xs
xsm
sm
md
lg

“กิตติรัตน์” แจงกระทู้สด “ไวต์ลาย” ยังแถไม่เคยโกหก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง
“กิตติรัตน์” แจงกระทู้สดโกหกสีขาว อ้างคำว่า “ไวต์ลาย” ไม่ได้แปลว่าโกหก เพราะมีคำว่าไวต์ที่แปลว่าขาว พลิ้วคำว่า “โกหก” เป็นการเอาข้อมูลมาบิดเบือน แต่การส่งออกเป็นแค่เป้าหมายที่ยังไม่เกิดขึ้น บอกสิ่งที่พูดไปเป็นการแสดงความจริงใจ ยันไม่มีหญิงหรือชายที่อยู่นอกประเทศอนุญาตให้ไม่ต้องพูดความจริงในบางเรื่อง


วันที่ 13 ก.ย. นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดถามนาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เรื่องดัชนีทางเศรษฐกิจปี 2555 โดยก่อนเริ่มกระทู้ได้เปิดคลิปที่นายกิตติรัตน์ไปพูดบรรยายที่โรงแรมดุสิตธานี เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 55 โดยช่วงหนึ่งมีการยอมรับว่าพูดไม่จริงสีขาวเรื่องตัวเลขการส่งออก

ทั้งนี้ โดยนายเกียรติกล่าวว่า หลังจากที่นายกิตติรัตน์ยอมรับว่าโกหกสีขาว ปรากฏว่า สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศนำไปเขียนบทความเรื่องการโกหกสีขาวร่วม 500 บทความ และยังมีการตั้งคำถามอีก 19 เรื่อง เช่น การจำนำข้าว ราคายางพารา ค่าแรง 300 บาท การแก้ไขไม่แก้แค้น รวยแล้วไม่โกง ไม่รู้เป็นการโกหกสีขาวด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ ไม่มีทฤษฎีใดที่ระบุว่าการให้ความเชื่อมั่นสามารถทำได้โดยการไม่ให้ความจริง ซึ่งประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองบอกว่า การให้ข้อมูลข่าวสารต้องทำอย่างถูกต้อง ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง แต่ผลของการแถลงเรื่องตัวเลขการส่งออกของนายกิตติรัตน์ทำให้เกิดความเสียหาย หากผู้ส่งออกไปเชื่อว่าตัวเลขการส่งออกอยู่ที่ร้อยละ 15 ก็จะไปสั่งสินค้ามาเตรียมไว้ ก็จะเกิดความเสียหายได้ เพราะการส่งออกโตแค่ร้อยละ 5.9 จึงอยากถามว่าพูดโกหกสีขาวไปทำไม

“ถ้าบอกว่าประเมินผิด เรื่องก็จบ ให้เหตุผลเพราะอะไร แต่ประชาชนคาดหวังว่ารองนายกฯ ต้องมีวุฒิภาระสูงเพียงพอ ต้องรู้ว่าต้องปฏิบัติตนเพียงพออย่างไร เอานิทานเด็กเลี้ยงแกะมาผนวกกับไวต์ลายไม่ได้ เพราะมีแต่เสียกับเสีย ทำไปทำไม ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยจะรับผิดชอบอย่างไร”

ด้าน นายกิตติรัตน์ชี้แจงว่า น่าจะเข้าใจว่าการปาฐกถาของตนในวันที่ 26 ส.ค. อาจจะเป็นหนึ่งในสิบ หรือร้อยในการปาฐกถา แต่ก็ต้องขอบคุณที่ให้ความสนใจในการบางช่วงบางตอน ก็เข้าใจดีว่าเป็นการนำไปสู่วิพากษ์วิจารณ์ ถ่ายทอดต่อๆ กันจนเป็นความเข้าใจว่ารองนายกฯ หัวหน้าเศรษฐกิจรัฐบาลโกหกเรื่องตัวเลขการส่งออก บิดเบือนตัวเลข ยืนยันว่าตัวเลขการส่งออกมีการหน่วยงานตามหน่วยราชการต่างๆ ไม่ได้มีความพยายามของใครในรัฐบาลที่จะไปเปลี่ยนแปลงตัวเลขการส่งออก แต่การตั้งเป้าหมายในการทำงานของตนใช่ช่วงปีที่ผ่านมาประเทศต้องเผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและธรรมชาติ ในปี 2554 มีการตั้งเป้าหมายส่งออกร้อยละ 15 ในปีที่ประสบภัยก็สามารถส่งออกได้สูงเกินเป้า

ดังนั้น เมื่อส่วนราชการมาปรึกษาหารือว่าจะตั้งเป้าการส่งออกในอัตราที่เท่ากันกับปีที่ผ่านมา โดยเห็นว่าร้อยละ 15 ก็ไม่สูงไปกว่าปีก่อน และมีความตั้งใจว่าถ้าตั้งเป้าดังกล่าวก็จะทำงานกันเต็มที่เพื่อให้ถึงเป้าหมาย ตนมีหน้าที่ติดตามภาวะเศรษฐกิจโดยทั่วไป เห็นได้ชัดว่าไม่มีการตั้งเป้าโดยส่วนตัว แต่เห็นว่าโอกาสที่จะถึงร้อยละ 15 เป็นไปได้ยาก แต่ก็สงวนสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นเพราะหากพูดออกไปก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเป็นผลตามมา คนก็จะบอกว่าหัวหน้าทีมเศรษฐกิจก็ยังท้อถอยเลย พวกเราก็ไม่ต้องทำงานเต็มที่ และลดเป้าลงมาได้ ขณะเดียวกัน ตนเคยพูดไว้ว่านโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดนี้จะสามารถทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ด้วยการปรับสมดุลทางเศรษฐกิจ โดยการเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศ การใช้จ่ายของภาครัฐและสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุน การพึ่งพาการส่งออกจึงมีความจำเป็นน้อยลง

ดังนั้น การที่มีคนทั้วไปหรือนักวิชาการที่ยังฝังใจว่าประเทศไทยจะสามารถเติบโตต่อเมื่อการส่งออกมีอัตราการขยายตัวที่ดี ภาวะโดยรวมอย่างนี้ทำให้ตนขอใช้สิทธิส่วนตัวเงียบและไม่แสดงความเห็น เมื่อมีการตั้งเป้าอัตราร้อยละ 15 ออกมาแล้วตนก็เป็นคนหนึ่งที่ร่วมมือร่วมใจทำงานกันอย่างสุดความสามารถโดยหวังว่าจะมีสิ่งพิเศษเกิดขึ้น ให้การส่งไปถึงเป้าตามที่ตั้งไว้

“สิ่งที่ผมพูดออกไปว่าไม่ได้ตามเป้าเป็นการแสดงออกถึงความเสียใจ มีคนวิจารณ์ผมว่าไร้เดียงสาในทางการเมือง ความจริงใจที่ท่านแนะนำถ้าจะเก็บไว้ในใจก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ไม่ใช่มาตรฐานตามความเชื่อของผม ผมไม่โกหก ไม่เคยโกหก แต่คำว่าไวต์ลายที่ว่าผมไม่ถนัดที่จะปรับเปลี่ยนถ้อยคำเพื่อให้ความหมายมันดูแตกต่างออกไป แต่คำว่าไวต์ลายไม่ได้แปลว่าโกหกแน่นอน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีคำว่า ไวต์ หรือคำว่า ขาว ซึ่งเป็นความหมายด้านดี ยกตัวอย่าง เช่น คำว่า “การสลายการชุมนุม” ถ้าถูกเปลี่ยนเป็น “การกระชับพื้นที่” “ขอคืนพื้นที่” แล้วความหมายจะต่างออกไป แต่ยอมรับแต่ต้นว่าโอกาสที่จะทำตามเป้าหมายมีไม่มาก แต่ก็สงวนสิทธิ์ที่จะไม่พูด ยืนยันว่าไม่มีใครไปเตี๊ยมกันเรื่องการส่งออก ส่วนที่จะแสดงความจริงใจหรือไม่นั้นถือว่าเป็นสิทธิเฉพาะบุคคล เช่นมีการตั้งเป้าจะแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ให้เสร็จภายในวันนั้นวันนี้ การตั้งเป้าเป็นเรื่องที่ดี ผู้คนมีความหวังกำลังใจ แต่เมื่อทำไปแล้วถึงเวลาก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ก็ยอมรับกันว่าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ตนมีมาตรฐานเป็นเรื่องของความจริงใจ สิ่งที่เรียกว่าโกหกคือการเอาข้อมูลมาบิดเบือนให้แตกต่างจากที่เกิด แต่การตั้งเป้าเป็นสิ่งที่ยังไม่เกิด

ด้าน นายเกียรติได้ซักต่อว่า การตั้งเป้าไม่ใช่เรื่องว่าปีก่อนตั้งแบบนี้ ปีนี้ตั้งเหมือนกันไม่ได้ และตนไม่ได้บอกให้ไม่รู้ไม่ชี้ แต่บอกให้อธิบายเหตุผล ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน การกระชับพื้นที่ กับเรื่องภาคใต้ควรกลับไปอ่านใหม่ และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องโกหกสีขาวเลย เรื่องความเห็นส่วนตัว คนเป็นรองนายกฯ เป็นผู้ใหญ่ ความเห็นส่วนตัวเก็บไว้ที่บ้าน เพราะท่านมีแต่ความเห็นของรัฐบาลที่พูดอะไรไปต้องเกิดผลกระทบกับเอกชน วันนี้ท่านไม่คุยกับพ่อค้าส่งออกข้าว คำถามคือ มีการพูดอยู่ตอนหนึ่งว่า “เขาอนุญาตให้ผมพูดไม่จริงในบางเรื่องได้” ตนตีความได้สองคน คือ ผู้หญิงหนึ่งคน และผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงก็คือนายกฯ ถ้าผู้ชายก็คงจะเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐบาล เรื่องนี้เรื่องใหญ่ต้องถามว่าเขาคือใคร

นายกิตติรัตน์ชี้แจงว่า การพูดไม่จริงตนมีตัวอย่างให้ดูเพื่อจะได้รู้ว่าเป็นเรื่องที่เขารับกันได้ และหมายถึงตัวท่านด้วย ไม่ได้หมายถึงใครคนใดโดยเฉพาะที่พยายามเชื่อมโยง เคยได้ยินตนพูดหลายครั้งว่าไม่ขึ้นอัตราภาษีใดๆ เพื่อเพิ่มรายได้ให้รัฐบาล แต่ตนก็รับผิดชอบผลักดันให้ขึ้นภาษีสรรพสามิต บุหรี่ สุรา ถือเป็นเรื่องโกหกใช่หรือไม่ แต่ตนคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ยืนยันในแนวนโยบายว่าไม่ได้ประสงค์จะขึ้นภาษีดังกล่าว และคำว่า “เขา” หมายถึงสังคมโดยรวม การชี้แจงของตนเป็นเพียงเพื่ออธิบายความ ดังนั้น ยืนยันว่าไม่มีเขาไม่ว่าหญิงหรือชาย และไม่มีใครที่พยายามโยงถึงคนที่อยู่นอกประเทศ ไม่ใช่วิสัยของตน ยืนยันว่าคามจริงไม่เคยถูกบิดเบือนหรือโกหก การดำเนินการเพื่อเกิดความเชื่อมั่นขณะนี้ส่งผลเรียบร้อยแล้ว และยืนยันว่าจะใช้มาตรฐานนี้ ยืนยันว่าการดำเนินการเป้าหมายร้อยละ 15 จะเป็นอย่างนั้นต่อไป






กำลังโหลดความคิดเห็น