ASTVผู้จัดการรายวัน- "ประยุทธ์"ยันไม่ตั้งโต๊ะเจรจาโจรใต้ ชี้ฝ่ายเสียเปรียบต้องเป็นผู้ขอเจรจา เชื่อไม่มีนักการเมือง ช. กว้านซื้อที่ดิน ด้านคนร้ายนำธงชาติไทยไปผูกติดไว้กับต้นยางพารา และวางระเบิดปลอมไว้ที่โค้นต้นยาง เพื่อเป็นการข่มขู่ชาวสวนยาง ขณะที่ชาวบ้านเหยียบกับระเบิดอีก ขณะแวะปลดทุกข์ริมถนนใน อ.ระแงะ แต่โชคดีไม่ถึงฆาต
วานนี้ (10ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีผู้ก่อความไม่สงบ ใช้วิธีการวางกับระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ว่า คงต้องกลับไปทบทวน เพราะการสู้รบมีหลายแบบ ทั้งการรุก รับ ร่น และ ถอย เขาพยายามหาทุกวิถีทางมาต่อสู้กับเรา ซึ่งเราใช้ทั้งวิธีการเดินทางด้วยรถ และการเดินเท้าลาดตระเวน เมื่อเขารู้ว่าเราเดินจึงเอากับระเบิดมาวางให้เราเหยียบ ซึ่งป้องกันได้ยาก เพราะเขาวางไว้ตามพื้นดินในเส้นทางที่เราใช้ประจำ ทั้งนี้ตามหลักการรบจริง เราจะต้องไม่ใช้เส้นทางเดิม แต่เส้นทางการเดินทางไปวัด และโรงเรียน เป็นเส้นทางเก่า ไม่มีเส้นทางอื่น ทำให้เกิดความเสี่ยง จึงได้สั่งการให้ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
**ผล.ทบ. ลั่นไม่เจรจากับโจรใต้
ส่วนการพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราทำอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่จะมานั่งโต๊ะคุย คงจะต้องพูดคุยผ่านประชาชน ผู้นำท้องถิ่น เพราะคนพวกนี้รู้จักกันดี แต่อาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่เจ้าหน้าที่พร้อมให้ผู้หลงผิดเข้ามามอบตัว วันนี้ความไว้วางใจยังไม่เกิดขึ้น แม้เราจะเปิดให้มอบตัว แต่เขายังมาจำนวนน้อย เพราะอาจจะกลัวความผิดทางคดี กลัวผู้บาดเจ็บสูญเสียแก้แค้น แต่เราเปิดโอกาสให้เขาตลอดเวลา
" ถามว่าคนที่ต้องขอเจรจาควรเป็นคนกลุ่มไหน คนแพ้หรือคนชนะ คนได้เปรียบจะมาขอเจรจาหรือ ถามว่ามันควรที่เราจะไปเจรจากับเขาหรือ เราจะต้องใช้วิธีอื่น ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เขามีจำนวนมากขึ้น ภาคใต้มีคน 2 ล้าน ถามว่าที่เราดูแลให้ปลอดภัยได้มีจำนวนเท่าไหร่ "
** ไม่รู้เรื่องนักการเมืองช. กว้านซื้อที่ดิน
เมื่อถามกรณี นักการเมืองตัวอักษรย่อ ช.ช้าง ที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล กว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นมี แต่อยากอธิบายเรื่องนี้ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีการข่มขู่ ไล่ไทยพุทธออกจากพื้นที่ และให้ขายที่ดินในราคาถูก ซึ่งจะมีคนฉกฉวยประโยชน์ตรงนี้ไปซื้อที่ดิน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หวังดี จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษานายกฯว่า ทำอย่างไรที่จะรับซื้อที่ดิน ที่ไม่ใช่ราคาสูง ให้เขาขายฝาก ดังนั้นอยู่ดีๆ นาย ช. จะไปซื้อที่ดินได้อย่างไร คนที่จะขายที่ จะมีคณะกรรมการทำงานในแต่ละจังหวัด หากมีปัญหา ก็จะไปหาผู้ว่าราชการฯ โดยมีคนรับรองว่าเป็นที่เขา และเดือดร้อนจริงหรือไม่ เป็นการขายฝาก ดอกเบี้ยที่น้อยหรืออาจไม่มีเลย ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ โดยผ่านคณะกรรมการที่จะพิจารณาว่า ควรซื้อ ไม่ซื้อ คงไม่เกี่ยวกับ นาย ช. ที่ไปกว้านซื้อตรงไหน ซึ่งการทำแบนนี้ น่าเป็นการป้องกัน นาย ช.ช้าง มากกว่า เพราะทางการลงไปซื้อ" ผบ.ทบ. กล่าว
***คนร้ายผูกธงชาติวางบึ้มปลอม
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (10 ก.ย.) ร.ต.ท.สัณฐิติ ทองจันทร์ ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายผูกธงชาติไทย และฝังวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดภายในสวนยางพาราบ้านป่าไผ่ ม.5 ต.ตันหยงลิมอ จึงพร้อมด้วย ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบคนร้ายผูกธงชาติไทยซึ่งมีร่องรอยการเผาไว้ที่ต้นยางพารา จำนวน 3 ผืน 3 จุด ซึ่งห่างกันจุดละ 5 เมตร โดยเฉพาะที่บริเวณโคนต้นยางพารา คนร้ายได้ทำการพูนดินไว้เป็นเนิน เหมือนลักษณะฝังวัตถุต้องสงสัยไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องตรวจสอบวัตถุโลหะในการตรวจสอบโคนต้นยางพาราทั้ง 3 จุด พบว่าในกองดินไม่มีวัตถุต้องสงสัยใดๆ ฝังไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแกะธงชาติไทยออก เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน นำไปตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝง ว่าคนร้ายกลุ่มนี้ได้เคยก่อเหตุลักษณะนี้เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา รวม 120 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่
จากการสอบถามนางบีเดาะ เจ๊ะนุ อายุ 45 ปี เจ้าของสวนยางพาราบ้านลูโบะดีแย ม.6 ต.ตันหยงลิมอ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับบ้านป่าไผ่ ที่เดินทางมาสังเกตการณ์ทราบว่า หลังจากคนร้ายผูกธงชาติแล้วลอบวางระเบิดในพื้นที่สวนยางพาราของชาวบ้าน และสถานที่ต่างๆ ในวันที่ 31 ส.ค. เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เจ้าของสวนยางพาราจำนวนหลายรายในหลายพื้นที่ ได้ไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายวางไว้จนขาขาด ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าเดินทางไปกรีดยางเป็นจำนวนมาก เกรงไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวคนร้ายมุ่งประสงค์ที่จะข่มขู่ชาวบ้าน เพื่อไม้ให้ประกอบอาชีพ โดยเรื่องดังกล่าวต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำปัญหาไปแก้ไขไม่เช่นนั้น ต่อไปชาวบ้านต้องอดตายแน่ เพราะปัจจุบันนี้ไม่กล้าที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่อยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น เกรงจะโชคร้ายตกเป็นเหยื่อของคนร้ายดักสังหารจนเสียชีวิต
ขณะที่เมื่อเวลา10.40 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.จิตรกร หลวงอภัย ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุชาวบ้านเหยียบกับระเบิด บริเวณริมถนนสายตันหยงมัส-ยี่งอ ช่วงบริเวณบ้านวัดร่อน ม.2 ต.ตันหยงมัส จึงได้รุดไปที่เกิดเหตุ พบว่าที่โคนต้นไม้ริมถนนมีหลุมลึก 1 ฟุต กว้าง 1 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกระป๋องปลากระป๋องยี่ห้อหนึ่ง หนัก 0.5 กก.จุดชนวนด้วยระบบเท้าเหยียบ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน และพงหญ้ารกทึบริมทาง พร้อมทั้งกองเลือดจำนวนหนึ่งที่มีรอยหยดทั่วบริเวณ
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลระแงะ ทราบชื่อต่อมาคือ นายวอหะ แบเลาะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.6 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณเท้าทั้ง 2 ข้าง หน้าขา และใบหน้า แพทย์เร่งช่วยปฐมพยาบาล โดยสอบสวนทราบว่า ระหว่างที่นายวอหะขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปทำธุระในเขตเทศบาลตำบลยี่งอ อ.ยี่งอ และได้แวะจอดเพื่อปัสสาวะ ปรากฏว่า เท้าได้ไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายวางไว้จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น ขณะที่ผู้บาดเจ็บได้ฝืนความเจ็บปวดขี่รถจักรยานยนต์ไปรักษาที่โรงพยาบาลระแงะ ก่อนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะแจ้งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ ได้รับทราบ.
วานนี้ (10ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีผู้ก่อความไม่สงบ ใช้วิธีการวางกับระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ว่า คงต้องกลับไปทบทวน เพราะการสู้รบมีหลายแบบ ทั้งการรุก รับ ร่น และ ถอย เขาพยายามหาทุกวิถีทางมาต่อสู้กับเรา ซึ่งเราใช้ทั้งวิธีการเดินทางด้วยรถ และการเดินเท้าลาดตระเวน เมื่อเขารู้ว่าเราเดินจึงเอากับระเบิดมาวางให้เราเหยียบ ซึ่งป้องกันได้ยาก เพราะเขาวางไว้ตามพื้นดินในเส้นทางที่เราใช้ประจำ ทั้งนี้ตามหลักการรบจริง เราจะต้องไม่ใช้เส้นทางเดิม แต่เส้นทางการเดินทางไปวัด และโรงเรียน เป็นเส้นทางเก่า ไม่มีเส้นทางอื่น ทำให้เกิดความเสี่ยง จึงได้สั่งการให้ทุกคนเพิ่มความระมัดระวังตัวให้มากขึ้น
**ผล.ทบ. ลั่นไม่เจรจากับโจรใต้
ส่วนการพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราทำอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่จะมานั่งโต๊ะคุย คงจะต้องพูดคุยผ่านประชาชน ผู้นำท้องถิ่น เพราะคนพวกนี้รู้จักกันดี แต่อาจจะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่เจ้าหน้าที่พร้อมให้ผู้หลงผิดเข้ามามอบตัว วันนี้ความไว้วางใจยังไม่เกิดขึ้น แม้เราจะเปิดให้มอบตัว แต่เขายังมาจำนวนน้อย เพราะอาจจะกลัวความผิดทางคดี กลัวผู้บาดเจ็บสูญเสียแก้แค้น แต่เราเปิดโอกาสให้เขาตลอดเวลา
" ถามว่าคนที่ต้องขอเจรจาควรเป็นคนกลุ่มไหน คนแพ้หรือคนชนะ คนได้เปรียบจะมาขอเจรจาหรือ ถามว่ามันควรที่เราจะไปเจรจากับเขาหรือ เราจะต้องใช้วิธีอื่น ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เขามีจำนวนมากขึ้น ภาคใต้มีคน 2 ล้าน ถามว่าที่เราดูแลให้ปลอดภัยได้มีจำนวนเท่าไหร่ "
** ไม่รู้เรื่องนักการเมืองช. กว้านซื้อที่ดิน
เมื่อถามกรณี นักการเมืองตัวอักษรย่อ ช.ช้าง ที่อยู่ฝ่ายรัฐบาล กว้านซื้อที่ดินในพื้นที่ภาคใต้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่เห็นมี แต่อยากอธิบายเรื่องนี้ ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีการข่มขู่ ไล่ไทยพุทธออกจากพื้นที่ และให้ขายที่ดินในราคาถูก ซึ่งจะมีคนฉกฉวยประโยชน์ตรงนี้ไปซื้อที่ดิน โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หวังดี จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษานายกฯว่า ทำอย่างไรที่จะรับซื้อที่ดิน ที่ไม่ใช่ราคาสูง ให้เขาขายฝาก ดังนั้นอยู่ดีๆ นาย ช. จะไปซื้อที่ดินได้อย่างไร คนที่จะขายที่ จะมีคณะกรรมการทำงานในแต่ละจังหวัด หากมีปัญหา ก็จะไปหาผู้ว่าราชการฯ โดยมีคนรับรองว่าเป็นที่เขา และเดือดร้อนจริงหรือไม่ เป็นการขายฝาก ดอกเบี้ยที่น้อยหรืออาจไม่มีเลย ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ โดยผ่านคณะกรรมการที่จะพิจารณาว่า ควรซื้อ ไม่ซื้อ คงไม่เกี่ยวกับ นาย ช. ที่ไปกว้านซื้อตรงไหน ซึ่งการทำแบนนี้ น่าเป็นการป้องกัน นาย ช.ช้าง มากกว่า เพราะทางการลงไปซื้อ" ผบ.ทบ. กล่าว
***คนร้ายผูกธงชาติวางบึ้มปลอม
เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (10 ก.ย.) ร.ต.ท.สัณฐิติ ทองจันทร์ ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายผูกธงชาติไทย และฝังวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดภายในสวนยางพาราบ้านป่าไผ่ ม.5 ต.ตันหยงลิมอ จึงพร้อมด้วย ร.ต.ต.พลวัฒน์ เทพษร รอง หน.ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด นปพ.จ.นราธิวาส รวมทั้งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จำนวนหนึ่งรุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบคนร้ายผูกธงชาติไทยซึ่งมีร่องรอยการเผาไว้ที่ต้นยางพารา จำนวน 3 ผืน 3 จุด ซึ่งห่างกันจุดละ 5 เมตร โดยเฉพาะที่บริเวณโคนต้นยางพารา คนร้ายได้ทำการพูนดินไว้เป็นเนิน เหมือนลักษณะฝังวัตถุต้องสงสัยไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้เครื่องตรวจสอบวัตถุโลหะในการตรวจสอบโคนต้นยางพาราทั้ง 3 จุด พบว่าในกองดินไม่มีวัตถุต้องสงสัยใดๆ ฝังไว้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการแกะธงชาติไทยออก เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน นำไปตรวจสอบคราบลายนิ้วมือแฝง ว่าคนร้ายกลุ่มนี้ได้เคยก่อเหตุลักษณะนี้เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา รวม 120 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่
จากการสอบถามนางบีเดาะ เจ๊ะนุ อายุ 45 ปี เจ้าของสวนยางพาราบ้านลูโบะดีแย ม.6 ต.ตันหยงลิมอ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับบ้านป่าไผ่ ที่เดินทางมาสังเกตการณ์ทราบว่า หลังจากคนร้ายผูกธงชาติแล้วลอบวางระเบิดในพื้นที่สวนยางพาราของชาวบ้าน และสถานที่ต่างๆ ในวันที่ 31 ส.ค. เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เจ้าของสวนยางพาราจำนวนหลายรายในหลายพื้นที่ ได้ไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายวางไว้จนขาขาด ทำให้ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าเดินทางไปกรีดยางเป็นจำนวนมาก เกรงไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต
ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวคนร้ายมุ่งประสงค์ที่จะข่มขู่ชาวบ้าน เพื่อไม้ให้ประกอบอาชีพ โดยเรื่องดังกล่าวต้องการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องนำปัญหาไปแก้ไขไม่เช่นนั้น ต่อไปชาวบ้านต้องอดตายแน่ เพราะปัจจุบันนี้ไม่กล้าที่จะเดินทางออกนอกพื้นที่อยู่แล้วถ้าไม่จำเป็น เกรงจะโชคร้ายตกเป็นเหยื่อของคนร้ายดักสังหารจนเสียชีวิต
ขณะที่เมื่อเวลา10.40 น.วันเดียวกัน ร.ต.ท.จิตรกร หลวงอภัย ร้อยเวร สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุชาวบ้านเหยียบกับระเบิด บริเวณริมถนนสายตันหยงมัส-ยี่งอ ช่วงบริเวณบ้านวัดร่อน ม.2 ต.ตันหยงมัส จึงได้รุดไปที่เกิดเหตุ พบว่าที่โคนต้นไม้ริมถนนมีหลุมลึก 1 ฟุต กว้าง 1 ฟุต และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกระป๋องปลากระป๋องยี่ห้อหนึ่ง หนัก 0.5 กก.จุดชนวนด้วยระบบเท้าเหยียบ ตกกระจายเกลื่อนพื้นถนน และพงหญ้ารกทึบริมทาง พร้อมทั้งกองเลือดจำนวนหนึ่งที่มีรอยหยดทั่วบริเวณ
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลระแงะ ทราบชื่อต่อมาคือ นายวอหะ แบเลาะ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.6 ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณเท้าทั้ง 2 ข้าง หน้าขา และใบหน้า แพทย์เร่งช่วยปฐมพยาบาล โดยสอบสวนทราบว่า ระหว่างที่นายวอหะขับขี่รถจักรยานยนต์ ไปทำธุระในเขตเทศบาลตำบลยี่งอ อ.ยี่งอ และได้แวะจอดเพื่อปัสสาวะ ปรากฏว่า เท้าได้ไปเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายวางไว้จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น ขณะที่ผู้บาดเจ็บได้ฝืนความเจ็บปวดขี่รถจักรยานยนต์ไปรักษาที่โรงพยาบาลระแงะ ก่อนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะแจ้งต่อไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ระแงะ ได้รับทราบ.