ผบ.ทบ.เผยโจรใต้วางกับระเบิด จนท.ทำงานลำบาก สั่งเพิ่มความระมัดระวัง ยึดความอดทน เผยไม่ท้อแท้ถูกสื่อตำหนิ แต่ไม่เป็นธรรม ยันไม่ตั้งโต๊ะเจรจา เชื่อไม่มีนักการเมือง ช.กว้านซื้อที่ดิน ส่วนกรณีดีเอสไอสอบสวน 39 พลยิงลั่นอย่าตื่นเต้น แค่เตรียมความพร้อมยามไม่ปลอดภัย แนะว่ากันในศาล ชี้เป็นคนดีต้องโดนคนชั่วโจมตี ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมพร้อมส่งทหารช่วยเหลือ
วันนี้ (10 ก.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สโมสรทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ผู้ก่อความไม่สงบใช้วิธีการวางกับระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตว่า ต้องกลับไปทบทวน เพราะการสู้รบมีหลายแบบทั้งการรุก รับ ร่น และถอย เขาพยายามหาทุกวิถีทางมาต่อสู้กับเรา ซึ่งเราใช้ทั้งวิธีการเดินทางทางรถและการเดินลาดตระเวนทางพื้นดิน เมื่อเขารู้ว่าเราเดินจึงเอากับระเบิดมาวางให้เราเหยียบ ซึ่งป้องกันได้ยาก เพราะเขาวางไว้ตามพื้นดินในเส้นทางที่เราใช้ประจำ ทั้งนี้ ตามหลักการรบจริง เราจะต้องไม่ใช้เส้นทางเดิม แต่เส้นทางการเดินทางไปวัดและโรงเรียนเป็นเส้นทางเก่า ไม่มีเส้นทางอื่นที่จะอ้อมได้ทำให้เกิดความเสี่ยง จึงได้สั่งการให้ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ทุกคนต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นเป้าหมายที่มีความเสี่ยง และขอให้อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ และในเวลาที่มีความเสี่ยง เช่น ช่วงฟ้ามืด ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรออกจากบ้าน
“เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นเจ้าหน้าที่พยายามปรับการทำงานตลอดเวลาและพยายามลดปัญหา แต่เราไม่สามารถปฏิบัติการทางทหารได้เต็มที่ เพราะเราไม่สามารถประกาศเป็นพื้นที่สงครามได้ ถ้าประกาศ คิดว่าใครจะมาวางกับระเบิดลูกน้องผมไม่ได้ แต่เราทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะติดหลายประการ ไม่ใช่ว่าเจ้าหน้าที่ดูแลไม่ได้ ถ้าเทียบสัดส่วนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันจะเห็นว่าจำนวนเหตุการณ์เกิดขึ้นน้อยลง แต่อาจจะรุนแรง ดังนั้นขอให้ช่วยเจ้าหน้าที่อย่าเพิ่งลงโทษเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า มีส่วนหนึ่งที่มุ่งหวังให้เกิดการแบ่งแยก แต่ไม่ได้มีจำนวนมาก คนพวกนี้พยายามเคลื่อนไหวให้ได้รับการสนับสนุน ทำให้ตนเองมีคุณค่า ได้เป็นผู้นำ พยายามจัดระเบียบในหมู่บ้านในพื้นที่ของเราในรูปแบบของเขาเอง โดยใช้วิธีการลักลอบก่อเหตุตลอดเวลา สิ่งที่เราควรยึดมั่นคือความอดกลั้นที่จะไม่ใช่ความรุนแรงในการโต้ตอบ และอดทน ผมต้องอดทนจากคำพูดจากสิ่งที่สื่อฯ ตำหนิเจ้าหน้าที่ แต่ผมไม่ได้ท้อแท้ เพราะท้อแท้ไม่ได้ ลูกน้องก็ท้อแท้ไม่ได้ ถ้าเราตำหนิเขาว่าทำงานไม่ได้ผล คิดว่าไม่เป็นธรรม” ผบ.ทบ.กล่าว
ส่วนการพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราทำอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่จะมานั่งโต๊ะคุย คงจะต้องพูดคุยผ่านประชาชน ผู้นำท้องถิ่น เพราะคนพวกนี้รู้จักกันดี แต่อาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่เจ้าหน้าที่พร้อมให้ผู้หลงผิดเข้ามามอบตัวตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ วันนี้ความไว้วางใจยังไม่เกิดขึ้น แม้เราจะเปิดให้มอบตัว แต่เขายังมาจำนวนน้อย เพราะอาจจะกลัวความผิดทางคดี กลัวผู้บาดเจ็บสูญเสียแก้แค้น แต่เราเปิดโอกาสให้เขาตลอดเวลา ไม่ได้ไปไล่ล่าฆ่าเขา เพียงแต่กดดันให้เขาใช้อาวุธไม่ได้ให้เขาออกมามอบตัวและจำกัดเสรีการเคลื่อนไหวของเขา และดูแลเรื่องการพัฒนาที่จะต้องใช้เวลาพอสมควร
“ต้องเข้าใจว่าเราแก้ไขปัญหาหลายมิติ ไม่ใช่ด้วยกำลังรบอย่างเดียว ถ้าแก้ได้ก็จะเหมือนต่างประเทศคือการใช้กำลังเข้าไปสถาปนาพื้นที่ให้ปลอดภัย โดยไม่ต้องสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่จากนั้นปัญหาก็ไม่ได้ยุติ ถ้าเราไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นเราก็ต้องพยายามยุติปัญหาให้ได้ภายในประเทศของเรา ใช้ทุกยุทธศาสตร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่ง 7 ปีที่เราดำเนินการมา มีความคืบหน้าไปตามแผนงานที่มีอยู่ การปลุกระดมชาวบ้านมีมาโดยตลอด ส่วนเราก็ไปสู้กับเขาไม่ให้แนวร่วมมีมากขึ้น ถ้าวันนี้เรายังหยุดเขาไม่ได้ เขายังมีจำนวนมากขึ้น เมื่อนั้นเขาจะเข้มแข็งและมีกองกำลังที่มากขึ้นนั้นคืออันตราย ผมเป็นทหารมา 36 ปี คงนึกออกว่าต้องทำอะไรบ้าง สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นการสร้างสภาวะแวดล้อมให้ปลอดภัย โดยกำลังทหาร และสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันโดยการพัฒนา” ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและนักวิชาการได้เสนอแนะว่าควรใช้ประเทศที่เป็นกลางในการเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราพยายามแก้ปัญหาให้อยู่ในประเทศ การจะทำอะไรไม่จำเป็นต้องบอกให้คนรู้ทั้งโลก เรามีบทเรียน ลองไปศึกษาสมรภูมิประเทศที่เขาแยกประเทศออกไปแล้ว เรื่องการเจรจา ตนขอว่าอย่าถามตนมากนัก ถามว่าคนที่ต้องขอเจรจาควรเป็นคนกลุ่มไหน คนแพ้หรือคนชนะ คนได้เปรียบจะมาขอเจรจาหรือ ถามว่ามันควรที่เราจะไปเจรจากับเขาหรือ เราจะต้องใช้วิธีอื่นว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เขามีจำนวนมากขึ้น ภาคใต้มีคน 2 ล้านถามว่าที่เราดูแลให้ปลอดภัยได้มีจำนวนเท่าไหร่
เมื่อถามกรณี นักการเมืองตัวอักษรย่อ ช.ช้าง ที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล กว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่เห็นมี แต่อยากอธิบายเรื่องนี้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีการข่มขู่ไล่ไทยพุทธออกจากพื้นที่และให้ขายที่ดินในราคาถูก ซึ่งจะมีคนฉกฉวยประโยชน์ตรงนี้ไปซื้อที่ดิน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หวังดีจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษานายกฯ ว่า ทำอย่างไรที่จะรับซื้อที่ดินที่ไม่ใช่ราคาสูง ให้เขาขายฝาก ดังนั้นอยู่ดีๆ นาย ช.จะไปซื้อที่ดินได้อย่างไร คนที่จะขายที่จะมีคณะกรรมการทำงานในแต่ละจังหวัด หากมีปัญหาก็จะไปหาผู้ว่าราชการฯ โดยมีคนรับรองว่าเป็นที่เขาและเดือดร้อนจริงหรือไม่ เป็นการขายฝากดอกเบี้ยที่น้อยหรืออาจไม่มีเลย ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่โดยผ่านคณะกรรมการที่จะพิจารณาว่าควรซื้อไม่ซื้อ คงไม่เกี่ยวกับ นาย ช.ที่ไปกว้านซื้อตรงไหน ซึ่งการทำแบบนี้น่าเป็นการป้องกันนาย ช.ช้างมากกว่า เพราะทางการลงไปซื้อ
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยเอกสารของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ให้ตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และ ผอ.ศอฉ. เป็นคนลงนามก่อนนำมาสู่การตั้ง 39 พลยิง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่าตื่นเต้นกับเรื่องดังกล่าวให้มาก ซึ่งในเวลาการทำงานหากดูแล้วไม่ปลอดภัยเขาก็ต้องมีการเตรียมพร้อมของทุกหน่วยงานแต่จะใช้หรือไม่ใช้ก็ต้องว่ากันอีกทีตามสถานการณ์ อย่านำไปปนกัน ที่มีปัญหากันทุกวันนี้ก็เพราะพลยิงเฝ้าระวัง นั่นก็ต้องไปว่ากันในศาล อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่ ตรงนี้เป็นพลซุ่มยิงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถ้าสถานการณ์ลุกลามบานปลายไปอีกระดับหนึ่ง แล้วพวกท่านจะให้เขาทำอย่างไร จะไม่ให้มีการเตรียมความพร้อมกันบ้างเลยหรือ ไม่เตรียมคนเหล่านี้ไว้ต่อสู้หรือป้องกันหรือไง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดขึ้นก็จบ ก็ให้ไปว่ากันในศาลในเรื่องความผิดหรือถูกมาตอบโต้กันทางสื่อไม่เป็นประโยชน์ ตนไม่เห็นว่าประเทศชาติจะได้อะไรเลย
เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงหรือไม่ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มาสอบสวนกับทางทหาร แต่ไม่ติดตามเรื่องชายชุดดำ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทางกองทัพได้ทวงถามไปแล้ว และก็ได้คำตอบมาว่ากำลังติดตามอยู่ ตนว่าไม่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ก็จะต้องดูทั้งสองฝ่าย วันนี้ทางดีเอสไอบอกว่าเป็นการทำตามคำร้องเดี๋ยวก็จะมีคนไปร้องอีกและก็จะมีการสอบกันอีก สอบกันไปมาอย่างนี้นี่คือกฎหมายไทยก็ค่อยปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่าไปเร่งมัน ถ้าเร่งมากๆก็จะเกิดความวุ่นวาย เดี๋ยวหน่วยงานก็จะทะเลาะกัน แล้วเราจะอยู่กันอย่างไรว่ากันไปตามขั้นตอน ตนไปไม่ได้ไปปิดบังใครทั้งสิ้น เมื่อถามว่าเป็นห่วงกองทัพหรือไม่เรื่องมีเอกสารเท็จมาโจมตีกองทัพ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ห่วงเมื่อเราทำดีแสดงว่าเราทำดีอยู่แล้ว ถ้าทำไม่ดีเขาก็จะไม่มาสนใจเราอยู่แล้วนั่นก็แสดงว่าเราทำดี ถ้าทำดีคนชั่วก็โจมตีเยอะ
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ว่า ขณะนี้มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 6 จังหวัด 30 อำเภอ จึงได้สั่งการกำลังพลให้ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและสั่งการให้ตรวจเช็คปริมาณน้ำฝน รวมทั้งเฝ้าดูว่าจะกระทบพื้นที่ใดบ้าง เพราะจะได้ส่งกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือได้ทันท่วงที ทั้งนี้ทหารช่วยไม่ได้ 100% เพราะไม่มีเครื่องมือหนักที่เพียงพอ เช่น รถแบ็กโฮ แต่ช่วยได้ในเบื้องต้นเท่านั้น โดยดูว่าตรงไหนที่โดนหนักก็จะรีบเข้าไปช่วยเหลือก่อน จากนั้นจะประสานกับทางจังหวัด และกรมป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนที่มีเครื่องมือพร้อมมารับช่วงต่อเพื่อไปดูแล ขณะนี้ก็คอยฟังกรมอุตุนิยมวิทยาว่าสภาวะอากาศเป็นอย่างไร ซึ่งพบว่าในภาคเหนือตอนบนสถานการณ์ดีขึ้น แต่ภาคเหนือตอนกลางค่อนไปทางตะวันตกยังต้องเฝ้าระวังอยู่