่ท่วมสูงและเข้าสู่ตัวบ้านลูกค้าแน่นอน”
****ท่วมอีก!คอนโดฯแรงไม่หยุด
นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์น พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนท์ จำกัด กล่าวว่า หากในปีนี้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเหมือนปลายปี 54 แล้ว ก็ยิ่งทำให้ตลาดคอนโดฯร้อนแรงและได้รับความนิยมจากผู้ซื้อมากขึ้น เนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 55 จะเป็นการเปิดการขายโครงการคอนโดฯสูงถึง 80% และสัดส่วนดังกล่าวอาจจะสูงขึ้น นั่นหมายความว่า โครงการแนวราบอาจจะบอบช้ำ โดยเฉพาะในโซนที่เคยถูกน้ำท่วมมาแล้ว เช่น กรุงเทพฯตอนเหนือและกรุงเทพฯฝั่งตะวันตก
" ฟันธงไม่ได้ว่า น้ำจะมา ท่วมมากหรือน้อย คงต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการบริหารจัดการ ซึ่งประเด็นงบหลายแสนล้าน ก็น่าจะนำมาสร้างหรือป้องกันเมืองให้ได้ในอนาคต "นายวสันต์กล่าว
**เล็งฐานผลิตใหม่หนีน้ำท่วม
นาย มาร์คัส เบอร์เทนชอว์ ผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนนายหน้า บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงพื้นที่อุตสาหกรรมที่เคยถูกน้ำท่วมว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงเดือน
ก.ค.2555 ยังมีโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมย่านปทุมธานีและพระนครศรีอยุธยา ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม จำนวนเพียง 74.6% หรือเท่ากับ 663 แห่ง กลับมาเริ่มปฏิบัติการอีกครั้ง โดยเป็นทั้งการเริ่มงานเพียงบางส่วนหรือแบบเต็มความสามารถในการผลิต
สำหรับโรงงานที่ยังเปิดทำการไม่ได้ มี 81 แห่งที่แจ้งความประสงค์ว่าจะเปิดตัวอีกครั้ง โดยในจำนวนนี้เป็นโรงงาน 51 แห่งที่คาดว่าจะเปิดภายในไตรมาสที่ 3 โรงงานอีก 25 แห่งเตรียมเปิดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และอีก 5 แห่งคาดว่าจะเปิดภายในไตรมาสแรก ของปี 2556 ขณะที่โรงงานจำนวน 62 แห่งต้องเลือกปิดตัวลงหรือย้ายทำเลไปอยู่ที่อื่นอย่างถาวร อย่างไรก็ตามยังพอมีข่าวดีเมื่อโรงงานซึ่งตั้งอยู่ภายนอกนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกน้ำท่วมจำนวนทั้งสิ้น 7,893 แห่ง มีโรงงาน 97.16% ได้กลับมาปฏิบัติการอีกครั้งแล้ว
ประเด็นที่น่าสนใจ คือ โรงงานอีกส่วนหนึ่งมองหาหรือตัดสินใจเลือกโรงงานผลิตเพิ่มเติมบนทำเลอื่นๆ ในประเทศไทยที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมต่ำกว่ามาก โดยพื้นที่ที่พิสูจน์แล้วว่าได้รับความนิยมอย่างมากอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง
ขณะที่ผลวิจัยบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ซัพพลายรวมของที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมในไตรมาสแรกของปี 2555 เท่ากับ 118,642 ไร่ หรือเพิ่มขึ้น 1.61% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 4.78% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อัตรายอดขายรวมอยู่ที่ 102,187 ไร่ หรือประมาณ 86% ซัพพลายใหม่ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมมีการขยายตัวรับดีมานด์ ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้นเพราะโรงงานต้องการหาทำเลที่สูงหลังเกิดอุทกภัย
